ข้อเสียของการทำ Thermage: รอยแดง บวม ผิวไหม้ เกิดขึ้นจริงไหม?

ข้อเสีย การทํา thermage ที่พบได้บ่อยคืออาการบวมแดงเล็กน้อยซึ่งมักหายไปใน 24-48 ชั่วโมง ส่วนความเสี่ยงรุนแรงอย่างผิวไหม้หรือรอยดำนั้นพบได้น้อยกว่า 1% และมักเกิดจากเทคนิคที่ไม่เหมาะสมหรือเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการทำ Thermage
อาการบวม แดง หรือรู้สึกร้อนใต้ผิวหนัง
อาการบวม แดง หรือรู้สึกร้อนใต้ผิวหนัง เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังทำ Thermage แต่โดยทั่วไปจะมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายไปเองอย่างรวดเร็ว โดยอาการเหล่านี้มักจะหายไปภายในระยะเวลาดังนี้
- อาการแดง: มักจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายในวันเดียวกัน
- อาการบวม: โดยทั่วไปจะหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่อาจคงอยู่นานถึง 3-5 วันในผู้ที่มีผิวบอบบาง
- ความรู้สึกร้อนใต้ผิว: เป็นความรู้สึกอุ่นๆ ที่จะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน
ความเสี่ยงเรื่องผิวไหม้และรอยดำหลังการอักเสบ
ความเสี่ยงเรื่องผิวไหม้และรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) จากการทำเทอร์มาจนั้นต่ำมาก โดยผลข้างเคียงรุนแรงเหล่านี้พบได้น้อยกว่า 1% และมักเกิดจากการใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม
- ผิวไหม้ (Burns): ภาวะแทรกซ้อน เช่น ผิวไหม้ พุพอง หรือแผลเป็นนั้นพบได้ยากมาก หากเกิดขึ้นก็มักเป็นแผลตื้นๆ ที่สามารถหายได้เองภายในไม่กี่วันถึงสองสามสัปดาห์ ความเสี่ยงจะลดลงอย่างมากเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง
- รอยดำหลังการอักเสบ (PIH): เทอร์มาจมีความเสี่ยงต่ำในการเกิดรอยดำ เนื่องจากพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) จะส่งผ่านไปยังผิวชั้นหนังแท้โดยไม่กระทบกระเทือนเซลล์เม็ดสีในชั้นหนังกำพร้า หากมีการเปลี่ยนแปลงของสีผิวเล็กน้อย ก็มักจะมีอาการไม่รุนแรงและจะจางหายไปเองในไม่กี่สัปดาห์
ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
ใช่ครับ เป็นไปได้ที่ผู้รับบริการบางรายอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หลังทำเทอร์มาจ
โดยเฉพาะในผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเหมาะกับการผ่าตัดมากกว่า เนื่องจากเทอร์มาจให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง การจัดการความคาดหวังจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะผลลัพธ์จะเป็นการกระชับผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเหมือนการผ่าตัด
ใครไม่ควรทำ Thermage? ข้อห้ามและกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวัง
ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะผิวหนังบางชนิด
ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะผิวหนังบางชนิด ไม่ควรทำ Thermage โดยเฉพาะผู้ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร และผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณที่จะทำ
กลุ่มผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ Thermage หรือต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่
- ผู้ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย: เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) เนื่องจากคลื่นวิทยุอาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: บริเวณที่จะทำต้องไม่มีแผลเปิด สิวอักเสบรุนแรง หรือการติดเชื้อใดๆ
- ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองบางชนิด: เช่น โรค SLE หรือโรคหนังแข็ง (Scleroderma) เพราะอาจส่งผลต่อการฟื้นฟูของผิว
- ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์: เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นนูน
- ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่ทำ: เช่น แผ่นโลหะหรือสกรูในกระดูกใบหน้า เพราะโลหะอาจนำความร้อนและทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบเสียหายได้
สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
โดยทั่วไปแล้วไม่แนะนำให้ทำ Thermage ในสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาทางคลินิกที่ยืนยันความปลอดภัยของการทำ Thermage ต่อทารกในครรภ์หรือทารกแรกเกิด ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำหัตถการในช่วงเวลานี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ผู้ที่ใส่อุปกรณ์โลหะหรือเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในร่างกาย
ผู้ที่ใส่อุปกรณ์โลหะหรือเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในร่างกายไม่สามารถทำเทอร์มาจได้ เนื่องจากเป็นข้อห้ามที่สำคัญ
- เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า: ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่ฝังในร่างกาย ไม่สามารถทำเทอร์มาจได้โดยเด็ดขาด เพราะพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) อาจรบกวนการทำงานหรือสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ได้
- อุปกรณ์โลหะ: ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่ต้องการทำทรีตเมนต์ เช่น แผ่นโลหะหรือสกรูที่กระดูกใบหน้า ไม่สามารถทำเทอร์มาจได้ เพราะโลหะอาจนำความร้อนและทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบไหม้ได้
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย: Thermage กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร
Thermage และ Ulthera แตกต่างกันที่เทคโนโลยีและระดับความลึกของชั้นผิวที่ใช้ในการรักษา โดย Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระชับผิวชั้นบน ในขณะที่ Ulthera ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ (MFU-V) เพื่อยกกระชับผิวในชั้นที่ลึกกว่า
ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างที่สำคัญ:
| หัวข้อ | Thermage | Ulthera (Ultherapy) |
|---|---|---|
| เทคโนโลยี | คลื่นวิทยุ (Monopolar RF) | คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (MFU-V) |
| ระดับความลึก | ผิวชั้นบนและชั้นหนังแท้ (ลึกประมาณ 3.0 มม.) | ผิวชั้นลึกถึงชั้น SMAS (ลึกถึง 4.5 มม.) |
| ผลลัพธ์หลัก | กระชับผิว (Tightening) ปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอยเล็กๆ | ยกกระชับ (Lifting) ปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น |
| ระดับความเจ็บ | รู้สึกอุ่นถึงร้อน แต่เจ็บน้อยกว่า | เจ็บมากกว่า อาจรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็กๆ ทิ่มลึกๆ |
| ผลข้างเคียง | บวมแดงเล็กน้อย ซึ่งมักหายไปใน 1-2 วัน | อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บระบมได้นานกว่า และมีความเสี่ยงที่ไขมันจะฝ่อ (พบน้อย) |
| ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 5-6 เดือน | เห็นผลชัดเจนในเวลาประมาณ 2-3 เดือน |
| ความคงทน | ประมาณ 1-2 ปี | ประมาณ 1.5-2 ปี หรือนานกว่า |
| เหมาะสำหรับ | ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ลดความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และริ้วรอยตื้นๆ | ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าส่วนล่าง เช่น กรอบหน้า คาง และลำคอที่หย่อนคล้อย |
ความแตกต่างของเทคโนโลยีและชั้นผิวที่รักษา
เทอร์มาจใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงขั้วเดียว (Monopolar RF) ในขณะที่อัลเทอร่าใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Micro-focused Ultrasound) ซึ่งส่งผลให้ชั้นผิวที่รักษาแตกต่างกัน
- เทอร์มาจ (Thermage): ใช้คลื่นวิทยุส่งความร้อนไปยังชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนังส่วนบน (ลึกประมาณ 3 มม.) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและเรียบเนียนขึ้น
- อัลเทอร่า (Ulthera/Ultherapy): ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่สามารถส่งพลังงานลงไปได้ลึกถึงชั้น SMAS (ลึกประมาณ 4.5 มม.) ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่รองรับเนื้อเยื่อผิวหนังและเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดดึงหน้า จึงให้ผลลัพธ์ในด้านการ “ยกกระชับ” ที่ชัดเจนกว่า
ระดับความเจ็บและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ระดับความเจ็บของ Thermage อยู่ในระดับที่ทนได้ โดยจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว ส่วนผลข้างเคียงที่พบบ่อยคืออาการบวมและแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองอย่างรวดเร็ว คนส่วนใหญ่จะรู้สึกอุ่นลึกๆ ที่ผิวเป็นช่วงสั้นๆ ในขณะที่ปล่อยพลังงาน ซึ่งเครื่องรุ่นใหม่จะมีระบบสั่นและให้ความเย็นเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายตัว
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่:
- อาการบวมและแดง: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดขึ้นทันทีหลังทำและจะค่อยๆ หายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน
- รู้สึกอุ่นหรือยิบๆ ที่ผิว: เป็นความรู้สึกปกติหลังทำและจะหายไปในเวลาไม่นาน
- ผลข้างเคียงที่พบได้ยาก: อาการผิวไหม้ พุพอง หรือแผลเป็นนั้นพบได้น้อยมาก (ต่ำกว่า 1%) และมักเกิดจากการใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ
ผลลัพธ์ที่ได้และกลุ่มผู้ที่เหมาะสมกับแต่ละเทคโนโลยี
Thermage เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอย และกระชับผิวโดยรวม ในขณะที่ Ultherapy เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยในระดับลึก โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้าและลำคอ
- Thermage
- ผลลัพธ์: เน้นการกระชับผิว (tightening) ปรับปรุงคุณภาพผิวให้เรียบเนียน และลดริ้วรอยตื้นๆ เหมาะสำหรับแก้ปัญหาผิวขาดความกระชับและผิวเหี่ยวย่น (crepey skin)
- กลุ่มที่เหมาะสม: ผู้ที่มีอายุ 30-50 ปี ที่มีสัญญาณความหย่อนคล้อยในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง และต้องการปรับสภาพผิวโดยรวม สามารถทำได้ทั้งใบหน้า (รวมถึงเปลือกตา) และลำตัว เช่น หน้าท้อง หรือต้นแขน
- Ultherapy (Ulthera)
- ผลลัพธ์: เน้นการยกกระชับ (lifting) ผิวในชั้นลึก ทำให้สามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้อย่างชัดเจน เช่น การยกคิ้ว กรอบหน้า และลำคอ
- กลุ่มที่เหมาะสม: ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลาง โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง และลำคอที่หย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด และต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน
ปัจจัยสำคัญก่อนตัดสินใจทำ Thermage
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการทำ Thermage เนื่องจากเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญสูง
แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินสภาพผิวและปรับตั้งค่าพลังงานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น แผลไหม้หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ และทำให้มั่นใจได้ว่าพลังงานถูกส่งลงไปในผิวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด การเลือกรักษากับแพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรอง (Board-certified) และมีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง Thermage โดยตรงจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
การใช้เครื่อง Thermage ของแท้และจำนวนช็อตที่เหมาะสม
การใช้เครื่อง Thermage ของแท้และจำนวนช็อต (shots) ที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง
- การใช้เครื่องและอุปกรณ์ของแท้: ควรตรวจสอบว่าคลินิกใช้เครื่อง Thermage FLX ของแท้และหัวทิป (Tip) ที่เป็นของใหม่แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งจะบรรจุในกล่องที่ปิดสนิท คลินิกที่ได้มาตรฐานมักจะมีใบรับรอง “Thermage Genuine User” เพื่อยืนยัน การใช้เครื่องปลอมหรือหัวทิปที่ใช้ซ้ำอาจส่งผลให้พลังงานไม่เสถียร ไม่ได้ผล และอาจเป็นอันตรายได้
- จำนวนช็อตที่เหมาะสม: จำนวนช็อตที่ใช้ในการรักษามีผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ หากใช้จำนวนช็อตน้อยเกินไปอาจทำให้เห็นผลไม่ชัดเจน โดยทั่วไป การทำ Thermage บริเวณทั่วใบหน้าและลำคอมักจะใช้ประมาณ 900 ช็อต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินและใช้จำนวนช็อตที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษาเพื่อให้ครอบคลุมและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
การประเมินสภาพผิวและเป้าหมายการรักษาที่สมจริง
การประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดและการตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของ Thermage ประสบความสำเร็จและสร้างความพึงพอใจสูงสุด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินความหย่อนคล้อย ความหนา และสภาพผิวโดยรวมของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและยืนยันว่า Thermage เป็นทางเลือกที่ถูกต้อง นอกจากนี้ แพทย์จะอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วงหลายเดือน และเป็นการยกกระชับที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เหมือนกับการผ่าตัดดึงหน้า การจัดการความคาดหวังที่ชัดเจนนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดหวัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีความหย่อนคล้อยรุนแรงซึ่งอาจไม่เหมาะกับการรักษานี้
วิธีลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองหลังทำ Thermage
วิธีลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองหลังทำ Thermage คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดดจัด เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุดและส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน
คำแนะนำในการดูแลตัวเองมีดังนี้:
- ประคบเย็น: ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก สามารถใช้การประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมแดงได้
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการอาบน้ำร้อน ซาวน่า และการออกกำลังกายหนักๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ทาครีมบำรุงและกันแดด: เน้นทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน: ในช่วงสัปดาห์แรก ให้งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดต่างๆ หรือเรตินอยด์
- ดูแลสุขภาพโดยรวม: การดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- สังเกตอาการ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น เกิดแผลพุพอง เจ็บปวดรุนแรง หรือรอยแดงไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์ทันที
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
การเตรียมตัวก่อนทำ Thermage ที่สำคัญคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หยุดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด และมาเข้ารับการรักษาด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
เพื่อลดความเสี่ยงและให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- ป้องกันแสงแดด: หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรงและทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดยาและอาหารเสริม: หยุดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดบาง เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี ประมาณ 7-10 วันก่อนทำ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา)
- ปรับการดูแลผิว: งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สครับ ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว และเรตินอยด์/เรตินอล ประมาณ 2-3 วันก่อนทำ
- แจ้งประวัติสุขภาพ: หากมีประวัติเป็นโรคเริมบริเวณริมฝีปาก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
- ในวันนัด: มาด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง โลชั่น หรือครีมใดๆ และถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะทั้งหมดออก
ข้อควรปฏิบัติเพื่อฟื้นฟูผิวและลดอาการบวมแดง
การประคบเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูผิวและลดอาการบวมแดงหลังทำเทอร์มาจ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- ประคบเย็น: ใช้แผ่นเจลเย็นหรือผ้าชุบน้ำเย็นประคบเบาๆ บริเวณที่ทำ เพื่อช่วยลดความร้อนและอาการบวม
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการอาบน้ำร้อน ซาวน่า และกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลาอย่างน้อย 2 วัน
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นและหลีกเลี่ยงการใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง เช่น เรตินอยด์ ประมาณ 1 สัปดาห์
- ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ
- นอนหนุนหมอนสูง: ในคืนแรกหลังทำ การนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อยจะช่วยลดอาการบวมได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้อเสียของ Thermage
ทำ Thermage เจ็บไหม?
การทำ Thermage จะทำให้รู้สึกร้อนและเจ็บ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักอธิบายความรู้สึกว่าเหมือนมีความร้อนสั้นๆ จี๊ดๆ เกิดขึ้นใต้ผิวหนังในแต่ละครั้งที่ปล่อยพลังงาน อย่างไรก็ตาม เครื่องรุ่นใหม่ๆ จะมีเทคโนโลยีความเย็นและการสั่นเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวระหว่างทำ ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าเจ็บน้อยกว่าการทำ Ultherapy
Thermage ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
Thermage ไม่เหมาะกับผู้ที่ฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง และผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่จะทำ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ
กลุ่มที่ไม่เหมาะกับการทำ Thermage หรือควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่:
- ผู้ที่ฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์: เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดฝัง (ICD)
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัยในกลุ่มนี้
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: เช่น มีแผลเปิด สิวอักเสบรุนแรง หรือเริมในบริเวณที่จะทำ ควรรักษาให้หายก่อน
- ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่ทำ: เช่น แผ่นโลหะหรือสกรูทางการแพทย์ (ไม่รวมการอุดฟันหรือจัดฟัน)
- ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองบางชนิด: เช่น โรค SLE หรือโรคหนังแข็ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นฟูของผิว
- ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ง่าย: เพราะมีความเสี่ยงที่ผิวจะเกิดแผลเป็นนูนผิดปกติได้
- ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง: Thermage ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยรุนแรงมากและคาดหวังผลลัพธ์เทียบเท่าการผ่าตัด
ผลข้างเคียงของ Thermage จะหายไปเมื่อไหร่?
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ของ Thermage เช่น รอยแดงและอาการบวมเล็กน้อย มักจะหายไปเองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยทั่วไปแล้วรอยแดงจะจางลงในวันเดียวกัน ส่วนอาการบวมมักจะหายไปภายใน 1-2 วัน และน้อยมากที่จะคงอยู่นานเกิน 3-5 วัน ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ทำให้ผู้รับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
หลังทำ Thermage หน้าจะบวมกี่วัน?
โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังทำ Thermage จะหายไปภายใน 1-2 วัน (ประมาณ 24-48 ชั่วโมง)
อาการบวมส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและเป็นเพียงอาการบวมเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางมาก อาการอาจคงอยู่นานถึง 3-5 วัน แต่ก็พบได้ไม่บ่อยนัก และหลายคนอาจไม่มีอาการบวมที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนเลย
ทำไมทำ Thermage แล้วไม่เห็นผล?
การทำ Thermage แล้วไม่เห็นผลอาจเกิดจาก การเลือกผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษา โดยเฉพาะผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของผิวที่รุนแรงเกินไป ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ Thermage ไม่เห็นผล ได้แก่:
- ความหย่อนคล้อยที่รุนแรง: Thermage เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง หากผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ชัดเจน และอาจเหมาะกับการผ่าตัดมากกว่า
- การคาดหวังผลลัพธ์ที่ไม่สมจริง: ผลลัพธ์ของ Thermage จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วง 2-6 เดือน และเป็นการยกกระชับที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเหมือนการผ่าตัด
- เครื่องมือหรือจำนวนช็อตที่ไม่ได้มาตรฐาน: การใช้เครื่องปลอมหรือการใช้จำนวนพลังงาน (ช็อต) ที่ไม่เพียงพอต่อบริเวณที่ทำการรักษา จะทำให้การกระตุ้นคอลลาเจนไม่มีประสิทธิภาพ
- เทคนิคและประสบการณ์ของผู้ทำ: ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย หากเทคนิคไม่ถูกต้อง พลังงานอาจส่งลงไปได้ไม่สม่ำเสมอหรือไม่ลึกพอ
References:
- DermNet NZ. (n.d.). Radiothermoplasty and Thermage: Side Effects and Complications. DermNet New Zealand Trust. dermnetnz.org
- Thermage. (n.d.). Important Safety Information and Contraindications. Solta Medical (Thermage Official). thermage.com
- AlluraDerm. (n.d.). Is Thermage Safe for All Skin Types? Skin Treatment Safety Information. alluraderm.com
- Dermatology and Laser Group. (n.d.). Ultherapy vs Thermage: Treatment Comparison. Clinical Guidance. dermatologyandlasergroup.com
- Michele Green, MD. (n.d.). Thermage FLX and Ultherapy Skin Tightening Comparison. Dermatology Practice Resources. michelegreenmd.com
