Ultraformer III คืออะไร? ต้องทำกี่ช็อตถึงจะเห็นผล อยู่ได้นานไหม

Ultraformer III คือเครื่องมือยกกระชับผิวและสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัดที่ใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) ส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปสร้างจุดความร้อน 65-75°C ในชั้นผิวลึกถึง SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ โดยเหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลางอายุ 30-60 ปี แนะนำให้ทำ 600-1,000 ช็อตสำหรับทั่วใบหน้า จะเห็นผลทันทีประมาณ 10-20% และเห็นผลเต็มที่ในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1 ปี โดยมีข้อดีคือเจ็บน้อยกว่า Ultherapy ใช้เวลาทำเร็วกว่า 30-45 นาที และมีหัวยิงหลากหลายสำหรับทั้งใบหน้าและร่างกาย
Ultraformer III คืออะไร: หลักการทำงานด้วยเทคโนโลยี MMFU
Ultraformer III คือเครื่องมือยกกระชับผิวและสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) ที่ส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปใต้ชั้นผิวหนัง
หลักการทำงานของเทคโนโลยี MMFU คือการสร้างจุดความร้อนขนาดเล็ก (Thermal Coagulation Points) ที่อุณหภูมิประมาณ 65–75°C ณ ความลึกที่แม่นยำ โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน พลังงานนี้สามารถส่งลงไปได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้คอลลาเจนหดตัวทันทีและกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ ส่งผลให้ผิวค่อยๆ ตึงกระชับ ริ้วรอยลดลง และกรอบหน้าดูคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เทคโนโลยี MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ทำงานอย่างไร
เทคโนโลยี MMFU คือการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อสร้างจุดความร้อนขนาดเล็ก (Thermal Coagulation Points) ที่อุณหภูมิประมาณ 65–75°C โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน
จุดความร้อนเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการบาดเจ็บที่ควบคุมได้ ทำให้เส้นใยคอลลาเจนเดิมหดตัวทันที และกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งจะสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวค่อยๆ ตึงกระชับและยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติภายใน 3-6 เดือน
เทคโนโลยีนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถใช้หัวยิงได้ 2 รูปแบบ:
- Micro Focused Ultrasound: สำหรับหัวยิงระดับตื้น เพื่อยกกระชับผิว ลดริ้วรอยในบริเวณที่บอบบาง เช่น รอบดวงตาและหน้าผาก
- Macro Focused Ultrasound: สำหรับหัวยิงระดับลึก เพื่อสลายไขมันใต้ชั้นผิวและกระชับสัดส่วนตามร่างกาย เช่น ต้นแขน หน้าท้อง
ความแตกต่างระหว่าง Ultraformer III และ HIFU ทั่วไป
Ultraformer III คือเครื่อง HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) แบรนด์หนึ่งที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยกว่า HIFU ทั่วไป โดยมีความโดดเด่นในด้านความหลากหลายของหัวยิง ความเร็วในการรักษา และความสบายที่มากกว่า
ความแตกต่างที่สำคัญ ได้แก่:
- ความหลากหลายของหัวยิง: Ultraformer III มีหัวยิงหลายขนาดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ตั้งแต่หัวยิงตื้น (2.0 มม.) สำหรับริ้วรอยรอบดวงตาและหน้าผาก ไปจนถึงหัวยิงลึก (6-13 มม.) สำหรับสลายไขมันและกระชับสัดส่วนตามร่างกาย ซึ่ง HIFU ทั่วไปมักมีหัวจำกัดและเน้นแค่การยกกระชับใบหน้า
- ความเร็วและความสบาย: สามารถทำทรีตเมนต์ทั่วใบหน้าได้เร็วกว่า (ประมาณ 30-45 นาที) และมักจะเจ็บน้อยกว่า HIFU รุ่นเก่า เนื่องจากเทคโนโลยีการปล่อยพลังงานที่แม่นยำและสม่ำเสมอ
- ฟังก์ชันที่ครอบคลุม: นอกจากจะช่วยยกกระชับผิวและชั้น SMAS ได้เหมือน HIFU ทั่วไปแล้ว ยังสามารถใช้ในโหมด “Macro” เพื่อสลายไขมันเฉพาะจุดได้ เช่น บริเวณเหนียง ต้นแขน หรือหน้าท้อง ทำให้เป็นเครื่องมือที่ทำได้ทั้งยกกระชับและปรับรูปร่าง
Ultraformer III เหมาะกับใครและช่วยแก้ปัญหาผิวเรื่องใดบ้าง
ลักษณะปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Ultraformer III
ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง คือกลุ่มที่เหมาะกับการรักษาด้วย Ultraformer III มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
ลักษณะปัญหาที่เหมาะกับการรักษา ได้แก่:
- ความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและร่องน้ำหมาก
- กรอบหน้าที่ไม่คมชัด มีเหนียง หรือแก้มห้อย (Jowls)
- ริ้วรอยตื้นๆ และผิวขาดความกระชับบริเวณรอบดวงตาและหน้าผาก
- ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณร่างกาย เช่น ท้องแขน หรือหน้าท้อง
ใครที่ไม่ควรทำ Ultraformer III: ข้อห้ามและข้อควรระวัง
ผู้ที่ไม่ควรทำ Ultraformer III คือผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือโลหะฝังในร่างกาย มีการติดเชื้อหรือแผลเปิดในบริเวณที่ทำ และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่ยังควบคุมไม่ได้ โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ Ultraformer III ได้เป็นข้อห้ามเด็ดขาดและข้อควรระวัง ดังนี้
ข้อห้ามเด็ดขาด
- ผู้ที่ฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่ทำ เช่น แผ่นเหล็ก หรือสกรู
- ผู้ที่มีการติดเชื้อ มีแผลเปิด หรือเป็นสิวอักเสบรุนแรงในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่ใส่ซิลิโคนหรือฟิลเลอร์ถาวรในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง (เช่น Lupus, Scleroderma) หรือมีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ
- ผู้ที่เป็นมะเร็ง หรือมีเนื้องอกในบริเวณที่ทำ
ข้อควรระวังเป็นพิเศษ
- ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ง่าย
- ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้า เช่น ผ่าตัดดึงหน้า (ควรรอ 6-12 เดือน) หรือร้อยไหม (ควรรอประมาณ 6 เดือน)
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรงมากเกินไป หรือผิวบางมาก ซึ่งอาจเห็นผลไม่ชัดเจนและควรปรึกษาแพทย์
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัดหรือมีผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดมาก เพราะอาจกระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 30 และมีชั้นไขมันหนามาก
ผลลัพธ์และระยะเวลา: ต้องทำกี่ช็อต เห็นผลเมื่อไหร่ และอยู่ได้นานแค่ไหน
จำนวนช็อตที่แนะนำสำหรับแต่ละบริเวณบนใบหน้าและลำตัว
จำนวนช็อตที่แนะนำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา ความหย่อนคล้อย และขนาดใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปมีแนวทางดังนี้
- ทั่วใบหน้าและลำคอ: 600–1,000 ช็อต
- กรอบหน้าและลำคอ: 300–500 ช็อต
- แก้มและใต้คาง: ประมาณ 300 ช็อต
- แก้มอย่างเดียว: ประมาณ 100 ช็อตต่อข้าง
- เหนียง/ใต้คาง: ประมาณ 100 ช็อต
- รอบดวงตาและคิ้ว: 50–100 ช็อตต่อข้าง
- ลำตัว (เช่น หน้าท้องหรือต้นแขน): 300–600 ช็อต หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่
ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินและกำหนดจำนวนช็อตที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละกรณีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ไทม์ไลน์การเห็นผล: ผลลัพธ์หลังทำทันทีและผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
หลังทำ Ultraformer III จะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวได้ทันทีประมาณ 10-20% แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นและเห็นผลเต็มที่ในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา
- ผลลัพธ์ทันที (Immediate Effect): หลังทำเสร็จจะรู้สึกว่าผิวดูกระชับขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวเมื่อได้รับความร้อน ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ภาพตัวอย่าง” ของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น และอาจมีอาการบวมเล็กน้อยร่วมด้วยซึ่งทำให้ผิวดูตึงขึ้นชั่วคราว
- ผลลัพธ์ระยะยาว (Peak Results): การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ 1-3 เดือนแรก เนื่องจากร่างกายกำลังสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่อย่างเต็มที่ และจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับและลดเลือนริ้วรอยได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือน เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์และจัดเรียงตัวแข็งแรงขึ้น
ผลลัพธ์ของ Ultraformer III อยู่ได้นานกี่เดือน และต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของ Ultraformer III อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี และแนะนำให้ทำซ้ำทุกๆ 1 ปีเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยบางรายอาจเห็นผลลัพธ์นานถึง 18-24 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพผิว และไลฟ์สไตล์ การทำทรีตเมนต์ซ้ำเป็นประจำทุกปีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวคงความกระชับและดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
ขั้นตอนการทำ Ultraformer III และการดูแลตัวเอง
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer III คือการปรึกษาแพทย์ งดใช้สกินแคร์ที่อาจระคายเคืองผิว หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และแจ้งประวัติการใช้ยาให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้ผิวอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดสำหรับการรักษาและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการรักษามีดังนี้:
- งดสกินแคร์บางชนิด: ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์, AHA, BHA หรือสครับขัดผิวประมาณ 3-7 วันก่อนทำ เพื่อลดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด: งดการอาบแดดหรือตากแดดจัดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพื่อไม่ให้ผิวอักเสบหรือไวต่อความร้อน
- แจ้งประวัติสุขภาพ: ต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทานและโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานยา Isotretinoin (Accutane) ควรรหยุดยาอย่างน้อย 6 เดือนก่อนทำ
- งดการรักษาอื่น ๆ: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือลอกผิวในบริเวณที่จะทำ Ultraformer III อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- เตรียมตัวในวันนัด: ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก ๆ และมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง บางคลินิกอาจแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ประมาณ 30-60 นาทีก่อนทำเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิว
ความรู้สึกระหว่างทำ: เจ็บไหม และใช้เวลานานเท่าไหร่
ความรู้สึกระหว่างทำ Ultraformer III จะรู้สึกอุ่นๆ จี๊ดๆ หรือเหมือนมีหนามเล็กๆ แทงใต้ผิว โดยเฉพาะบริเวณแนวกระดูก แต่โดยรวมถือว่าทนได้ และใช้เวลาทำทั่วใบหน้าประมาณ 30-45 นาที
ความเจ็บจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละบริเวณที่ทำ โดยทั่วไปคลินิกจะทายาชาเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำ ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถทำได้โดยไม่ต้องพัก ความรู้สึกเจ็บจะเป็นเพียงชั่วขณะที่ปล่อยพลังงานลงไปเท่านั้น และจะหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนระยะเวลาในการทำจะขึ้นอยู่กับบริเวณและจำนวนช็อตที่ใช้ แต่โดยเฉลี่ยแล้วการทำทั่วใบหน้าจะใช้เวลาไม่นาน
การดูแลผิวหลังทำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียง
การดูแลผิวหลังทำ Ultraformer III ที่สำคัญที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงความร้อน การออกกำลังกายหนัก และการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ควบคู่ไปกับการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุดและส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง และควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติในการล้างหน้า
- งดออกกำลังกายหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากหรือร่างกายร้อนจัดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการสครับหรือขัดถูผิวแรงๆ และงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์, AHA, หรือ BHA เป็นเวลา 3-5 วัน
- ปกป้องผิวจากแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 เป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- เพิ่มความชุ่มชื้น: ดื่มน้ำให้เพียงพอและใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟู
- งดการทำทรีตเมนต์อื่น: หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ การทำทรีตเมนต์ที่รุนแรง หรือการนวดหน้าในบริเวณที่ทำเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ: การเลือกเครื่องและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
วิธีตรวจสอบเครื่อง Ultraformer III ของแท้
สามารถตรวจสอบเครื่อง Ultraformer III ของแท้ได้จากสัญลักษณ์บนตัวเครื่อง, สติกเกอร์โฮโลแกรม, QR Code, และใบรับรองจากบริษัทตัวแทนจำหน่าย คลินิกที่ใช้เครื่องแท้ควรสามารถแสดงหลักฐานเหล่านี้เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือได้
วิธีตรวจสอบเบื้องต้นมีดังนี้:
- โลโก้และสัญลักษณ์: ตัวเครื่องต้องมีโลโก้ “ULTRAFORMER III” และระบุเทคโนโลยี “MMFU” อย่างชัดเจน
- สติกเกอร์โฮโลแกรม: มีสติกเกอร์กันปลอม (Hologram) ติดอยู่บนตัวเครื่องและหัวยิงทรีตเมนต์
- QR Code: สามารถสแกน QR Code ข้างเครื่องเพื่อตรวจสอบข้อมูลคลินิกและบริษัทตัวแทนจำหน่ายได้
- ใบรับรอง (Certificate): คลินิกที่ใช้เครื่องแท้มักจะแสดงใบรับรองจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
- รายชื่อคลินิก: ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่ใช้เครื่องแท้ได้จากเว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่ายโดยตรง
การเปรียบเทียบ Ultraformer III กับ Ulthera และ Thermage
Ultraformer III และ Ulthera เป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ (HIFU) ที่เน้นการยกกระชับผิวชั้นลึก (SMAS) ในขณะที่ Thermage เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) ที่เน้นการกระชับผิวชั้นตื้นและปรับปรุงคุณภาพผิว โดย Ultraformer III มักถูกมองว่ามีความเจ็บน้อยกว่าและใช้เวลาทำทรีตเมนต์สั้นกว่า Ulthera แต่ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ใกล้เคียงกัน
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก:
| คุณสมบัติ | Ultraformer III | Ulthera (Ultherapy) | Thermage |
|---|---|---|---|
| เทคโนโลยี | อัลตราซาวนด์ (HIFU) | อัลตราซาวนด์ (HIFU) | คลื่นวิทยุ (RF) |
| กลไก | สร้างจุดความร้อนใต้ผิวเป็นจุดๆ | สร้างจุดความร้อนใต้ผิวเป็นจุดๆ | ให้ความร้อนเป็นปริมาตรกว้าง |
| ชั้นผิวที่รักษา | ผิวชั้นตื้น, ชั้นหนังแท้ และชั้น SMAS (1.5, 3.0, 4.5 มม.) | ผิวชั้นหนังแท้ และชั้น SMAS (3.0, 4.5 มม.) | ผิวชั้นหนังแท้ (ลึกสุดประมาณ 3 มม.) |
| ผลลัพธ์หลัก | ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย | ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย | กระชับผิว ปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอยเล็กๆ |
