Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง มีความเสี่ยงไหม?

Byadmin สิงหาคม 29, 2025กันยายน 7, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 7, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

Table of Contents

Toggle
  • การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย คืออะไร และทำงานอย่างไร?
    • ทำความเข้าใจกลไกของ Botulinum Toxin ต่อกล้ามเนื้อ
    • ความแตกต่างระหว่างการฉีด Botox กับฟิลเลอร์
  • ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย?
    • ลักษณะของริ้วรอยที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดีที่สุด
    • กลุ่มบุคคลที่ไม่แนะนำให้ฉีด Botox?
  • การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่?
    • ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและวิธีจัดการเบื้องต้น
    • ความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่ควรทราบมีอะไรบ้าง?
  • 5 ตำแหน่งบนใบหน้าที่นิยมฉีด Botox ลดริ้วรอยมากที่สุด
    • 1. ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก (Forehead Lines)
    • 2. รอยตีนกาบริเวณหางตา (Crow’s Feet)
    • 3. รอยขมวดคิ้ว (Glabellar Lines)
    • 4. รอยย่นรอบจมูก (Bunny Lines)
    • 5. ริ้วรอยใต้ตาและรอบดวงตา
  • ต้องใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลจากการฉีด Botox?
    • ระยะเวลาที่ Botox เริ่มออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์เต็มที่
    • ผลลัพธ์จากการฉีด Botox อยู่ได้นานแค่ไหน?
  • ราคาและค่าใช้จ่ายในการฉีด Botox ลดริ้วรอยอยู่ที่เท่าไหร่?
    • ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา: ยี่ห้อ จำนวนยูนิต และความเชี่ยวชาญของแพทย์
    • ตารางเปรียบเทียบราคา Botox ลดริ้วรอยโดยประมาณในแต่ละบริเวณ
  • วิธีเตรียมตัวก่อนและดูแลตัวเองหลังการฉีด Botox
    • ข้อควรปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันฉีด
    • ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีด Botox เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด
    • เช็กลิสต์ 3 ข้อในการประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก
  • References
  • Author

การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย คืออะไร และทำงานอย่างไร?

ฉีด botox เพื่อลดริ้วรอย

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยคือการใช้สารนิวโรมอดูเลเตอร์ (neuromodulator) เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าคลายตัว ซึ่งจะช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกา หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก

โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์เฉพาะกับริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหว (Dynamic Wrinkles) ซึ่งเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อซ้ำๆ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไป สารจะไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นชั่วคราว ทำให้ผิวหนังไม่เกิดการพับหรือย่น ส่งผลให้ริ้วรอยเดิมดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยลึกขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ทำความเข้าใจกลไกของ Botulinum Toxin ต่อกล้ามเนื้อ

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ทำงานโดยการออกฤทธิ์เป็นสารปรับการทำงานของเส้นประสาท (neuromodulator) เพื่อคลายหรือทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลง การออกฤทธิ์นี้จะช่วยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (dynamic wrinkles) เช่น รอยตีนกาและรอยย่นที่หน้าผาก

ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นเฉพาะที่ในกล้ามเนื้อที่ได้รับการรักษาเท่านั้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้ริ้วรอยลดลงในขณะที่ยังสามารถแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ความแตกต่างระหว่างการฉีด Botox กับฟิลเลอร์

Botox และฟิลเลอร์ทำงานแตกต่างกัน โดย Botox จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า ในขณะที่ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มปริมาตรเพื่อลดริ้วรอยร่องลึก

  • Botox เป็นสารนิวโรมอดูเลเตอร์ (Neuromodulator) ที่ฉีดเข้าไปเพื่อยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับใบหน้าซ้ำๆ เช่น รอยตีนกา หรือรอยย่นที่หน้าผาก ลดลง
  • ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers) เป็นสารคล้ายเจลที่ฉีดเข้าไปเพื่อเติมเต็มหรือเพิ่มปริมาตรให้กับผิว ช่วยลดริ้วรอยร่องลึกที่มองเห็นได้แม้ไม่ได้แสดงสีหน้า ซึ่งมักเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนตามวัย

โดยสรุปคือ Botox “หยุด” การทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการเกิดรอยยับ ในขณะที่ฟิลเลอร์ “เติมเต็ม” หรือยกกระชับเนื้อเยื่อเพื่อทำให้ริ้วรอยที่ฝังลึกดูเรียบเนียนขึ้น

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย?

ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Botox คือผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ (Dynamic Wrinkles) ซึ่งเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า

ริ้วรอยประเภทนี้จะปรากฏชัดเมื่อคุณแสดงสีหน้าต่างๆ เช่น การขมวดคิ้ว, การยิ้ม, หรือการเลิกคิ้ว ตัวอย่างที่พบบ่อย ได้แก่

  • รอยตีนกา
  • ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
  • ริ้วรอยบนหน้าผาก

ในทางกลับกัน ผู้ที่มีริ้วรอยที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า (Static Wrinkles) ซึ่งเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนหรือความเสื่อมของผิวตามวัย อาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีนักจากการฉีด Botox เพียงอย่างเดียว และอาจเหมาะกับฟิลเลอร์มากกว่า

ลักษณะของริ้วรอยที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดีที่สุด

ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า (Dynamic wrinkles) เป็นริ้วรอยที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยโบท็อกซ์ได้ดีที่สุด

ริ้วรอยประเภทนี้เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อซ้ำๆ เมื่อแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก หรือรอยขมวดคิ้ว โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ทำให้ริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางตรงกันข้าม ริ้วรอยที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า (Static wrinkles) จะเห็นผลจากการรักษาด้วยโบท็อกซ์เพียงเล็กน้อย

กลุ่มบุคคลที่ไม่แนะนำให้ฉีด Botox?

กลุ่มบุคคลที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์, ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด, รวมถึงสตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร

จากข้อมูลในงานวิจัย กลุ่มที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ประกอบด้วย:

  • ผู้ที่แพ้โบท็อกซ์: ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือส่วนประกอบอื่นๆ เช่น อัลบูมินจากมนุษย์ (human albumin)
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์หากผิวหนังบริเวณที่จะฉีดมีการติดเชื้อหรืออักเสบ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  • สตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร: โดยทั่วไปแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยที่ชัดเจน

การฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่?

ใช่ การฉีด Botox มีความเสี่ยงและผลข้างเคียง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคืออาการเฉพาะที่บริเวณที่ฉีด เช่น รอยช้ำเล็กน้อย บวม แดง หรือปวดศีรษะเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งสัปดาห์

ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยแต่มีความสำคัญกว่า ได้แก่ หนังตาตกหรือคิ้วตก ซึ่งเกิดจากการกระจายของตัวยาไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นชั่วคราวและจะหายไปเมื่อ Botox หมดฤทธิ์ ส่วนความเสี่ยงที่รุนแรง เช่น การแพร่กระจายของสารพิษไปยังส่วนอื่นของร่างกายจนทำให้มีปัญหาการกลืนหรือการหายใจนั้นเกิดขึ้นได้ยากมากในการฉีดเพื่อความงามโดยผู้เชี่ยวชาญ การเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์สูงจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงเหล่านี้

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและวิธีจัดการเบื้องต้น

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ ปฏิกิริยาเฉพาะที่บริเวณที่ฉีด เช่น รอยช้ำ บวม แดง และอาการปวดศีรษะเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายและจะหายไปเอง

คุณสามารถจัดการอาการเบื้องต้นได้ดังนี้:

  • รอยช้ำ บวม และแดง: ประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวมและเลือดออก โดยปกติรอยแดงและอาการบวมจะหายไปในไม่กี่ชั่วโมง ส่วนรอยช้ำจะจางลงภายในหนึ่งสัปดาห์
  • ปวดศีรษะ: หากมีอาการปวดศีรษะหลังการฉีด ซึ่งมักเป็นอาการปวดตึงๆ สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไปเพื่อบรรเทาอาการได้

อาการบวม แดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด

อาการบวม แดง หรือรอยช้ำ เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายและจะหายไปเอง โดยอาการแดงและบวมเล็กน้อยมักจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง ในขณะที่รอยช้ำจะค่อยๆ จางลงและหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์ การประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้

อาการปวดศีรษะชั่วคราวหลังการฉีด

อาการปวดศีรษะเล็กน้อยเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งวัน

อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นมักไม่รุนแรงและสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป ในกรณีที่พบได้น้อยมาก (ประมาณ 1%) อาการอาจคงอยู่นานถึง 2 สัปดาห์ แต่ก็จะหายไปเองในที่สุด สาเหตุที่แน่ชัดยังไม่เป็นที่ทราบ แต่อาจเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อในขณะที่โบท็อกซ์เริ่มออกฤทธิ์ หรือเกิดจากปฏิกิริยาของเยื่อหุ้มกระดูกหากเข็มสัมผัสกับกระดูก

ความรู้สึกตึงหรือไม่เป็นธรรมชาติบนใบหน้า

ความรู้สึกตึงหรือแข็งบนใบหน้าเป็นความรู้สึกที่พบได้ปกติและเกิดขึ้นชั่วคราวหลังจากฉีดโบท็อกซ์

ความรู้สึกนี้มักจะสังเกตได้ชัดเจนที่สุดบริเวณหน้าผากหรือระหว่างคิ้ว ซึ่งสัมพันธ์กับการที่โบท็อกซ์เริ่มออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต โดยทั่วไปความรู้สึกตึงจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อร่างกายคุ้นชินกับสภาวะที่กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และไม่ถือว่าเป็นอันตราย

ความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่ควรทราบมีอะไรบ้าง?

ความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่ควรทราบ ได้แก่ ภาวะหนังตาตกหรือคิ้วตก และการกระจายตัวของสารพิษไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยแต่มีความสำคัญ

  • ภาวะหนังตาตกหรือคิ้วตก (Ptosis): เกิดขึ้นได้หากสารโบท็อกซ์กระจายไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียงที่ไม่ต้องการรักษา แม้จะพบได้น้อย (ประมาณ 0.5–1% ในกรณีที่ฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญ) แต่อาจทำให้หนังตาหรือคิ้วตกลงมาผิดปกติ โดยอาการนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวและจะหายไปเองใน 2-4 สัปดาห์
  • ผลกระทบต่อกล้ามเนื้อส่วนอื่น: อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยยิ้มที่ไม่สมมาตร หากสารกระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม ซึ่งผลกระทบเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์
  • การกระจายตัวของสารพิษทั่วร่างกาย: เป็นความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดแต่พบได้ยากมากในการใช้เพื่อความงาม อาการที่ต้องระวังคือกล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ไม่ได้ฉีด กลืนหรือหายใจลำบาก เสียงแหบ หรือมองเห็นภาพซ้อน ซึ่งหากเกิดขึ้นถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์

5 ตำแหน่งบนใบหน้าที่นิยมฉีด Botox ลดริ้วรอยมากที่สุด

1. ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก (Forehead Lines)

การฉีดโบท็อกซ์สำหรับริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นการฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อฟรอนทาลิส (frontalis muscle) บริเวณกลางถึงส่วนบนของหน้าผาก เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและริ้วรอยเรียบเนียนขึ้น

เทคนิคที่เหมาะสมจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเห็นได้ชัด โดยยังคงสามารถแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะคิ้วตก ผลลัพธ์จะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 2-3 เดือน โดยผู้ป่วยกว่า 90% พบว่าริ้วรอยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

2. รอยตีนกาบริเวณหางตา (Crow’s Feet)

การฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการรักษารอยตีนกา โดยจะฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณหางตาเพื่อทำให้ริ้วรอยรูปพัดเรียบเนียนขึ้นทั้งในขณะที่ใบหน้าปกติและเวลายิ้ม

โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 12-24 ยูนิตสำหรับทั้งสองข้าง ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นผลในไม่กี่วันและเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ ซึ่งจะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน หลังการรักษา ผู้ป่วยมักรู้สึกว่าดวงตาดู “เปิด” และสดใสขึ้น

3. รอยขมวดคิ้ว (Glabellar Lines)

โบท็อกซ์มีประสิทธิภาพสูงในการรักษารอยขมวดคิ้ว ซึ่งมักจะช่วยให้ร่องลึกจากการขมวดคิ้วหายไปได้อย่างสมบูรณ์ในขณะที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์

โดยทั่วไปจะใช้ปริมาณโบท็อกซ์ประมาณ 8 ถึง 40 ยูนิต ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของริ้วรอย ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมีรอยขมวดคิ้วที่ดีขึ้น และ 80-90% ยังคงเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างน้อยหนึ่งระดับหลังการรักษาเป็นเวลา 1 เดือน

4. รอยย่นรอบจมูก (Bunny Lines)

รอยย่นรอบจมูก หรือ Bunny Lines คือรอยย่นแนวทแยงที่ปรากฏบนสันจมูกเมื่อย่นจมูก ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการฉีดโบท็อกซ์ปริมาณเล็กน้อยเข้าที่กล้ามเนื้อนาซาลิส (nasalis muscle) ทั้งสองข้างของจมูก

โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 5-10 ยูนิต เพื่อช่วยให้จมูกดูเรียบเนียนขึ้นและลดรอยย่นเวลาย่นจมูก ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นภายในหนึ่งสัปดาห์และคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน การรักษานี้มักทำควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกซ์ในส่วนอื่นๆ ของใบหน้าส่วนบนเพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

5. ริ้วรอยใต้ตาและรอบดวงตา

การฉีดโบท็อกซ์สามารถใช้รักษาริ้วรอยตีนกาและริ้วรอยใต้ตาได้ แต่มีเทคนิคและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

  • ริ้วรอยตีนกา (Crow’s Feet): เป็นบริเวณที่รักษาได้ผลดีมาก โดยจะฉีดโบท็อกซ์บริเวณหางตาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อยิ้มหรือแสดงสีหน้า และช่วยให้ดวงตาดู “เปิด” และสดใสขึ้น ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
  • ริ้วรอยใต้ตา (Under-Eye Wrinkles): เป็นเทคนิคขั้นสูงที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การฉีดจะช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อใต้ตาได้ แต่จะได้ผลดีในผู้ที่มีสภาพผิวค่อนข้างยืดหยุ่น และไม่สามารถแก้ไขปัญหาร่องลึกหรือถุงใต้ตาได้ การรักษานี้มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น อาจกระทบการยิ้มหรือทำให้หนังตาตกหากฉีดผิดพลาด

ต้องใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลจากการฉีด Botox?

โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นผลลัพธ์บางส่วนภายใน 2-3 วัน แต่จะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์

ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและเห็นผลเต็มที่ที่สุดในวันที่ 14 หลังการฉีด ด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่อย่างสมบูรณ์

ระยะเวลาที่ Botox เริ่มออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์เต็มที่

โดยทั่วไป Botox จะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 7-10 วัน และผลลัพธ์จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในราววันที่ 14 หลังการฉีด ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ฉีด Botox ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันงานสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่อย่างสมบูรณ์

ผลลัพธ์จากการฉีด Botox อยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการฉีด Botox จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน

เมื่อครบ 3 เดือน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นว่ากล้ามเนื้อกลับมาเคลื่อนไหวได้และริ้วรอยเริ่มกลับมาปรากฏอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีผลลัพธ์ยาวนานถึง 5-6 เดือน ในขณะที่บางคนอาจเห็นผลลดลงในเวลาเพียง 2 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดครั้งแรกหรือมีกล้ามเนื้อที่ทำงานหนัก

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา ได้แก่ การเผาผลาญของร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อ และการฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจช่วยยืดอายุผลลัพธ์ให้นานขึ้นได้

ราคาและค่าใช้จ่ายในการฉีด Botox ลดริ้วรอยอยู่ที่เท่าไหร่?

ราคาและค่าใช้จ่ายในการฉีดโบท็อกซ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่โดยทั่วไปจะคิดราคาตามจำนวนยูนิตที่ใช้หรือตามบริเวณที่ทำการรักษา

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคามีดังนี้:

  • จำนวนยูนิต: บริเวณที่ต้องการรักษาหรือกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าจะต้องการจำนวนยูนิตที่มากกว่า
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือคลินิกที่มีชื่อเสียงอาจมีราคาสูงกว่า
  • ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: คลินิกในเมืองใหญ่มักมีราคาสูงกว่าในเมืองเล็ก
  • ยี่ห้อของโบท็อกซ์: โบท็อกซ์จากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก (เช่น Allergan) อาจมีราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่น

ควรระมัดระวังราคาที่ต่ำจนน่าสงสัย เพราะอาจเป็นสัญญาณของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือถูกเจือจางมากเกินไป

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา: ยี่ห้อ จำนวนยูนิต และความเชี่ยวชาญของแพทย์

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาโบท็อกซ์ ได้แก่ ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์, จำนวนยูนิตที่ใช้, ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ และที่ตั้งของคลินิก

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม ดังนี้:

  • จำนวนยูนิต: เป็นปัจจัยหลักในการกำหนดราคา ยิ่งใช้จำนวนยูนิตมากสำหรับกล้ามเนื้อที่แข็งแรงหรือรักษาหลายบริเวณ ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้น
  • ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ: แพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีประสบการณ์สูงมักคิดค่าบริการสูงกว่า เพื่อสะท้อนถึงทักษะและความเชี่ยวชาญ
  • ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: คลินิกในเมืองใหญ่มักมีราคาสูงกว่าคลินิกในเมืองเล็ก
  • ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์: ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่แตกต่างกัน เช่น Botox ของ Allergan เทียบกับยี่ห้อที่ผลิตในเกาหลี อาจมีราคาที่แตกต่างกัน

ตารางเปรียบเทียบราคา Botox ลดริ้วรอยโดยประมาณในแต่ละบริเวณ

ตารางด้านล่างนี้แสดง ราคาประเมินโดยประมาณสำหรับการฉีด Botox ในแต่ละบริเวณ โดยอิงจากจำนวนยูนิตที่ใช้และราคาต่อยูนิตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักอยู่ที่ 350 – 700 บาท ต่อ ยูนิต

บริเวณที่ฉีด จำนวนยูนิตโดยประมาณ ราคาประเมิน
หว่างคิ้ว (Glabellar Lines) ~20 ยูนิต 9,690 – 12,920 บาท
หน้าผาก (Forehead Lines) ~20 – 40 ยูนิต 9,690 – 19,380 บาท
ตีนกา (Crow’s Feet) ~12 – 24 ยูนิต 7,752 – 16,150 บาท
สันจมูก (Bunny Lines) ~5 – 10 ยูนิต 3,230 – 8,075 บาท
3 บริเวณ (หน้าผาก, หว่างคิ้ว, ตีนกา) – 19,380 – 38,760 บาท

ราคาดังกล่าวอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของคลินิก ประสบการณ์ของผู้ให้บริการ และยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้

วิธีเตรียมตัวก่อนและดูแลตัวเองหลังการฉีด Botox

การเตรียมตัวก่อนฉีด Botox คือการงดยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย ส่วนการดูแลตัวเองหลังฉีดคือการหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ฉีดและการออกกำลังกายหนัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียง

การเตรียมตัวก่อนฉีด

  • งดยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย และกระเทียม เป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
  • ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
  • วางแผนฉีดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนมีงานสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่และรอยช้ำ (ถ้ามี) หายไป

การดูแลตัวเองหลังฉีด

  • ห้ามนอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
  • ห้ามนวด กด หรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในวันแรก
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในคืนแรกหลังฉีด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำ
  • สามารถใช้ชีวิตประจำวันเบาๆ ได้ตามปกติ และสามารถประคบเย็นเบาๆ หากมีอาการบวมเล็กน้อย

ข้อควรปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันฉีด ได้แก่

  • งดยาและอาหารเสริม: ควรหยุดยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และนาพรอกเซน รวมถึงอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย และกระเทียม เป็นเวลา 2-3 วันก่อนฉีด
  • งดแอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนการรักษา
  • ทำความสะอาดใบหน้า: ควรมาพบแพทย์ด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
  • วางแผนล่วงหน้า: แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันงานสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่อย่างเต็มที่
  • รักษาสุขภาพ: หากรู้สึกไม่สบาย มีผื่น หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนนัดออกไปก่อน

ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีด Botox เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด

ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีดโบท็อกซ์คือการหลีกเลี่ยงการกดทับหรือนวดบริเวณที่ฉีด งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนสูง และงดการออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่นและช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามอื่นๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ได้แก่:

  • ห้ามนอนราบ: ควรนั่งหรือยืนตัวตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ยาเคลื่อนที่
  • ห้ามนวดหรือถู: บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการได้
  • งดออกกำลังกายหนัก: รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อน เช่น ซาวน่า โยคะร้อน หรือการอาบน้ำร้อนจัด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: ในวันแรกหลังฉีด เพราะแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำได้
  • งดการทำทรีตเมนต์ใบหน้า: เช่น การนวดหน้าหรือทำเลเซอร์ เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 วัน

เช็กลิสต์ 3 ข้อในการประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก

ในการประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก ควรพิจารณาจาก คุณสมบัติของผู้ให้บริการ กระบวนการให้คำปรึกษา และมาตรฐานความปลอดภัยของคลินิก

  1. ตรวจสอบคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ: ควรเลือกแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ (Board-certified) และมีประสบการณ์ในการฉีดโดยตรง ควรสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์และจำนวนเคสที่เคยทำเพื่อความมั่นใจ
  2. ประเมินกระบวนการให้คำปรึกษา: คลินิกที่น่าเชื่อถือจะมีการประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด อธิบายขั้นตอนการรักษา ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างชัดเจน โดยไม่เร่งรัดหรือกดดันให้ตัดสินใจ
  3. สังเกตมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม: คลินิกต้องสะอาด ใช้เทคนิคปลอดเชื้อ และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้ ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่จัดโปรโมชั่นราคาถูกเกินจริง หรือให้บริการในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่สถานพยาบาล

References

  1. AMBRDFCS. (n.d.). AMBRDFCS. ambrdfcs.org.
  2. American Med Spa Association. (n.d.) American Med Spa Association. americanmedspa.org.
  3. Bookimed. (n.d.). Bookimed. bookimed.com.
  4. Cleveland Clinic. (n.d.) Cleveland Clinic. clevelandclinic.org.
  5. Cosmopolitan. (n.d.) Cosmopolitan. cosmopolitan.com.
  6. Diaminy. (n.d.) Diaminy. diaminy.com.
  7. Direct Aesthetics. (n.d.) Direct Aesthetics. direct-aesthetics.com.
  8. FlyMedi. (n.d.) FlyMedi. flymedi.com.
  9. FOCUS Online. (n.d.). Homepage. FOCUS Online. focus.de.
  10. Healthline. (n.d.). Homepage. Healthline. healthline.com.
  11. HIZH. (n.d.). Homepage. HIZH. hizh.cn.
  12. Infinite Medical Spa. (n.d.). Homepage. Infinite Medical Spa. infinitemedicalspa.com.
  13. Mayo Clinic Health System. (n.d.) Mayo Clinic Health System. mayoclinichealthsystem.org.
  14. Medica Depot. (n.d.) Medica Depot. medicadepot.com..

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
Ulthera ทั่วหน้า กี่ช็อต? ตอบทุกข้อสงสัยเรื่องจำนวนช็อตที่เหมาะสม
NextContinue
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube