ทำ HIFU อยู่ได้นานไหม? ต้องทำบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

HIFU คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี และเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังทำ.
HIFU คืออะไร? และช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงเพื่อยกกระชับผิวและลดความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยหลักการทำงานคือการส่งพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวหนังลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า) ทำให้เกิดความร้อนเป็นจุดเล็กๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
HIFU สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายด้าน ได้แก่:
- ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าส่วนล่าง กรอบหน้า คิ้ว และลำคอ
- ฟื้นฟูความยืดหยุ่นและปรับปรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน
- กระชับผิวบริเวณร่างกายที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย เช่น ต้นแขนและหน้าท้อง
- ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง
หลักการทำงานของ HIFU
HIFU ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนัง SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า
หลักการทำงานคือการสร้างจุดความร้อนเล็กๆ ที่ควบคุมได้ใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นใยคอลลาเจนเก่าหดตัวทันที และกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลให้มีการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ ทำให้ผิวค่อยๆ ตึงกระชับและยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ประโยชน์ของการทำ HIFU (ยกกระชับ, ลดริ้วรอย, กระตุ้นคอลลาเจน)
ประโยชน์หลักของ HIFU คือ การยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยมาก
HIFU มีประโยชน์ที่สำคัญดังนี้:
- ยกกระชับผิว (Lifting and Tightening): ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณใบหน้า กรอบหน้า ลำคอ และคิ้ว โดยการส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
- กระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulation): ความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวนด์จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและหนาแน่นขึ้น
- ปรับปรุงคุณภาพผิว (Skin Quality Improvement): ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและสามารถลดความหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณร่างกายได้ เช่น ต้นแขนและหน้าท้อง
- ข้อดีอื่นๆ (Other Advantages): เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้กับทุกสีผิว และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
HIFU อยู่ได้นานกี่เดือน? ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์
ระยะเวลาของผลลัพธ์ (5-6 เดือน, สูงสุด 1 ปี)
ผลลัพธ์ของ HIFU จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังทำ และโดยทั่วไปจะคงอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี แต่ในบางกรณีอาจนานถึง 18 เดือน
การเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆ เกิดขึ้นและเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ การเผชิญแสงแดด และการใช้ชีวิต สามารถส่งผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ได้
ปัจจัยด้านบุคคล (สภาพผิว, อายุ, การดูแลตัวเอง)
อายุ สภาพผิว และการใช้ชีวิต เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และระยะเวลาของผลลัพธ์จากการทำ HIFU
- อายุ: ผลลัพธ์จะดีที่สุดในกลุ่มคนอายุ 30-50 ปี ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือมีความหย่อนคล้อยรุนแรง ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
- สภาพผิว: ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลางและผิวยังมีความยืดหยุ่นดีจะเห็นผลชัดเจนที่สุด ในขณะที่ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากหรือผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดอย่างรุนแรงอาจเห็นผลน้อยลง
- การดูแลตัวเอง: การสูบบุหรี่ การเผชิญแสงแดดจัด และการขาดการบำรุงผิว สามารถเร่งการสลายของคอลลาเจนและทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง ในทางกลับกัน ผู้ที่ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอและดูแลผิวให้ชุ่มชื้นจะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น
ปัจจัยด้านการรักษา (จำนวนช็อต, พลังงานที่ใช้, เครื่องมือ)
จำนวนช็อต พลังงานที่ใช้ และคุณภาพของเครื่องมือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและความคงทนของผลลัพธ์จากการทำ HIFU การตั้งค่าปัจจัยเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เกิดการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
- จำนวนช็อต (Lines): การใช้จำนวนช็อตที่น้อยเกินไปจะให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อยและอยู่ได้ไม่นาน โดยทั่วไปการทำทั่วใบหน้าและลำคออาจต้องใช้ 500-1,000 ช็อตขึ้นไปเพื่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอและเห็นผลการยกกระชับที่ชัดเจน
- พลังงานและความลึก: การตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสมและการยิงในหลายระดับความลึก (เช่น 1.5 มม., 3.0 มม. และ 4.5 มม.) จะช่วยให้เกิดการยกกระชับที่ครอบคลุมทั้งผิวชั้นตื้นและชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่รองรับผิว ทำให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นและยาวนานขึ้น
- เครื่องมือที่ใช้: เครื่องมือคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรอง (เช่น Ultherapy ที่มีหน้าจอแสดงภาพผิวแบบเรียลไทม์) จะช่วยให้พลังงานถูกส่งไปยังชั้นผิวเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง ในขณะที่เครื่องมือราคาถูกหรือไม่ได้มาตรฐานอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอและไม่ปลอดภัย
ทำ HIFU บ่อยแค่ไหน? และเห็นผลเมื่อไหร่?
