Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ทำ HIFU อยู่ได้นานไหม? ต้องทำบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

Byadmin กันยายน 29, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on กันยายน 29, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ทำ HIFU อยู่ได้นานไหม? ต้องทำบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

HIFU คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี และเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังทำ.

Table of Contents

Toggle
  • HIFU คืออะไร? และช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
    • HIFU สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายด้าน ได้แก่:
    • หลักการทำงานของ HIFU
    • ประโยชน์ของการทำ HIFU (ยกกระชับ, ลดริ้วรอย, กระตุ้นคอลลาเจน)
  • HIFU อยู่ได้นานกี่เดือน? ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์
    • ระยะเวลาของผลลัพธ์ (5-6 เดือน, สูงสุด 1 ปี)
    • ปัจจัยด้านบุคคล (สภาพผิว, อายุ, การดูแลตัวเอง)
    • ปัจจัยด้านการรักษา (จำนวนช็อต, พลังงานที่ใช้, เครื่องมือ)
  • ทำ HIFU บ่อยแค่ไหน? และเห็นผลเมื่อไหร่?
    • ความถี่ที่เหมาะสมในการทำ HIFU ซ้ำ
    • ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลลัพธ์ (ทันที, 1 เดือน, 1-2 เดือน)
    • จำนวนช็อตที่เหมาะสม (HIFU กี่ช็อตถึงจะเห็นผล)
  • ข้อดีและข้อเสียของการทำ HIFU
    • ข้อดี (ไม่ต้องผ่าตัด, ไม่ต้องพักฟื้น, ปลอดภัย)
    • ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (บวม, ช้ำ, เจ็บ)
  • การดูแลตัวเองหลังทำ HIFU เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
    • สิ่งที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงหลังทำ HIFU
    • การบำรุงผิวและการป้องกันแสงแดด
  • ก่อนตัดสินใจทำ HIFU: สิ่งที่ควรรู้
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมมีดังนี้:
    • ค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU (HIFU ราคา)
    • เปรียบเทียบ HIFU กับการรักษาอื่น (เช่น Botox)
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ HIFU
    • HIFU เจ็บไหม?
    • หลังทำ HIFU หน้าจะบวมกี่วัน?
    • HIFU เหมาะกับใคร?
  • References:

HIFU คืออะไร? และช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงเพื่อยกกระชับผิวและลดความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยหลักการทำงานคือการส่งพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวหนังลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า) ทำให้เกิดความร้อนเป็นจุดเล็กๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

HIFU สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายด้าน ได้แก่:

  • ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าส่วนล่าง กรอบหน้า คิ้ว และลำคอ
  • ฟื้นฟูความยืดหยุ่นและปรับปรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน
  • กระชับผิวบริเวณร่างกายที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย เช่น ต้นแขนและหน้าท้อง
  • ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง

หลักการทำงานของ HIFU

HIFU ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนัง SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า

หลักการทำงานคือการสร้างจุดความร้อนเล็กๆ ที่ควบคุมได้ใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นใยคอลลาเจนเก่าหดตัวทันที และกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลให้มีการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ ทำให้ผิวค่อยๆ ตึงกระชับและยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ประโยชน์ของการทำ HIFU (ยกกระชับ, ลดริ้วรอย, กระตุ้นคอลลาเจน)

ประโยชน์หลักของ HIFU คือ การยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยมาก

HIFU มีประโยชน์ที่สำคัญดังนี้:

  • ยกกระชับผิว (Lifting and Tightening): ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณใบหน้า กรอบหน้า ลำคอ และคิ้ว โดยการส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
  • กระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulation): ความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวนด์จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและหนาแน่นขึ้น
  • ปรับปรุงคุณภาพผิว (Skin Quality Improvement): ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและสามารถลดความหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณร่างกายได้ เช่น ต้นแขนและหน้าท้อง
  • ข้อดีอื่นๆ (Other Advantages): เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้กับทุกสีผิว และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

HIFU อยู่ได้นานกี่เดือน? ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์

ระยะเวลาของผลลัพธ์ (5-6 เดือน, สูงสุด 1 ปี)

ผลลัพธ์ของ HIFU จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังทำ และโดยทั่วไปจะคงอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี แต่ในบางกรณีอาจนานถึง 18 เดือน

การเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆ เกิดขึ้นและเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ การเผชิญแสงแดด และการใช้ชีวิต สามารถส่งผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ได้

ปัจจัยด้านบุคคล (สภาพผิว, อายุ, การดูแลตัวเอง)

อายุ สภาพผิว และการใช้ชีวิต เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และระยะเวลาของผลลัพธ์จากการทำ HIFU

  • อายุ: ผลลัพธ์จะดีที่สุดในกลุ่มคนอายุ 30-50 ปี ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือมีความหย่อนคล้อยรุนแรง ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
  • สภาพผิว: ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลางและผิวยังมีความยืดหยุ่นดีจะเห็นผลชัดเจนที่สุด ในขณะที่ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากหรือผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดอย่างรุนแรงอาจเห็นผลน้อยลง
  • การดูแลตัวเอง: การสูบบุหรี่ การเผชิญแสงแดดจัด และการขาดการบำรุงผิว สามารถเร่งการสลายของคอลลาเจนและทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง ในทางกลับกัน ผู้ที่ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอและดูแลผิวให้ชุ่มชื้นจะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น

ปัจจัยด้านการรักษา (จำนวนช็อต, พลังงานที่ใช้, เครื่องมือ)

จำนวนช็อต พลังงานที่ใช้ และคุณภาพของเครื่องมือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและความคงทนของผลลัพธ์จากการทำ HIFU การตั้งค่าปัจจัยเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เกิดการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่

  • จำนวนช็อต (Lines): การใช้จำนวนช็อตที่น้อยเกินไปจะให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อยและอยู่ได้ไม่นาน โดยทั่วไปการทำทั่วใบหน้าและลำคออาจต้องใช้ 500-1,000 ช็อตขึ้นไปเพื่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอและเห็นผลการยกกระชับที่ชัดเจน
  • พลังงานและความลึก: การตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสมและการยิงในหลายระดับความลึก (เช่น 1.5 มม., 3.0 มม. และ 4.5 มม.) จะช่วยให้เกิดการยกกระชับที่ครอบคลุมทั้งผิวชั้นตื้นและชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่รองรับผิว ทำให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นและยาวนานขึ้น
  • เครื่องมือที่ใช้: เครื่องมือคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรอง (เช่น Ultherapy ที่มีหน้าจอแสดงภาพผิวแบบเรียลไทม์) จะช่วยให้พลังงานถูกส่งไปยังชั้นผิวเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง ในขณะที่เครื่องมือราคาถูกหรือไม่ได้มาตรฐานอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอและไม่ปลอดภัย

ทำ HIFU บ่อยแค่ไหน? และเห็นผลเมื่อไหร่?

โดยทั่วไปแนะนำให้ทำ HIFU ทุก 6-12 เดือน และจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2-3 เดือน โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในเดือนที่ 3-6 หลังการรักษา

  • ความถี่ในการทำ: การทำ HIFU หนึ่งครั้งให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน จึงมักทำเพื่อคงสภาพผิวปีละ 1 ครั้ง โดยมีคำแนะนำให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 6 เดือนก่อนทำซ้ำในบริเวณเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงการรักษาที่ถี่เกินไป
  • ระยะเวลาในการเห็นผล: ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นเนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยผิวจะเริ่มกระชับและริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 8-12 สัปดาห์ (2-3 เดือน) และจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเห็นผลเต็มที่ในเดือนที่ 3-6

ความถี่ที่เหมาะสมในการทำ HIFU ซ้ำ

ความถี่ที่เหมาะสมในการทำ HIFU ซ้ำคือ ปีละครั้ง เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้

โดยทั่วไปแล้ว แนวทางปฏิบัติแนะนำให้เว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือนก่อนที่จะทำ HIFU ซ้ำในบริเวณเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการรักษาในระดับความลึกสูงสุด (ชั้น SMAS) ในบางกรณีแพทย์อาจนัดเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมในอีก 6 เดือน แต่การทำซ้ำบ่อยกว่านั้นไม่ใช่เรื่องปกติ

ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลลัพธ์ (ทันที, 1 เดือน, 1-2 เดือน)

โดยทั่วไปแล้ว จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือน หลังการทำ HIFU เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวค่อยๆ ยกกระชับและริ้วรอยลดลง โดยผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและเห็นผลเต็มที่ที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังทำ

จำนวนช็อตที่เหมาะสม (HIFU กี่ช็อตถึงจะเห็นผล)

จำนวนช็อต HIFU ที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว การทำทั่วใบหน้าและลำคอมักจะใช้ประมาณ 500–1,000 ไลน์ขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

จำนวนไลน์ที่แนะนำสำหรับแต่ละบริเวณมีดังนี้:

  • ทั่วใบหน้าและลำคอ: มักใช้ 500–1,000 ไลน์ขึ้นไป
  • เฉพาะส่วน: สำหรับพื้นที่เล็กๆ เช่น แก้ม อาจใช้ประมาณ 100 ไลน์ต่อข้าง

ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและปรับจำนวนช็อตให้เหมาะสมกับความหย่อนคล้อยและขนาดใบหน้าของแต่ละคน โดยผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากอาจต้องใช้จำนวนช็อตที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุด

ข้อดีและข้อเสียของการทำ HIFU

ข้อดี (ไม่ต้องผ่าตัด, ไม่ต้องพักฟื้น, ปลอดภัย)

ข้อดีหลักของ HIFU คือ เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มีระยะเวลาพักฟื้นน้อย และมีความปลอดภัยสูง

  • ไม่ต้องผ่าตัด: HIFU เป็นการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด โดยการส่งพลังงานอัลตราซาวด์ลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน ทำให้ผิวชั้นนอกไม่ได้รับความเสียหาย
  • ไม่ต้องพักฟื้น: เนื่องจากไม่มีบาดแผลบนผิว ผู้รับบริการจึงสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติทันทีหลังการรักษา
  • ปลอดภัย: HIFU มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว และมีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรง โดยผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักเป็นเพียงอาการบวมหรือแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่นาน

ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (บวม, ช้ำ, เจ็บ)

ผลข้างเคียงของ HIFU โดยทั่วไปไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เนื่องจากเป็นหัตถการที่ไม่ทำลายผิวชั้นนอกจึงมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยมาก

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้มีดังนี้:

  • ความเจ็บปวด: ระหว่างทำอาจรู้สึกอุ่นหรือเหมือนมีไฟฟ้าช็อตเบาๆ ใต้ผิวหนัง ส่วนหลังทำอาจมีอาการปวดระบมเล็กน้อยคล้ายปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งจะหายไปเองในไม่กี่วัน
  • อาการบวมและรอยแดง: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยปกติจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน
  • รอยช้ำ: อาจเกิดขึ้นได้บ้างแต่ไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะบริเวณแนวกราม และจะค่อยๆ จางหายไป
  • อาการชา: อาจมีอาการชาหรือรู้สึกยิบๆ บริเวณผิวหนังได้ชั่วคราว หากพลังงานกระทบเส้นประสาทส่วนปลาย ซึ่งจะหายได้เองภายในไม่กี่วันถึงสองสัปดาห์

สำหรับผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น เส้นประสาทเสียหายถาวรหรือผิวไหม้ ถือว่าพบได้น้อยมากและมักเกิดจากความผิดพลาดของผู้ทำหัตถการ

การดูแลตัวเองหลังทำ HIFU เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

สิ่งที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงหลังทำ HIFU

หลังทำ HIFU ควรเน้นการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทาครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุดและส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน

สิ่งที่ควรทำ:

  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่รุนแรงกับน้ำอุณหภูมิปกติ
  • ให้ความชุ่มชื้น: ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อป้องกันผิวแห้ง
  • ทาครีมกันแดด: ปกป้องผิวจากรังสียูวีทุกวันเพื่อรักษาคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การให้ความชุ่มชื้นจากภายในช่วยในการฟื้นฟูผิว

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง: งดใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้และเรตินอยด์ประมาณ 1 สัปดาห์
  • การออกกำลังกายหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักที่ทำให้ร่างกายร้อนและอาจเพิ่มอาการบวมในช่วง 1-2 วันแรก
  • การนวดหน้า: ห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ทำอย่างรุนแรงเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • การทำทรีตเมนต์อื่น: เลื่อนการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าอื่นๆ เช่น เลเซอร์ หรือการลอกผิว ออกไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์

การบำรุงผิวและการป้องกันแสงแดด

หลังทำ HIFU ควรดูแลผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและคงผลลัพธ์ไว้ได้นานที่สุด

  • การบำรุงผิว: ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและมอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยนกับน้ำอุณหภูมิปกติ และควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA), เรตินอยด์ หรือน้ำหอมที่รุนแรงเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน
  • การป้องกันแสงแดด: การป้องกันผิวจากรังสียูวีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันภาวะเม็ดสีผิดปกติหลังการอักเสบ แต่ยังช่วยรักษาคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ให้คงอยู่ได้นานขึ้นด้วย

ก่อนตัดสินใจทำ HIFU: สิ่งที่ควรรู้

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรพิจารณาจากประสบการณ์ของแพทย์และการใช้เครื่อง HIFU ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรอง เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัย

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมมีดังนี้:

  • ประสบการณ์ของแพทย์: ควรสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ เช่น จำนวนเคสที่เคยทำ หรือการฝึกอบรมเฉพาะทาง
  • มาตรฐานของเครื่องมือ: คลินิกควรใช้เครื่อง HIFU ที่ผ่านการรับรอง เช่น Ultherapy ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA และมีเทคโนโลยีอัลตราซาวด์แบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัย หรือเครื่องรุ่นใหม่ที่ผ่านการรับรองจาก CE/FDA
  • การให้คำปรึกษา: ผู้ให้บริการที่ดีจะซักประวัติทางการแพทย์อย่างละเอียดเพื่อประเมินว่าคนไข้ไม่มีข้อห้ามในการทำ HIFU