| ความเจ็บ | น้อยถึงปานกลาง | ปานกลางถึงมาก | ปานกลาง |
| เวลาทำ | เร็ว (ทั่วหน้า ~30-45 นาที) | ช้า (ทั่วหน้า ~60-90 นาที) | ปานกลางถึงเร็ว |
| จุดเด่น | เจ็บน้อยกว่า, เร็วกว่า, มีหัวสำหรับรอบดวงตาและร่างกาย | มีหน้าจอแสดงภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์ | เหมาะกับการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน |
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจาก Ultraformer III
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดจาก Ultraformer III คืออาการที่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว เช่น อาการบวมแดงและอาการเจ็บระบม ส่วนความเสี่ยงที่รุนแรงนั้นพบได้น้อยมากเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ แบ่งตามระดับความพบบ่อยได้ดังนี้
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- อาการบวมแดง: ผิวอาจมีรอยแดงคล้ายโดนแดดอ่อนๆ ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง และอาจมีอาการบวมเล็กน้อยซึ่งจะหายไปใน 1-3 วัน
- อาการเจ็บหรือปวดระบม: อาจรู้สึกเจ็บเมื่อกดลงบนบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ หายไปใน 2-3 วัน
- ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย:
- รอยฟกช้ำ: พบได้ไม่บ่อย แต่อาจเกิดขึ้นได้และจะหายไปใน 3-7 วัน
- อาการชา: อาจมีอาการชาชั่วคราวในบางจุด ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองของเส้นประสาท และมักจะหายไปเองในไม่กี่วันถึงสองสามสัปดาห์
- ความเสี่ยงที่พบได้ยาก:
- ความเสี่ยงที่รุนแรง เช่น ผิวไหม้, ไขมันฝ่อ, กล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว หรือรอยดำ (Hyperpigmentation) นั้นพบได้น้อยมาก และมักเกี่ยวข้องกับการตั้งค่าพลังงานที่ไม่เหมาะสมหรือผู้ทำที่ไม่ชำนาญ
ค่าใช้จ่ายในการทำ Ultraformer III: ราคาคิดจากอะไร
ราคาของ Ultraformer III โดยทั่วไปจะคิดตามจำนวนไลน์ (lines) หรือช็อต (shots) ที่ใช้ในการรักษา ซึ่งจำนวนไลน์ที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และระดับความหย่อนคล้อยของผิว โดยยิ่งพื้นที่การรักษากว้างหรือต้องการการยกกระชับมาก ก็จะยิ่งต้องใช้จำนวนไลน์มากขึ้น ทำให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
ราคาโดยประมาณในคลินิกที่ประเทศไทย (มักเป็นราคาโปรโมชัน) มีดังนี้:
- พื้นที่เล็กเฉพาะจุด (100 ไลน์): เช่น แก้ม หรือ เหนียง ราคาประมาณ 3,999 บาท
- พื้นที่ขนาดกลาง (300 ไลน์): เช่น แก้มและเหนียง หรือ รอบดวงตาและร่องแก้ม ราคาประมาณ 8,999 บาท
- ทั่วใบหน้า (600-1,000 ไลน์): สำหรับการยกกระชับทั่วใบหน้าและกรอบหน้า ราคาประมาณ 15,900 – 25,000 บาท
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ultraformer III (FAQ)
Ultraformer III เจ็บไหม?
ความเจ็บระหว่างทำ Ultraformer III อยู่ในระดับน้อยถึงปานกลางและเป็นเพียงชั่วคราว โดยความรู้สึกจะคล้ายมีคลื่นความร้อนส่งลงไปใต้ผิวอย่างรวดเร็ว หรือรู้สึกจี๊ดๆ เหมือนมีหนามเล็กๆ ทิ่ม โดยเฉพาะบริเวณใกล้กระดูก เช่น แนวกรามและหน้าผาก
เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ โดยทั่วไปจะมีการทายาชาก่อนทำ และอาจแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดก่อนเริ่ม процедура ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่สามารถทนได้ นอกจากนี้ Ultraformer III ยังถือว่าเจ็บน้อยกว่าเครื่อง HIFU รุ่นเก่าอย่าง Ultherapy
ทำ Ultraformer III แล้วหน้าบวมกี่วัน?
โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังทำ Ultraformer III จะหายไปเองภายใน 1-3 วัน
อาการบวมที่เกิดขึ้นมักเป็นเพียงเล็กน้อยคล้ายอาการบวมน้ำเบาๆ และมักจะยุบลงจนใบหน้ากลับมาดูเป็นปกติภายในวันที่ 2 หรือ 3 หลังทำ โดยส่วนใหญ่แล้วอาการบวมจะไม่รุนแรงจนคนอื่นสังเกตเห็น
Ultraformer III ได้ผลจริงหรือไม่?
Ultraformer III ได้ผลจริงในการยกกระชับผิวและลดความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยมีผลการวิจัยทางคลินิกจำนวนมากยืนยันประสิทธิภาพ เครื่องจะใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (HIFU) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นผิวลึก
จากข้อมูลการทบทวนงานวิจัย 45 ฉบับ พบว่า HIFU สามารถลดความหย่อนคล้อยของผิวได้ 18–30% โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้าส่วนล่างและลำคอ ผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดเจนขึ้นและจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 3–6 เดือนหลังทำ
ต้องทำ Ultraformer III บ่อยแค่ไหนถึงจะดี?
โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ทำ Ultraformer III ปีละหนึ่งครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์การยกกระชับผิวไว้
ผลลัพธ์จากการทำ Ultraformer III มักจะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล การทำทรีตเมนต์เพื่อดูแลต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และรักษาสภาพผิวที่ยกกระชับไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
สามารถทำ Ultraformer III ร่วมกับฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ได้ไหม?
ได้ สามารถทำ Ultraformer III ร่วมกับฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ได้อย่างปลอดภัย และยังเป็นที่นิยมทำร่วมกันเพื่อผลลัพธ์การฟื้นฟูผิวที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
โดยทั่วไป แพทย์มักแนะนำให้ทำ Ultraformer III ก่อนเพื่อยกกระชับโครงสร้างผิว จากนั้นจึงค่อยฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เพื่อปรับแก้ในรายละเอียด โดยควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำแต่ละหัตถการประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาก่อนหน้าเข้าที่ การทำทรีตเมนต์ร่วมกันจะช่วยเสริมประสิทธิภาพกันและกัน โดย Ultraformer III ช่วยยกกระชับผิวและเนื้อเยื่อชั้นลึก ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มปริมาตรที่หายไป และโบท็อกซ์ช่วยลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์
หลังทำ Ultraformer III ห้ามทำอะไรบ้าง?
หลังทำ Ultraformer III ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูง การออกกำลังกายหนัก การใช้สกินแคร์ที่รุนแรง และการเผชิญแสงแดดจัด เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ได้แก่:
- งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน: หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือสตรีม เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
- งดออกกำลังกายหนัก: ควรงดการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอยด์, AHA, BHA ประมาณ 3-5 วัน และหลีกเลี่ยงการสครับหรือนวดหน้าแรงๆ
- ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง
- งดการทำทรีตเมนต์อื่น: เว้นระยะการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ผิวหน้าที่รุนแรงอื่นๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์: ควรลดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดีขึ้น
References:
- Classys Inc. (n.d.). ULTRAFORMER III – Product Overview and Core Technology. Classys Official Website. classys.com
- Haykal, D., Sattler, S., Verner, I., et al. (2025). A Systematic Review of High-Intensity Focused Ultrasound in Skin Tightening and Body Contouring. Aesthetic Surgery Journal (Oxford Academic). academic.oup.com
- Biskanaki, F., Tertipi, N., Sfyri, E., et al. (2025). Complications and Risks of High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) in Esthetic Procedures: A Review. Applied Sciences (MDPI). mdpi.com
- Aestha Clinic. (n.d.). Ultherapy vs. Ultraformer HIFU Treatment. Aestha Clinic Insights Blog. aestha.co.uk
- Pulse Light Clinic. (n.d.). HIFU for Skin Tightening: How It Works and Who Can Benefit. Pulse Light Clinic Blog. pulselightclinic.co.uk
- V Square Clinic Medical Team. (n.d.). Ultraformer III ราคาเท่าไหร่ ลดแก้ม-ลดเหนียง. V Square Clinic Knowledge Blog. vsquareclinic.com
- Continental Hospitals Editorial Team. (n.d.). Is HIFU Painful? What to Expect During and After Treatment. Continental Hospitals Blog. continentalhospitals.com
- Dr. Ahmad Hashem. (n.d.). Ultherapy vs. Ultraformer HIFU Treatment: Which is the Best Choice for You? Dr. Ahmad Hashem Clinic Blog. drahmadhashem.com
