Oligio กับ Thermage: เทียบชัดๆ ต่างกันอย่างไร? เลือกตัวไหนดี?

Oligio vs Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียวที่กระตุ้นคอลลาเจน โดย Oligio เจ็บน้อยกว่าและราคาเข้าถึงง่ายกว่า ส่วน Thermage ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนานกว่าประมาณ 1 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัด.
Oligio และ Thermage คืออะไร?
Oligio และ Thermage คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency) ทั้งสองเครื่องมือทำงานโดยการส่งความร้อนลงไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเดิมและสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทน ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
หลักการทำงานของ Oligio (Radiofrequency Monopolar)
Oligio ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency) เพื่อส่งพลังงานความร้อนลงไปในชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2 ระยะ คือ:
- ผลลัพธ์ทันที: ความร้อนที่เกิดขึ้น (ประมาณ 40–60 °C) จะทำให้เส้นใยคอลลาเจนเดิมหดตัวทันที ส่งผลให้ผิวรู้สึกกระชับขึ้นได้หลังทำ
- ผลลัพธ์ระยะยาว: ความร้อนจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ซึ่งจะทำให้ผิวค่อยๆ แน่นกระชับ เรียบเนียน และยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในช่วง 3–6 เดือนหลังการรักษา
ในขณะที่ส่งความร้อนลงสู่ชั้นผิวลึก ตัวเครื่องจะมีระบบทำความเย็นเพื่อปกป้องผิวหนังชั้นนอก ทำให้การรักษามีความปลอดภัยและสบายผิว
หลักการทำงานของ Thermage (Radiofrequency Monopolar)
Thermage ใช้หลักการของคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency) ในการสร้างความร้อนปริมาณมากในชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อกระชับคอลลาเจนเดิมและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
ความร้อนที่เกิดขึ้น (ประมาณ 65–75 °C) จะส่งผล 2 กลไกหลัก คือ:
- ผลลัพธ์ทันที: เส้นใยคอลลาเจนเดิมเกิดการหดตัว ทำให้ผิวรู้สึกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
- ผลลัพธ์ระยะยาว: กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblasts) ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 3–6 เดือน
กระบวนการนี้ช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาเต่งตึงและเรียบเนียนขึ้น โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก เนื่องจากมีระบบให้ความเย็นเพื่อปกป้องผิวหนังชั้นบนไปพร้อมกัน
เทคโนโลยีที่ใช้ (RF)
Oligio และ Thermage ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency หรือ RF) เพื่อยกกระชับผิว
เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยการส่งกระแสคลื่นวิทยุผ่านเนื้อเยื่อเพื่อสร้างความร้อนในชั้นผิวหนังลึก (Volumetric Heating) ซึ่งส่งผล 2 ประการคือ:
- ผลลัพธ์ทันที: ความร้อนทำให้เส้นใยคอลลาเจนเดิมหดตัว ทำให้ผิวรู้สึกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
- ผลลัพธ์ระยะยาว: กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของผิวหนัง ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในช่วง 3-6 เดือน ผิวจึงค่อยๆ ตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น
ข้อดีของ Monopolar RF คือสามารถส่งพลังงานลงได้ลึกกว่า RF แบบอื่น ทำให้เกิดการกระชับผิวและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้อย่างทั่วถึง โดยทั้งสองเครื่องจะมีระบบทำความเย็นที่ผิวชั้นบนเพื่อป้องกันผิวไหม้
Oligio vs Thermage: ตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง
ความเจ็บระหว่างทำ
โดยทั่วไป Oligio ให้ความรู้สึกสบายและเจ็บน้อยกว่า Thermage อย่างมีนัยสำคัญ
- Oligio: ให้ความรู้สึกอุ่นๆ ที่ทนได้ โดยมีคะแนนความเจ็บเฉลี่ยเพียง 3 เต็ม 10 และหลายคนไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
- Thermage: ให้ความรู้สึกร้อนที่รุนแรงกว่า แม้ในรุ่นล่าสุดอย่าง Thermage FLX ที่มีการเพิ่มระบบสั่นและระบายความร้อนเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดแล้วก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษามักต้องใช้ยาชาชนิดแรงหรือยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำ
ระยะเวลาในการทำ