ค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU (HIFU ราคา)

ค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU สำหรับทั่วใบหน้าและลำคอในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 35,000–40,000 บาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์ (shots) ที่ใช้และบริเวณที่ทำ

  • การทำเฉพาะส่วน: สำหรับบริเวณเล็กๆ เช่น กรอบหน้า หรือรอบดวงตา ราคาอาจอยู่ที่ประมาณ 10,000–20,000 บาท
  • ปัจจัยกำหนดราคา: คลินิกส่วนใหญ่มักคิดราคาตามจำนวนไลน์ที่ยิง ยิ่งใช้จำนวนไลน์มากเพื่อครอบคลุมพื้นที่กว้าง ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ข้อควรระวัง: ควรระมัดระวังข้อเสนอราคาที่ถูกจนเกินไป เพราะอาจเป็นการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

เปรียบเทียบ HIFU กับการรักษาอื่น (เช่น Botox)

HIFU เน้นการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยโดยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก ในขณะที่การรักษาอื่นๆ จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น โบท็อกซ์ (Botox) ใช้เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ส่วนฟิลเลอร์ (Fillers) ใช้เพื่อเติมเต็มปริมาตรที่หายไป

การเปรียบเทียบระหว่าง HIFU กับการรักษาความงามประเภทอื่น มีดังนี้

ประเภทการรักษา หลักการทำงาน ผลลัพธ์หลัก เหมาะสำหรับ
HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวลึก (SMAS) ยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
โบท็อกซ์ (Botox) คลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ ลดเลือนริ้วรอย เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยจากการขยับของกล้ามเนื้อ
คลื่นวิทยุ (RF) ใช้ความร้อนกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ปรับปรุงผิวชั้นบนให้เรียบเนียน ลดริ้วรอยตื้นๆ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยตื้นๆ
ร้อยไหม (Thread Lifts) ใช้ไหมละลายสอดใต้ผิวเพื่อดึงยกผิวขึ้น ยกกระชับผิวได้ทันที ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่เห็นผลทันที
เลเซอร์ (Laser) ทำงานที่ผิวชั้นบนเพื่อผลัดเซลล์ผิวและปรับสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอย ปรับปรุงพื้นผิวและสีผิว ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและพื้นผิวไม่เรียบเนียน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ HIFU

HIFU เจ็บไหม?

การทำ HIFU อาจทำให้รู้สึกไม่สบายผิวได้ แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถทนได้ โดยความรู้สึกจะคล้ายกับความร้อนจี๊ดๆ หรือเหมือนมีไฟฟ้าแปลบๆ ลึกลงไปในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะรู้สึกชัดขึ้นในบริเวณที่ใกล้กระดูก เช่น แนวกรามและหน้าผาก

คลินิกส่วนใหญ่มักจะทายาชาก่อนทำ และอาจให้ยาแก้ปวดเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิว ความรู้สึกเจ็บนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะที่ปล่อยพลังงานเท่านั้น และจะหายไปทันทีหลังสิ้นสุดการยิง ส่วนอาการระบมหลังทำจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน

หลังทำ HIFU หน้าจะบวมกี่วัน?

โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังทำ HIFU จะหายไปภายใน 1-2 วัน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ อาการบวมแดงเล็กน้อยจะจางลงภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังทำเสร็จ

อาการบวมมักไม่รุนแรงและสังเกตเห็นได้เพียงเล็กน้อย โดยผิวจะกลับสู่สภาพปกติทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์

HIFU เหมาะกับใคร?

HIFU เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่มีสัญญาณแห่งวัยในระยะเริ่มต้นถึงปานกลางและต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยผู้ที่เหมาะกับการทำ HIFU มีลักษณะดังนี้

  • ผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย เช่น คิ้วตก หนังใต้คางหย่อน หรือแนวกรามไม่คมชัด
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแต่ยังไม่พร้อมหรือไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด
  • สามารถทำได้กับทุกสีผิว เนื่องจากพลังงานอัลตราซาวนด์ไม่ได้มีเป้าหมายที่เม็ดสีผิว

HIFU จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการผ่าตัด และไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปีซึ่งผิวยังไม่หย่อนคล้อย

References:

  1. National Institutes of Health. nih.gov
  2. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  3. American Board of Cosmetic Surgery. americanboardcosmeticsurgery.org
  4. MDPI. mdpi.com
  5. Medical News Today. medicalnewstoday.com
  6. Merz. merz.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
Oligio กับ Thermage: เทียบชัดๆ ต่างกันอย่างไร? เลือกตัวไหนดี?
NextContinue
ขูดฟิลเลอร์เจ็บไหม? อันตรายหรือเปล่า? รู้ก่อนตัดสินใจ

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube