Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

XERF กับ Ulthera เลือกอะไรดี? เช็กลิสต์ 5 ข้อที่ควรรู้

Byadmin กันยายน 23, 2025กันยายน 23, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 23, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

XERF กับ Ulthera ต่างกันยังไง

Table of Contents

Toggle
  • ทำความรู้จัก XERF และ Ulthera: เทคโนโลยียกกระชับที่แตกต่าง
    • ตารางเปรียบเทียบ XERF และ Ulthera:
  • เปรียบเทียบ 5 ประเด็นหลัก: XERF vs Ulthera
    • 1. หลักการทำงานและชั้นผิวที่เข้าถึง
    • 2. ผลลัพธ์ที่คาดหวังและระยะเวลาเห็นผล
    • 3. ความรู้สึกระหว่างทำและระยะเวลาพักฟื้น
    • 4. ระยะเวลาของผลลัพธ์และรอบการทำซ้ำ
    • 5. โครงสร้างราคาและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
  • ใครเหมาะกับ XERF และใครเหมาะกับ Ulthera
    • ผู้ที่เหมาะกับการทำ XERF
    • ผู้ที่เหมาะกับการทำ Ulthera
  • ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกระหว่าง XERF กับ Ulthera
    • เป้าหมายการรักษาและปัญหาผิวหลักของคุณ
    • การเลือกคลินิกและผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ XERF และ Ulthera
    • XERF กับ Ulthera อันไหนเจ็บกว่ากัน?
    • ทำ XERF กับ Ulthera พร้อมกันได้ไหม?
    • ผลลัพธ์ของ XERF อยู่ได้นานแค่ไหน?
    • XERF เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวแบบไหนเป็นพิเศษ?
  • References:

ทำความรู้จัก XERF และ Ulthera: เทคโนโลยียกกระชับที่แตกต่าง

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ XERF ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ในขณะที่ Ulthera ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (MFU-V) ซึ่งส่งผลให้การทำงาน ความรู้สึกระหว่างทำ และผลลัพธ์แตกต่างกัน

ตารางเปรียบเทียบ XERF และ Ulthera:

คุณสมบัติ XERF Ulthera
การทำงาน ให้ความร้อนเป็นวงกว้าง (Bulk Heating) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในหลายชั้นผิวพร้อมกัน สร้างจุดความร้อนขนาดเล็ก (TCPs) ที่ชั้นผิวลึกเฉพาะจุด (SMAS) อย่างแม่นยำ
จุดเด่น มีระบบทำความเย็นในตัว ทำให้รู้สึกสบายระหว่างทำ ไม่ต้องใช้ยาชา มีหน้าจออัลตราซาวด์ (Real-Time Imaging) ทำให้แพทย์เห็นชั้นผิวและยิงพลังงานได้แม่นยำ
ความรู้สึก รู้สึกอุ่นๆ สบายผิว เจ็บน้อยมาก รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมีหนามเล็กๆ ทิ่มลึกใต้ผิว อาจต้องใช้ยาชา
ผลลัพธ์ เน้นผิวกระชับโดยรวม (Overall Tightening) ปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยเล็กๆ เน้นการยกกระชับเฉพาะจุด (Lifting) เช่น ยกคิ้ว กรอบหน้า และใต้คาง

เปรียบเทียบ 5 ประเด็นหลัก: XERF vs Ulthera

1. หลักการทำงานและชั้นผิวที่เข้าถึง

XERF ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อสร้างความร้อนแบบเป็นวงกว้างในหลายชั้นผิว ในขณะที่ Ulthera ใช้พลังงานอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (MFU-V) เพื่อสร้างจุดความร้อนขนาดเล็กที่แม่นยำในชั้นผิวลึก โดยหลักการทำงานของทั้งสองเทคโนโลยีมีความแตกต่างกันดังนี้

  • XERF: ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF สองความถี่ (Dual-Frequency) ส่งพลังงานความร้อนแบบกระจายตัวเป็นวงกว้าง (Volumetric Heating) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนพร้อมกันในหลายระดับ ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ (Dermis) ไปจนถึงชั้นไขมันและพังผืดชั้นตื้น (Superficial Fascia)
  • Ulthera (Ultherapy): ใช้พลังงานอัลตราซาวด์ที่เน้นเป็นจุดเล็กๆ อย่างแม่นยำ (Micro-Focused Ultrasound) พร้อมระบบแสดงภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์ สร้างจุดความร้อนที่อุณหภูมิสูง ณ ความลึกที่ต้องการได้อย่างจำเพาะเจาะจง คือ 1.5 มม., 3.0 มม. และ 4.5 มม. ซึ่งเข้าถึงชั้นพังผืดที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า (SMAS)