การทำ Oligio สำหรับทั่วใบหน้าใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ในขณะที่ Thermage ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดย Thermage เป็นการทำแบบครั้งเดียวที่ต้องใช้จำนวนช็อตทั้งหมดให้หมดในเซสชั่นนั้นๆ ส่วน Oligio จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถปรับความเร็วในการทำและหยุดพักได้ตามความต้องการของผู้รับบริการ
ผลลัพธ์ที่ได้และระยะเวลาคงอยู่
ผลลัพธ์ของ Thermage อยู่ได้นานกว่า โดยทั่วไปประมาณ 1 ปีขึ้นไป ในขณะที่ Oligio อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ทั้งสองเทคโนโลยีจะเห็นผลการยกกระชับผิวได้ทันทีหลังทำ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นและเห็นผลเต็มที่ในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์
- Thermage: ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน และอาจนานถึง 18-24 เดือนในผู้ที่มีสภาพผิวดี
- Oligio: ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน จึงอาจต้องทำซ้ำบ่อยกว่าเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
ราคาและค่าใช้จ่าย
โดยทั่วไปแล้ว Thermage มีราคาสูงกว่า Oligio ประมาณ 2-3 เท่า
ความแตกต่างของค่าใช้จ่ายเกิดจากเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรและประวัติการใช้งานที่ยาวนานกว่าของ Thermage โดยข้อมูลจากในประเทศไทยระบุว่า:
- Thermage FLX: การทำทั่วใบหน้า (600 ช็อต) มีราคาประมาณ 50,000 บาท
- Oligo: การทำทั่วใบหน้า (600 ช็อต) มีราคาประมาณ 25,000 บาท
ดังนั้น Thermage จึงเป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูงในครั้งเดียวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ในขณะที่ Oligio มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่ถูกกว่า ทำให้เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าและเหมาะกับการทำหลายครั้งเพื่อคงผลลัพธ์
Oligio เหมาะกับใคร? Thermage เหมาะกับใคร?
Oligio เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลางและกังวลเรื่องความเจ็บ ในขณะที่ Thermage เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัดและต้องการผลลัพธ์สูงสุดในครั้งเดียว
โดยทั่วไปสามารถแบ่งกลุ่มผู้ที่เหมาะสมกับแต่ละเทคโนโลยีได้ดังนี้
Oligio เหมาะกับ:
- ผู้ที่มีอายุ 30-50 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่คมชัด หรือรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าหรือเหนียง เนื่องจาก Oligio ช่วยลดไขมันพร้อมกับยกกระชับผิวได้
- ผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บหรือไม่ต้องการพักฟื้น เพราะเป็นเทคโนโลยีที่อ่อนโยนกว่า
Thermage เหมาะกับ:
- ผู้ที่มีอายุ 40-60 ปี ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด เช่น ร่องแก้มลึก แก้มห้อย หรือเหนียง
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวทั้งใบหน้า ลำคอ และลำตัว เช่น ท้องแขน หรือหน้าท้อง
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานจากการทำเพียงครั้งเดียว โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 1 ปีขึ้นไป
ผู้ที่เหมาะกับ Oligio (ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย, รูขุมขนกว้าง)
ผู้ที่เหมาะกับการทำ Oligio คือผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี ที่มีความกังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยตื้นๆ นอกจากนี้ Oligio ยังเหมาะกับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่มีใบหน้าอูมหรือมีไขมันใต้คาง (เหนียง): Oligio สามารถช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนพร้อมกับยกกระชับผิวไปพร้อมกัน
- ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิว: ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและรูขุมขนดูเล็กลง
- ผู้ที่กลัวความเจ็บปวด: เป็นหัตถการที่อ่อนโยน เจ็บน้อย และแทบไม่ต้องใช้ยาชา
- ผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้น: สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ
ผู้ที่เหมาะกับ Thermage (ผิวหย่อนคล้อยมาก, มีไขมันสะสม)
Thermage เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก ที่ต้องการการรักษาที่เห็นผลชัดเจนในครั้งเดียวแต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด
ผู้ที่เหมาะกับการทำ Thermage มีลักษณะดังนี้:
- ผู้ที่มีอายุ 40-60 ปี ที่มีความหย่อนคล้อยที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น แก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัดเจน ผิวใต้คอหย่อนยาน หรือคิ้วตก
- ผู้ที่มีผิวหนาหรือเนื้อเยอะ เนื่องจากพลังงานที่สูงของ Thermage สามารถกระชับผิวได้ดีกว่า
- ผู้ที่ต้องการกระชับผิวบริเวณลำตัว เช่น หน้าท้องหลังคลอด, ต้นแขน, ต้นขา หรือก้น เพื่อลดเซลลูไลท์และเพิ่มความกระชับ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยทั่วไปผลลัพธ์ของ Thermage จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปีหรือมากกว่านั้นต่อการทำหนึ่งครั้ง
ข้อดีและข้อเสียของ Oligio และ Thermage
ข้อดีของ Oligio
ข้อดีหลักของ Oligio คือ ความสบายระหว่างทำ เจ็บน้อย มีความปลอดภัยสูง ราคาเข้าถึงง่าย และสามารถช่วยยกกระชับผิวพร้อมกับลดไขมันได้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ Oligio ยังมีข้อดีอื่นๆ ดังนี้:
- ความสบายและเจ็บน้อย: ด้วยเทคโนโลยีการปล่อยความเย็นและการสั่นสะเทือน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและเจ็บน้อยมาก (คะแนนความเจ็บเฉลี่ยเพียง 3/10) จนหลายครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
- ความปลอดภัยสูง: มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและแรงต้านของผิวแบบเรียลไทม์ ช่วยป้องกันผิวไหม้และควบคุมการให้พลังงานอย่างสม่ำเสมอ
- ราคาเข้าถึงง่าย: มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งน้อยกว่า Thermage ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่องหรือมีงบประมาณจำกัด
- ยกกระชับพร้อมลดไขมัน: สามารถให้ความร้อนลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง จึงช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มหรือเหนียงได้เล็กน้อยพร้อมกับการยกกระชับผิว
- เห็นผลทันทีบางส่วน: ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นประมาณ 20-30% ทันทีหลังทำเสร็จ
- ไม่ต้องพักฟื้น: หลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
ข้อเสียของ Oligio
ข้อเสียหลักของ Oligio คือ ประสิทธิภาพในการยกกระชับอาจไม่สูงเท่า Thermage ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า และไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดอื่นๆ ได้แก่
- ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า: โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6–12 เดือน ทำให้ต้องทำซ้ำบ่อยกว่าเพื่อรักษาผลลัพธ์
- ไม่เหมาะกับความหย่อนคล้อยรุนแรง: สำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากหรือมีสัญญาณแห่งวัยที่ชัดเจน Oligio อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจเท่าที่ควร
- อาจทำให้ไขมันลดลง: เนื่องจากเครื่องสามารถสลายไขมันได้เล็กน้อย จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าน้อยอยู่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าดูตอบ
- มีให้บริการจำกัด: ยังมีให้บริการไม่แพร่หลายในประเทศตะวันตก โดยส่วนใหญ่จะพบในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น เกาหลีใต้และไทย
ข้อดีของ Thermage
ข้อดีหลักของ Thermage คือ ประสิทธิภาพในการยกกระชับที่ทรงพลัง เห็นผลลัพธ์ยาวนานจากการทำเพียงครั้งเดียว และสามารถใช้ได้กับหลายส่วนของร่างกาย
- ผลลัพธ์ยาวนาน: ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปีหรือมากกว่านั้น ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทำทรีตเมนต์บ่อยๆ
- ความหลากหลายในการรักษา: สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า ลำคอ เปลือกตา หน้าท้อง แขน และต้นขา ทั้งยังได้รับการรับรองจาก FDA ในการลดเซลลูไลท์ชั่วคราว
- ประสิทธิภาพสูง: Thermage FLX รุ่นล่าสุดมีหัวทิปที่ใหญ่ขึ้น ทำให้การรักษาครอบคลุมพื้นที่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ: เป็นเทคโนโลยีที่เป็นที่รู้จักและมีประวัติการใช้งานยาวนาน พร้อมข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ข้อเสียของ Thermage
ข้อเสียหลักของ Thermage คือความรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวระหว่างทำ และมีราคาสูง เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดอื่นๆ ได้แก่
- ผลลัพธ์แตกต่างกัน: ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ผลลัพธ์จะค่อยๆ จางลงตามกาลเวลาและจำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อคงสภาพผิว
- ความเสี่ยงไขมันฝ่อ: มีรายงานว่าการตั้งค่าพลังงานที่สูงเกินไปอาจทำให้ไขมันบนใบหน้าบางส่วนสลายไป ทำให้ใบหน้าดูตอบได้
- ขึ้นอยู่กับความชำนาญ: ผลลัพธ์และความปลอดภัยขึ้นอยู่กับเทคนิคและความชำนาญของผู้ให้บริการเป็นอย่างมาก
ก่อนตัดสินใจเลือก: สิ่งที่ควรรู้และพิจารณา
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินสภาพผิว ความหย่อนคล้อย และเป้าหมายของผู้ป่วย เพื่อเลือกว่า Thermage, Oligio หรือการรักษาแบบผสมผสานจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แพทย์จะช่วยตั้งความคาดหวังที่สมจริง โดยอธิบายว่าผลลัพธ์จะเป็นการฟื้นฟูที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เหมือนการผ่าตัด การเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงซึ่งใช้อุปกรณ์ของแท้และมีผู้ประกอบวิชาชีพที่ผ่านการรับรองก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิผลสูงสุด นอกจากนี้ แพทย์จะพิจารณาถึงความทนทานต่อความเจ็บปวดและงบประมาณของผู้ป่วยเพื่อสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล ประสบการณ์ของแพทย์ และการใช้เครื่องมือของแท้ โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้
- สถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ: คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ถูกต้อง และมีมาตรฐานด้านความสะอาดสูง
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: แพทย์ควรมีประสบการณ์ในการทำหัตถการดังกล่าว มีใบประกอบวิชาชีพที่สามารถตรวจสอบได้ และผ่านการฝึกอบรมจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือโดยตรง
- เครื่องมือของแท้: ต้องมั่นใจว่าคลินิกใช้เครื่อง Thermage หรือ Oligio ของแท้ ไม่ใช่เครื่องลอกเลียนแบบ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
- การให้คำปรึกษาและติดตามผล: คลินิกที่ดีจะมีการให้คำปรึกษาอย่างละเอียดเพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลหลังการรักษา
ความคาดหวังที่เป็นจริง
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้คือการยกกระชับผิวที่ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่จะไม่สามารถเทียบเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้าได้
โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา เนื่องจากเป็นช่วงที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นอย่างเต็มที่ ผู้ป่วยสามารถคาดหวังได้ว่าผิวจะเฟิร์มขึ้น เรียบเนียนขึ้น กรอบหน้าคมชัดขึ้น และริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ดูผิดแปลกไป
สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่าทรีตเมนต์เหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยรุนแรงมาก เช่น เหนียงที่ห้อยยานอย่างชัดเจน ซึ่งกรณีเช่นนี้มักต้องการการผ่าตัดเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงทั่วไป
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคืออาการบวมและแดงเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน
หลังทำทรีตเมนต์ ผิวอาจรู้สึกอุ่น ตึง หรือมีอาการชาเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเอง เนื่องจากไม่มีบาดแผลเปิด ผู้รับบริการส่วนใหญ่จึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
ข้อห้ามและผู้ที่ไม่ควรทำ
ข้อห้ามหลักสำหรับผู้ที่ไม่ควรทำ Oligio และ Thermage คือ ผู้ที่ตั้งครรภ์, ผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย และผู้ที่มีการติดเชื้อหรือแผลเปิดบริเวณที่ทำการรักษา
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้โดยเด็ดขาด ได้แก่:
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker), เครื่องกระตุกหัวใจ (Defibrillator) หรือประสาทหูเทียม
- ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่จะทำการรักษา เช่น แผ่นโลหะบนใบหน้าหรือกะโหลกศีรษะ
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังที่ยังไม่หายดีในบริเวณที่จะทำ เช่น เริม, สิวอักเสบรุนแรง, แผลเปิด หรือการติดเชื้อ
นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองที่ส่งผลต่อการสมานแผล ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Oligio และ Thermage
Oligio กับ Thermage อันไหนดีกว่ากัน?
<b>Thermage ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจนและยาวนานกว่า จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ส่วน Oligio จะเจ็บน้อยกว่าและราคาเข้าถึงง่ายกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อยถึงปานกลาง</b> การเลือกระหว่างสองเทคโนโลยีนี้จึงขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความกังวล และงบประมาณของแต่ละบุคคล
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Oligio และ Thermage:
| คุณสมบัติ | Thermage | Oligio |
|---|---|---|
| ผลลัพธ์การยกกระชับ | ยกกระชับได้ดีกว่า เหมาะกับความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก | ยกกระชับได้ดีในระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง ช่วยลดไขมันได้เล็กน้อย |
| ความเจ็บ | เจ็บกว่า ต้องใช้ยาชา | เจ็บน้อยกว่ามาก แทบไม่ต้องใช้ยาชา |
| ผลลัพธ์อยู่ได้นาน | 12–24 เดือน | 6–12 เดือน |
| ความถี่ในการทำ | ปีละ 1 ครั้ง | ปีละ 1-2 ครั้ง |
| ค่าใช้จ่าย | สูงกว่า | ต่ำกว่า |
| เหมาะกับใคร | ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนในครั้งเดียวและทนเจ็บได้ | ผู้ที่กลัวเจ็บ มีงบจำกัด หรือต้องการทำเพื่อป้องกันและดูแลผิวต่อเนื่อง |
Oligio กับ Ultraformer ต่างกันอย่างไร?
Oligio ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) ในขณะที่ Ultraformer ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (HIFU) ซึ่งทำให้ทั้งสองเครื่องทำงานในชั้นผิวที่แตกต่างกันและให้ผลลัพธ์หลักที่ต่างกัน
- Oligio (RF): ให้ความร้อนแบบกว้างในชั้นหนังแท้และไขมันใต้ผิว (ความลึกประมาณ 2-3 มม.) เหมาะสำหรับการ “กระชับผิว” (Tightening) ปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอยเล็กๆ และลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า เช่น แก้ม หรือเหนียง
- Ultraformer (HIFU): ส่งพลังงานเป็นจุดเล็กๆ ลงลึกถึงชั้น SMAS (ความลึกประมาณ 4.5 มม.) ซึ่งเป็นชั้นพังผืดของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า จึงเน้นการ “ยกกระชับ” (Lifting) โครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อยมาก
Thermage ต้องทำกี่ช็อต?
จำนวนช็อตของ Thermage ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแล้วทั่วใบหน้าจะใช้ประมาณ 600 ช็อต และหากรวมบริเวณใบหน้าและลำคอจะใช้ประมาณ 900 ช็อต
จำนวนช็อตสำหรับบริเวณอื่นๆ มีดังนี้:
- รอบดวงตา: ใช้หัวทิปสำหรับดวงตาโดยเฉพาะ ประมาณ 450 ช็อต
- ลำตัว: เช่น หน้าท้องหรือต้นขา อาจต้องใช้ 1,200 ช็อตขึ้นไป
โดยปกติแล้ว Thermage จะทำเพียงครั้งเดียวต่อการรักษา และใช้จำนวนช็อตทั้งหมดให้หมดภายในเซสชันนั้น
Oligio ดีไหม Pantip?
จากข้อมูลที่ให้มา Oligio เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ดีและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และให้ความสำคัญกับความสบายระหว่างทำในราคาที่เข้าถึงง่าย
จุดเด่นที่สำคัญของ Oligio คือความเจ็บน้อยมากเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นอย่าง Thermage โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้สึกเพียงอุ่นๆ และมักไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน และกรอบหน้าคมชัดขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไขมันบริเวณแก้มและใต้คางได้เล็กน้อย โดยแทบไม่ต้องพักฟื้นและมีผลข้างเคียงน้อยมาก ข้อมูลระบุว่าผู้ป่วยมีความพึงพอใจในระดับสูงกับผลการรักษา
หลังทำ Oligio/Thermage ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio หรือ Thermage นั้นไม่ซับซ้อน โดยเน้นการปกป้องผิวจากแสงแดดและความร้อน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และปล่อยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเอง
คำแนะนำในการดูแลผิวหลังการรักษามีดังนี้:
- ปกป้องผิวจากแสงแดด: หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- ใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยน: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA), เรตินอยด์ หรือสครับประมาณ 5-7 วัน
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการเข้าซาวน่า, สตรีม, แช่น้ำร้อน หรืออาบน้ำร้อนจัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
- งดออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 1-2 วัน
- การใช้ยา: แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อไม่ให้รบกวนกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย
References:
- National Institutes of Health. nih.gov
- Aesthetic Medical Practitioner. aestheticmedicalpractitioner.com
- Michele Green MD. michelegreenmd.com
- Bay Clinic. (n.d.). oligio vs thermage. Bay Clinic. bayclinic.sg