โดยทั่วไปแนะนำให้ทำ HIFU ทุก 6-12 เดือน และจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2-3 เดือน โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในเดือนที่ 3-6 หลังการรักษา
- ความถี่ในการทำ: การทำ HIFU หนึ่งครั้งให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน จึงมักทำเพื่อคงสภาพผิวปีละ 1 ครั้ง โดยมีคำแนะนำให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 6 เดือนก่อนทำซ้ำในบริเวณเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงการรักษาที่ถี่เกินไป
- ระยะเวลาในการเห็นผล: ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นเนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยผิวจะเริ่มกระชับและริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 8-12 สัปดาห์ (2-3 เดือน) และจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเห็นผลเต็มที่ในเดือนที่ 3-6
ความถี่ที่เหมาะสมในการทำ HIFU ซ้ำ
ความถี่ที่เหมาะสมในการทำ HIFU ซ้ำคือ ปีละครั้ง เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้
โดยทั่วไปแล้ว แนวทางปฏิบัติแนะนำให้เว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือนก่อนที่จะทำ HIFU ซ้ำในบริเวณเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการรักษาในระดับความลึกสูงสุด (ชั้น SMAS) ในบางกรณีแพทย์อาจนัดเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมในอีก 6 เดือน แต่การทำซ้ำบ่อยกว่านั้นไม่ใช่เรื่องปกติ
ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลลัพธ์ (ทันที, 1 เดือน, 1-2 เดือน)
โดยทั่วไปแล้ว จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือน หลังการทำ HIFU เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวค่อยๆ ยกกระชับและริ้วรอยลดลง โดยผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและเห็นผลเต็มที่ที่สุดในช่วง 3-6 เดือนหลังทำ
จำนวนช็อตที่เหมาะสม (HIFU กี่ช็อตถึงจะเห็นผล)
จำนวนช็อต HIFU ที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว การทำทั่วใบหน้าและลำคอมักจะใช้ประมาณ 500–1,000 ไลน์ขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
จำนวนไลน์ที่แนะนำสำหรับแต่ละบริเวณมีดังนี้:
- ทั่วใบหน้าและลำคอ: มักใช้ 500–1,000 ไลน์ขึ้นไป
- เฉพาะส่วน: สำหรับพื้นที่เล็กๆ เช่น แก้ม อาจใช้ประมาณ 100 ไลน์ต่อข้าง
ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและปรับจำนวนช็อตให้เหมาะสมกับความหย่อนคล้อยและขนาดใบหน้าของแต่ละคน โดยผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากอาจต้องใช้จำนวนช็อตที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุด
ข้อดีและข้อเสียของการทำ HIFU
ข้อดี (ไม่ต้องผ่าตัด, ไม่ต้องพักฟื้น, ปลอดภัย)
ข้อดีหลักของ HIFU คือ เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มีระยะเวลาพักฟื้นน้อย และมีความปลอดภัยสูง
- ไม่ต้องผ่าตัด: HIFU เป็นการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด โดยการส่งพลังงานอัลตราซาวด์ลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน ทำให้ผิวชั้นนอกไม่ได้รับความเสียหาย
- ไม่ต้องพักฟื้น: เนื่องจากไม่มีบาดแผลบนผิว ผู้รับบริการจึงสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติทันทีหลังการรักษา
- ปลอดภัย: HIFU มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว และมีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรง โดยผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักเป็นเพียงอาการบวมหรือแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่นาน
ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (บวม, ช้ำ, เจ็บ)
ผลข้างเคียงของ HIFU โดยทั่วไปไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เนื่องจากเป็นหัตถการที่ไม่ทำลายผิวชั้นนอกจึงมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยมาก
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้มีดังนี้:
- ความเจ็บปวด: ระหว่างทำอาจรู้สึกอุ่นหรือเหมือนมีไฟฟ้าช็อตเบาๆ ใต้ผิวหนัง ส่วนหลังทำอาจมีอาการปวดระบมเล็กน้อยคล้ายปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งจะหายไปเองในไม่กี่วัน
- อาการบวมและรอยแดง: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยปกติจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน
- รอยช้ำ: อาจเกิดขึ้นได้บ้างแต่ไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะบริเวณแนวกราม และจะค่อยๆ จางหายไป
- อาการชา: อาจมีอาการชาหรือรู้สึกยิบๆ บริเวณผิวหนังได้ชั่วคราว หากพลังงานกระทบเส้นประสาทส่วนปลาย ซึ่งจะหายได้เองภายในไม่กี่วันถึงสองสัปดาห์
สำหรับผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น เส้นประสาทเสียหายถาวรหรือผิวไหม้ ถือว่าพบได้น้อยมากและมักเกิดจากความผิดพลาดของผู้ทำหัตถการ
การดูแลตัวเองหลังทำ HIFU เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
สิ่งที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงหลังทำ HIFU
หลังทำ HIFU ควรเน้นการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทาครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุดและส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน
สิ่งที่ควรทำ:
- ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่รุนแรงกับน้ำอุณหภูมิปกติ
- ให้ความชุ่มชื้น: ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อป้องกันผิวแห้ง
- ทาครีมกันแดด: ปกป้องผิวจากรังสียูวีทุกวันเพื่อรักษาคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การให้ความชุ่มชื้นจากภายในช่วยในการฟื้นฟูผิว
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:
- ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง: งดใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้และเรตินอยด์ประมาณ 1 สัปดาห์
- การออกกำลังกายหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักที่ทำให้ร่างกายร้อนและอาจเพิ่มอาการบวมในช่วง 1-2 วันแรก
- การนวดหน้า: ห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ทำอย่างรุนแรงเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- การทำทรีตเมนต์อื่น: เลื่อนการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าอื่นๆ เช่น เลเซอร์ หรือการลอกผิว ออกไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์
การบำรุงผิวและการป้องกันแสงแดด
หลังทำ HIFU ควรดูแลผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและคงผลลัพธ์ไว้ได้นานที่สุด
- การบำรุงผิว: ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและมอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยนกับน้ำอุณหภูมิปกติ และควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA), เรตินอยด์ หรือน้ำหอมที่รุนแรงเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน
- การป้องกันแสงแดด: การป้องกันผิวจากรังสียูวีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันภาวะเม็ดสีผิดปกติหลังการอักเสบ แต่ยังช่วยรักษาคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ให้คงอยู่ได้นานขึ้นด้วย
ก่อนตัดสินใจทำ HIFU: สิ่งที่ควรรู้
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรพิจารณาจากประสบการณ์ของแพทย์และการใช้เครื่อง HIFU ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรอง เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัย
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมมีดังนี้:
- ประสบการณ์ของแพทย์: ควรสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ เช่น จำนวนเคสที่เคยทำ หรือการฝึกอบรมเฉพาะทาง
- มาตรฐานของเครื่องมือ: คลินิกควรใช้เครื่อง HIFU ที่ผ่านการรับรอง เช่น Ultherapy ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA และมีเทคโนโลยีอัลตราซาวด์แบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัย หรือเครื่องรุ่นใหม่ที่ผ่านการรับรองจาก CE/FDA
- การให้คำปรึกษา: ผู้ให้บริการที่ดีจะซักประวัติทางการแพทย์อย่างละเอียดเพื่อประเมินว่าคนไข้ไม่มีข้อห้ามในการทำ HIFU
ค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU (HIFU ราคา)
ค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU สำหรับทั่วใบหน้าและลำคอในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 35,000–40,000 บาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์ (shots) ที่ใช้และบริเวณที่ทำ
- การทำเฉพาะส่วน: สำหรับบริเวณเล็กๆ เช่น กรอบหน้า หรือรอบดวงตา ราคาอาจอยู่ที่ประมาณ 10,000–20,000 บาท
- ปัจจัยกำหนดราคา: คลินิกส่วนใหญ่มักคิดราคาตามจำนวนไลน์ที่ยิง ยิ่งใช้จำนวนไลน์มากเพื่อครอบคลุมพื้นที่กว้าง ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ข้อควรระวัง: ควรระมัดระวังข้อเสนอราคาที่ถูกจนเกินไป เพราะอาจเป็นการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
เปรียบเทียบ HIFU กับการรักษาอื่น (เช่น Botox)
HIFU เน้นการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยโดยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก ในขณะที่การรักษาอื่นๆ จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น โบท็อกซ์ (Botox) ใช้เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ส่วนฟิลเลอร์ (Fillers) ใช้เพื่อเติมเต็มปริมาตรที่หายไป
การเปรียบเทียบระหว่าง HIFU กับการรักษาความงามประเภทอื่น มีดังนี้
| ประเภทการรักษา | หลักการทำงาน | ผลลัพธ์หลัก | เหมาะสำหรับ |
|---|---|---|---|
| HIFU | ใช้คลื่นอัลตราซาวด์กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวลึก (SMAS) | ยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย | ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง |
| โบท็อกซ์ (Botox) | คลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ | ลดเลือนริ้วรอย เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก | ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยจากการขยับของกล้ามเนื้อ |
| คลื่นวิทยุ (RF) | ใช้ความร้อนกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) | ปรับปรุงผิวชั้นบนให้เรียบเนียน ลดริ้วรอยตื้นๆ | ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยตื้นๆ |
| ร้อยไหม (Thread Lifts) | ใช้ไหมละลายสอดใต้ผิวเพื่อดึงยกผิวขึ้น | ยกกระชับผิวได้ทันที | ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่เห็นผลทันที |
| เลเซอร์ (Laser) | ทำงานที่ผิวชั้นบนเพื่อผลัดเซลล์ผิวและปรับสภาพผิว | ลดเลือนริ้วรอย ปรับปรุงพื้นผิวและสีผิว | ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและพื้นผิวไม่เรียบเนียน |
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ HIFU
HIFU เจ็บไหม?
การทำ HIFU อาจทำให้รู้สึกไม่สบายผิวได้ แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถทนได้ โดยความรู้สึกจะคล้ายกับความร้อนจี๊ดๆ หรือเหมือนมีไฟฟ้าแปลบๆ ลึกลงไปในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะรู้สึกชัดขึ้นในบริเวณที่ใกล้กระดูก เช่น แนวกรามและหน้าผาก
คลินิกส่วนใหญ่มักจะทายาชาก่อนทำ และอาจให้ยาแก้ปวดเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิว ความรู้สึกเจ็บนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะที่ปล่อยพลังงานเท่านั้น และจะหายไปทันทีหลังสิ้นสุดการยิง ส่วนอาการระบมหลังทำจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
หลังทำ HIFU หน้าจะบวมกี่วัน?
โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังทำ HIFU จะหายไปภายใน 1-2 วัน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ อาการบวมแดงเล็กน้อยจะจางลงภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังทำเสร็จ
อาการบวมมักไม่รุนแรงและสังเกตเห็นได้เพียงเล็กน้อย โดยผิวจะกลับสู่สภาพปกติทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์
HIFU เหมาะกับใคร?
HIFU เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่มีสัญญาณแห่งวัยในระยะเริ่มต้นถึงปานกลางและต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยผู้ที่เหมาะกับการทำ HIFU มีลักษณะดังนี้
- ผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย เช่น คิ้วตก หนังใต้คางหย่อน หรือแนวกรามไม่คมชัด
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแต่ยังไม่พร้อมหรือไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด
- สามารถทำได้กับทุกสีผิว เนื่องจากพลังงานอัลตราซาวนด์ไม่ได้มีเป้าหมายที่เม็ดสีผิว
HIFU จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการผ่าตัด และไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปีซึ่งผิวยังไม่หย่อนคล้อย
References:
- National Institutes of Health. nih.gov
- Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
- American Board of Cosmetic Surgery. americanboardcosmeticsurgery.org
- MDPI. mdpi.com
- Medical News Today. medicalnewstoday.com
- Merz. merz.com