2. ผลลัพธ์ที่คาดหวังและระยะเวลาเห็นผล

ผลลัพธ์ของทั้งสองเทคโนโลยีจะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 2-3 เดือน โดย Ultherapy เน้นการยกกระชับโครงสร้างผิวชั้นลึก ส่วน XERF ให้ผลทั้งการกระชับผิวทันทีและการฟื้นฟูผิวโดยรวม

ตารางเปรียบเทียบผลลัพธ์และระยะเวลา:

หัวข้อ XERF Ultherapy (Ulthera)
การเริ่มเห็นผล รู้สึกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ และเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ใน 2-3 เดือน ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นและเห็นผลชัดเจนที่สุดในเดือนที่ 2-3
ผลลัพธ์หลัก ผิวกระชับโดยรวม (Volumetric Tightening) ลดความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและแนวกราม พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยเล็กๆ ให้ดีขึ้น การยกกระชับที่ชั้นผิวลึก (SMAS) ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น ยกคิ้ว และยกกระชับใต้คาง
ระยะเวลาของผลลัพธ์ ประมาณ 1 ปีขึ้นไป (ข้อมูลระยะยาวยังมีจำกัด) ประมาณ 1-1.5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแล

3. ความรู้สึกระหว่างทำและระยะเวลาพักฟื้น

XERF ให้ความรู้สึกสบายกว่า Ulthera อย่างชัดเจน ในขณะที่ทั้งสองเครื่องแทบไม่มีระยะเวลาพักฟื้น แต่ผลข้างเคียงหลังทำของ Ulthera อาจมากกว่าเล็กน้อย

หัวข้อ XERF (คลื่นวิทยุ) Ulthera/Ultherapy (อัลตราซาวด์)
ความรู้สึกระหว่างทำ รู้สึกอุ่นๆ สลับกับความเย็นสบายผิว เจ็บน้อยมาก (ระดับ 1-3/10) โดยทั่วไปจึงไม่ต้องใช้ยาชา รู้สึกเจ็บแปลบๆ หรือเหมือนมีเข็มเล็กๆ ทิ่มลึกใต้ผิว เจ็บปานกลางถึงมาก (ระดับ 5-8/10) จึงจำเป็นต้องใช้ยาชาและยาแก้ปวด
ระยะเวลาพักฟื้น ผิวอาจแดงเล็กน้อย 1-2 ชั่วโมง และบวมน้อยมาก สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันที ผิวอาจแดง บวม หรือรู้สึกชาได้ 2-3 วัน และอาจมีอาการระบมเมื่อสัมผัส สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันที

4. ระยะเวลาของผลลัพธ์และรอบการทำซ้ำ

ผลลัพธ์ของทั้ง XERF และ Ultherapy คงอยู่ได้ประมาณ 1 ถึง 1.5 ปี และโดยทั่วไปแนะนำให้ทำซ้ำปีละครั้งเพื่อคงสภาพผิว

สำหรับ Ultherapy ผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนที่สุดในช่วง 3-6 เดือน และจะคงอยู่ประมาณ 12-18 เดือน ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงตามกระบวนการแก่ของผิวตามธรรมชาติ ส่วน XERF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า คาดว่าผลลัพธ์จะคงอยู่นานประมาณ 1 ปีขึ้นไป โดยอ้างอิงจากข้อมูลเบื้องต้นและเทคโนโลยี RF ที่คล้ายคลึงกัน

5. โครงสร้างราคาและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

ทั้ง XERF และ Ultherapy มีโครงสร้างราคาที่สูง โดยมีค่าใช้จ่ายต่อการรักษาและราคาสำหรับผู้รับบริการที่ใกล้เคียงกัน แม้ว่าราคาเครื่อง XERF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่าอาจสูงกว่าในช่วงเริ่มต้น ทั้งสองเทคโนโลยีจัดเป็นทรีตเมนต์ระดับพรีเมียมที่มีค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของคลินิกและผู้รับบริการ

ตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายโดยประมาณมีดังนี้:

หัวข้อ XERF (Dual-Frequency RF) Ulthera/Ultherapy (MFU-V)
ราคาเครื่อง ประมาณ 70,000–90,000 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 40,000–50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่อครั้ง ประมาณ 600–800 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับหัวยิง RF และก๊าซไครโอเจน) ประมาณ 600–800 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับหัวยิงอัลตราซาวด์ 2-3 หัว)
ราคาสำหรับผู้รับบริการ ประมาณ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (สำหรับทั่วใบหน้า) ประมาณ 2,500–4,000 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับทั่วใบหน้าและลำคอ)

ใครเหมาะกับ XERF และใครเหมาะกับ Ulthera

ผู้ที่เหมาะกับการทำ XERF

XERF เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยไปพร้อมกัน และกังวลเรื่องความเจ็บปวด

กลุ่มผู้ที่เหมาะกับการทำ XERF มีลักษณะดังนี้:

  • ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเริ่มต้น: เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุช่วง 30 ปลายๆ ถึง 50 ปี ที่เริ่มมีปัญหาแก้มตก กรอบหน้าไม่คมชัด หรือผิวใต้คอหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บปวด: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ทนความเจ็บปวดได้น้อย เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวโดยรวมดูดีขึ้น เช่น ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ (fine lines) เพิ่มความแน่นกระชับ และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น นอกเหนือจากการยกกระชับ
  • ผู้ที่มีผิวบาง: เทคโนโลยีนี้เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะผิวบาง ซึ่งต้องการการกระชับผิวโดยรวมมากกว่าการยกกระชับเฉพาะจุดลึกๆ
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวที่ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่มีช่วงพักฟื้น

ผู้ที่เหมาะกับการทำ Ulthera

ผู้ที่เหมาะกับการทำ Ulthera คือผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะในบริเวณคิ้ว กรอบหน้า และลำคอ ซึ่งมักเป็นผู้ที่มีอายุช่วงปลาย 30 ถึง 50 ปี

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เหมาะกับ Ulthera จะมีลักษณะดังนี้:

  • ต้องการยกกระชับเฉพาะจุด: เช่น ผู้ที่ต้องการยกคิ้วเพื่อแก้ปัญหาหนังตาตก
  • มีปัญหากรอบหน้าและลำคอ: เหมาะสำหรับผู้ที่กรอบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย มีเหนียง หรือผิวหนังบริเวณลำคอไม่กระชับ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวค่อนข้างหนา
  • ยอมรับความเจ็บได้: ผู้ที่สามารถทนต่อความรู้สึกเจ็บหรือร้อนลึกใต้ผิวหนังระหว่างการทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน
  • ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนแต่ไม่ต้องการผ่าตัด: เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มองหาการยกกระชับที่เห็นผล แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดดึงหน้า

ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกระหว่าง XERF กับ Ulthera

เป้าหมายการรักษาและปัญหาผิวหลักของคุณ

การเลือกระหว่าง Ultherapy และ XERF ขึ้นอยู่กับเป้าหมายหลักที่แตกต่างกัน โดย Ultherapy เน้นการยกกระชับโครงสร้างผิวชั้นลึกเฉพาะจุด ในขณะที่ XERF เน้นการกระชับผิวโดยรวมและปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น

ตารางเปรียบเทียบเป้าหมายการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละเทคโนโลยี:

ปัญหาผิวหลัก Ultherapy (เหมาะสำหรับ) XERF (เหมาะสำหรับ)
คิ้วตก เปลือกตาหย่อนคล้อย การยกคิ้วและเปลือกตาที่หย่อนคล้อยโดยเฉพาะ เพื่อให้ดวงตาดูเปิดและสดใสขึ้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ช่วยให้ผิวบริเวณหน้าผากตึงขึ้นได้เล็กน้อย
กรอบหน้าไม่คม แก้มห้อย เหนียง ยกกระชับกรอบหน้า, ลดความหย่อนคล้อยของแก้มและเหนียง เหมาะกับผิวหนาและมีชั้นไขมัน กระชับผิวโดยรวมบริเวณกรอบหน้าและลำคอ, ลดความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เหมาะกับผู้ที่ผิวบางหรือต้องการปรับสภาพผิวร่วมด้วย
คุณภาพผิวโดยรวม (ริ้วรอยตื้นๆ, รูขุมขน, ผิวไม่แน่น) ช่วยปรับปรุงได้บ้าง แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของการรักษา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม, ลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ, กระชับรูขุมขน และทำให้ผิวแน่นฟูขึ้น
ความกังวลเรื่องความเจ็บ ผู้ที่ทนความเจ็บได้และต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน ผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บและต้องการการรักษาที่สบายกว่า

การเลือกคลินิกและผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญ

การเลือกคลินิกและผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญควรพิจารณาจากประสบการณ์ของแพทย์, การใช้เครื่องมือของแท้, และการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาประกอบด้วย:

  • ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ควรมีความเข้าใจในกายวิภาคอย่างลึกซึ้งและมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือแต่ละชนิด เพื่อวางแผนการรักษาที่แม่นยำและปลอดภัย
  • เครื่องมือที่ได้มาตรฐานและเป็นของแท้: คลินิกควรใช้เครื่อง Ulthera หรือ XERF ของแท้ที่ผ่านการรับรอง เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด
  • การประเมินและให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล: ผู้ให้บริการที่ดีจะประเมินสภาพผิว, ความต้องการ, และข้อกังวลของผู้รับบริการอย่างละเอียด เพื่อเลือกว่าเทคโนโลยีใดเหมาะสมที่สุด
  • ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเฉพาะทาง: สำหรับ Ulthera แพทย์ต้องสามารถใช้หน้าจออัลตราซาวด์แบบเรียลไทม์ (MFU-V) เพื่อกำหนดเป้าหมายชั้นผิวที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงโครงสร้างสำคัญ เช่น เส้นประสาท
  • รีวิวและผลงานที่ผ่านมา: ตรวจสอบรีวิวจากผู้รับบริการจริงและขอดูภาพก่อน-หลังการรักษาเพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ XERF และ Ulthera

XERF กับ Ulthera อันไหนเจ็บกว่ากัน?

โดยทั่วไป Ulthera (Ultherapy) เจ็บกว่า XERF อย่างมีนัยสำคัญ

Ulthera ให้ความรู้สึกเจ็บแบบร้อนลึกและแปลบๆ มีคะแนนความเจ็บเฉลี่ยประมาณ 5/10 และมักต้องใช้ยาชาหรือยาแก้ปวด ในขณะที่ XERF ให้ความรู้สึกเพียงอุ่นๆ หรือเหมือนมีอะไรมาดีดเบาๆ เนื่องจากมีระบบทำความเย็นในตัว ทำให้มีคะแนนความเจ็บต่ำเพียง 1-3/10 และส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้ยาชา

ทำ XERF กับ Ulthera พร้อมกันได้ไหม?

โดยทั่วไป ไม่แนะนำให้ทำ XERF และ Ulthera ในวันเดียวกัน แต่มักจะทำแบบเว้นระยะห่างกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โดยทั่วไปแพทย์อาจแนะนำให้ทำ Ulthera ก่อนเพื่อยกกระชับผิวในชั้นลึก จากนั้นเว้นระยะประมาณ 3-6 เดือนจึงค่อยทำ XERF เพื่อกระชับผิวชั้นบนและปรับปรุงคุณภาพผิว การทำทรีตเมนต์ทั้งสองแบบผสมผสานกันในลักษณะนี้จะช่วยให้เกิดการฟื้นฟูผิวที่ครอบคลุมและเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ผลลัพธ์ของ XERF อยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์ของ XERF อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ข้อมูลระยะยาวยังอยู่ในระหว่างการรวบรวม อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่าผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้ดีที่ 6 เดือนหลังการรักษา โดยผู้ผลิตแนะนำให้ทำการรักษาซ้ำทุกปีเพื่อคงสภาพผลลัพธ์

XERF เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวแบบไหนเป็นพิเศษ?

XERF เหมาะเป็นพิเศษสำหรับการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงปานกลาง พร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เช่น ผิวสัมผัส ริ้วรอยเล็กๆ และรูขุมขน

นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องความเจ็บปวด เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ให้ความรู้สึกสบายระหว่างทำและมีผลข้างเคียงน้อยมาก

References:

  1. Cynosure Lutronic. (2025). XERF™ Device Receives FDA Clearance – Redefining Non-Invasive Skin Tightening. Business Wire. businesswire.com
  2. Hong, J. et al. (2024). Efficacy of dual-frequency noninvasive monopolar radiofrequency in skin tightening: Histological evidence. Skin Research and Technology. nih.gov
  3. Shin, J.M. et al. (2024). Efficacy and Safety of Monopolar Radiofrequency for Tightening the Skin of Aged Faces. Cosmetics. mdpi.com
  4. Contini, M. et al. (2023). A Systematic Review of the Efficacy of Microfocused Ultrasound for Facial Skin Tightening. Int J Environ Res Public Health. nih.gov
  5. Amiri, M. et al. (2025). Microfocused Ultrasound with Visualization (MFU-V) Effectiveness and Safety: A Systematic Review and Meta-Analysis. Aesthetic Surgery Journal. oup.com
  6. Suh, D.H. et al. (2020). A survey on monopolar radiofrequency treatment: the latest update. Dermatologic Therapy. nih.gov
  7. Goldie, K. et al. (2021). Skin quality – a holistic 360° view: consensus results. Clin Cosmet Investig Dermatol. nih.gov
  8. Zhao, Y. et al. (2022). A systematic review and meta-analysis of micro-focused ultrasound (MFU) treatment for facial rejuvenation. Aesthetic Surgery Journal. nih.gov

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อก อะไรควรทำ–ห้ามทำ เพื่อให้อยู่ได้นานขึ้น
NextContinue
XERF กับ Thermage แตกต่างกันตรงไหน เลือกอันไหนดี?

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube