ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเท่าไหร่ ใช้กี่ CC กี่วันเข้าที่ อยู่นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิดเพื่อทำให้ร่องแก้มดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น โดยผลลัพธ์โดยทั่วไปจะคงอยู่ได้นานประมาณ 9-18 เดือน และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับร่องแก้มชนิดที่เห็นได้ชัดเจนขณะใบหน้าอยู่นิ่ง
ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง
ฟิลเลอร์ร่องแก้มคือการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มที่มองเห็นได้ชัดเจนจากการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้าตามวัย
ฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้
- ผู้ที่มีร่องแก้มระดับปานกลางถึงลึก ซึ่งเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือการลดน้ำหนัก และยังมีความยืดหยุ่นของผิวที่ดี
ลักษณะร่องแก้มที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
ลักษณะร่องแก้มที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์มากที่สุดคือร่องแก้มชนิดที่เห็นได้ชัดเจนขณะใบหน้าอยู่นิ่ง (Static Fold) ซึ่งเกิดจากการสูญเสียปริมาตรไขมันและคอลลาเจนตามวัยหรือจากการลดน้ำหนัก
ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มและพยุงโครงสร้างผิวในบริเวณดังกล่าว ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้ที่เหมาะกับการรักษาวิธีนี้มักมีลักษณะดังนี้
- มีร่องแก้มระดับปานกลางถึงรุนแรง
- ผิวยังมีความยืดหยุ่นดี ไม่ได้เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่รุนแรงเกินไป
- เมื่อใช้นิ้วยกผิวบริเวณแก้มขึ้นเล็กน้อยแล้วร่องแก้มดูตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด
ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ผู้ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคือผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง, มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์, สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, และผู้ที่มีความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่ไม่สมจริง
ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยละเอียดมีดังนี้:
- ผู้ที่มีการติดเชื้อ: ห้ามฉีดในผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม เช่น สิวอักเสบ หรือเริม รวมถึงผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกาย เช่น เป็นไข้หวัด
ตอบทุกคำถาม: ราคา ปริมาณที่ใช้ และผลลัพธ์
ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้ม คิดจากอะไรบ้าง
ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้มขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ยี่ห้อของฟิลเลอร์, ปริมาณที่ต้องใช้, และความเชี่ยวชาญของแพทย์รวมถึงมาตรฐานของคลินิก
ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อราคามีดังนี้:
- ยี่ห้อและคุณภาพของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์เกรดพรีเมียมจากแบรนด์ชั้นนำมักมีราคาสูงกว่า (ประมาณ 12,000 บาทขึ้นไปต่อ cc) เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าและอาจอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์พื้นฐาน (ประมาณ 7,000 – 15,000 บาทต่อ cc)
ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสม
โดยทั่วไป ต้องใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC สำหรับร่องแก้มทั้งสองข้างจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสม โดยปริมาณที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มของแต่ละบุคคล
- ร่องแก้มตื้น: อาจใช้เพียง 1 CC แบ่งฉีดทั้งสองข้าง (ข้างละ 0.5 CC)
- ร่องแก้มปานกลาง: มักใช้ข้างละ 1 CC (รวมเป็น 2 CC)
- ร่องแก้มลึกมาก: อาจต้องใช้ข้างละ 2 CC หรือมากกว่านั้น
ฉีดแล้วกี่วันถึงจะเข้าที่และเห็นผลชัดเจน
โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังการฉีด
ในช่วง 3-5 วันแรกหลังฉีด อาจมีอาการบวมเล็กน้อย ทำให้ผลลัพธ์ยังไม่เข้าที่เต็มที่ หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะค่อยๆ ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อและอาการบวมจะลดลงจนหายไปสนิทในสัปดาห์ที่สอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถประเมินผลลัพธ์สุดท้ายที่ดูเป็นธรรมชาติได้
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดซ้ำเมื่อไหร่
โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอยู่ได้นานประมาณ 9-18 เดือน และแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำประมาณปีละหนึ่งครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ใช้และปัจจัยส่วนบุคคล โดยฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) รุ่นมาตรฐานมักจะอยู่ได้นาน 9-12 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความคงตัวสูงอาจอยู่ได้นานถึง 15-18 เดือน นอกจากนี้ อัตราการเผาผลาญของร่างกาย การออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวของใบหน้าก็มีผลต่อระยะเวลาเช่นกัน
ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี เลือกอย่างไรให้เป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงคือกลุ่ม Juvederm, Restylane และ Belotero โดยการเลือกจะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มและผลลัพธ์ที่ต้องการเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- ความลึกของร่องแก้ม: แพทย์จะเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหา
- ร่องแก้มลึก: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง เพื่อยกพยุงโครงสร้างผิวได้ดี เช่น Restylane Lyft หรือ Juvederm Voluma
- ร่องแก้มตื้นหรือริ้วรอยเล็กๆ: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เพื่อเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น Belotero Balance หรือ Restylane Refyne
- ความสมดุลระหว่างผลลัพธ์และความคงทน: ฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นานมักมีเนื้อที่แน่นกว่า ในขณะที่ฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นสูง (เช่น กลุ่ม RHA) จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเมื่อแสดงสีหน้า แต่อาจอยู่ได้ไม่นานเท่า
- ความปลอดภัย: ฟิลเลอร์กลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากสามารถสลายได้หากเกิดปัญหาหรือไม่พอใจผลลัพธ์
- การประเมินของแพทย์: ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะพิจารณาจากโครงสร้างใบหน้า ความหนาของผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อเลือกฟิลเลอร์และเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมที่สุด
เปรียบเทียบคุณสมบัติฟิลเลอร์รุ่นที่แพทย์นิยมใช้
ฟิลเลอร์ที่แพทย์นิยมใช้มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในด้านสารประกอบ ความแข็ง ความยืดหยุ่น และระยะเวลาคงทน เพื่อให้เหมาะกับความลึกของร่องแก้มและผลลัพธ์ที่ต้องการของแต่ละบุคคล
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติฟิลเลอร์รุ่นที่นิยมใช้สำหรับร่องแก้ม:
| ยี่ห้อ (Brand) | ประเภท (Type) | คุณสมบัติเด่น (Key Feature) | ระยะเวลา (Longevity) | เหมาะสำหรับ (Best For) |
|---|---|---|---|---|
| Juvederm | Hyaluronic Acid (HA) | เนื้อเจลเรียบเนียน อิ่มฟูดี อาจบวมช่วงแรกเล็กน้อย | 9-18 เดือน | เติมเต็มร่องแก้มทั่วไป ให้ผลลัพธ์ดูอิ่ม |
| Restylane | Hyaluronic Acid (HA) | เนื้อเจลเป็นอนุภาค ยกกระชับได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง (รุ่น Refyne/Defyne) | 9-12 เดือน | ร่องแก้มลึกที่ต้องการการยกกระชับ หรือบริเวณที่มีการขยับบ่อย |
| Belotero | Hyaluronic Acid (HA) | เนื้อเจลละเอียด กลืนกับผิวได้ดี | 6-9 เดือน | ร่องแก้มตื้นๆ หรือริ้วรอยเล็กๆ |
| Radiesse | Calcium Hydroxylapatite (CaHA) | เนื้อแน่น คงรูปได้ดี กระตุ้นคอลลาเจน (ไม่สามารถสลายได้) | 12-18 เดือน | ร่องแก้มลึกมากในคนผิวหนา |
| Sculptra | Poly-L-lactic acid (PLLA) | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป (ไม่สามารถสลายได้) | 2 ปีขึ้นไป | การฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว |
หลักการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับความลึกของร่องแก้ม
หลักการสำคัญคือการเลือกความแน่นและความหนืดของฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับความลึกของร่องแก้มและชั้นผิวที่ฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและแก้ปัญหาได้ตรงจุด
- ร่องแก้มลึก: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อแน่นและหนืด (มีค่า G’ สูง) ซึ่งจะฉีดในชั้นลึกเพื่อสร้างโครงสร้างและยกพยุงเนื้อเยื่อที่ยุบตัวลง
- ร่องแก้มปานกลาง: เหมาะกับฟิลเลอร์ที่มีความหนืดปานกลาง เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการพยุงตัวและความยืดหยุ่น กลืนไปกับผิวได้ดี
- ร่องแก้มตื้นหรือริ้วรอยเล็กๆ: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและมีความหนืดต่ำ ซึ่งจะฉีดในชั้นผิวหนังตื้นๆ เพื่อทำให้ผิวเรียบเนียนและเก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็กๆ
- เทคนิคการฉีดแบบซ้อนชั้น (Layering): สำหรับร่องแก้มที่ลึกและซับซ้อน แพทย์อาจใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่นฉีดในชั้นลึกเพื่อเป็นฐาน จากนั้นใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มฉีดในชั้นตื้นเพื่อเก็บรายละเอียดให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
ข้อควรพิจารณาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่สำคัญที่สุดคือการงดยา วิตามิน และแอลกอฮอล์ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ เพื่อลดผลข้างเคียงและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- งดยาและอาหารเสริม: ควรหยุดยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพริน รวมถึงวิตามินอี น้ำมันปลา แปะก๊วย และกระเทียม เป็นเวลาประมาณ 7 วันก่อนการฉีด
- งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมและช้ำ
- เตรียมสภาพผิว: ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง และหากมีสิวอักเสบ ผื่น หรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนนัดออกไปก่อน
- หลีกเลี่ยงหัตถการอื่น: ควรงดการทำฟัน การนวดหน้า หรือการทำเลเซอร์บนใบหน้าเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์
- แจ้งประวัติสุขภาพ: หากมีประวัติเป็นโรคเริมบริเวณริมฝีปาก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาให้ยาป้องกันการกำเริบของโรค
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดบวมช้ำและป้องกันก้อน
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คือการประคบเย็นในช่วงแรก หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด งดกิจกรรมหนัก และนอนหนุนหมอนสูง เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำและป้องกันการเกิดก้อน
ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมมีดังนี้:
- การลดบวมและรอยช้ำ
- ประคบเย็น: ใช้แผ่นประคบเย็นเป็นพักๆ (เช่น 10 นาที พัก 10 นาที) ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- นอนหนุนหมอนสูง: ในคืนแรกเพื่อช่วยลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: งดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออบไอน้ำ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และอาหารรสเค็ม: ในช่วง 1-2 วันแรก เพราะจะทำให้อาการบวมเพิ่มขึ้น
- ยาแก้ปวด: หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen) เพราะอาจเพิ่มรอยช้ำ
- การป้องกันก้อนและการดูแลทั่วไป
- ห้ามนวดหรือกด: ไม่ควรกด นวด หรือปั้นบริเวณที่ฉีดเองในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่
- งดแต่งหน้า: อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการทำฟัน: ควรเว้นระยะห่างจากการทำฟันประมาณ 2 สัปดาห์
- ทำความสะอาดผิวหน้า: สามารถล้างหน้าได้เบาๆ แต่ห้ามขัดถูแรงๆ
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่ง ซึ่งมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกายวิภาคบนใบหน้าและมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์อย่างกว้างขวาง
ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ให้บริการ ได้แก่:
- ความรู้ด้านกายวิภาค: แพทย์ต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับตำแหน่งของหลอดเลือดบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
- ประสบการณ์และผลงาน: ควรสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์และขอดูภาพก่อนและหลังการรักษาเพื่อประเมินผลงานและความสวยงามตามที่คาดหวัง
- การเตรียมพร้อมสำหรับภาวะฉุกเฉิน: คลินิกต้องมียาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) และอุปกรณ์ฉุกเฉินอื่นๆ เตรียมพร้อมไว้เสมอ เพื่อจัดการกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.)
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ต้องรู้ก่อนฉีด
ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้และวิธีรับมือ
ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคือ อาการบวม รอยช้ำ อาการเจ็บเล็กน้อย และการรู้สึกถึงก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ซึ่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงชั่วคราวและสามารถจัดการได้
- อาการบวม: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด โดยจะค่อยๆ ยุบลงภายใน 2-3 วัน และหายเป็นปกติในประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถรับมือได้โดยการประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก และนอนหนุนหมอนสูงในคืนแรก
- รอยช้ำ: เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด และจะค่อยๆ จางหายไปเองใน 7-10 วัน สามารถใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดได้หลังฉีดไปแล้ว 24 ชั่วโมง และใช้ครีมที่มีส่วนผสมของอาร์นิกา (Arnica) หรือวิตามินเคเพื่อช่วยให้รอยช้ำจางเร็วขึ้น
- อาการเจ็บหรือปวดเล็กน้อย: อาจรู้สึกเจ็บเหมือนมีรอยช้ำเมื่อสัมผัส ซึ่งจะหายไปใน 3-5 วัน หากจำเป็นสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้
- รู้สึกเป็นก้อนแข็ง: เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกถึงเนื้อฟิลเลอร์ใต้ผิวหนังในช่วงแรก ซึ่งจะค่อยๆ นิ่มลงและผสานเข้ากับเนื้อเยื่อโดยรอบภายใน 1-2 สัปดาห์
สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันทีคือ อาการปวดรุนแรงผิดปกติ, สีผิวที่เปลี่ยนไป (ซีดขาวหรือเป็นจ้ำสีม่วง), และการมองเห็นที่ผิดปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะหลอดเลือดอุดตัน
อาการที่ควรสังเกตและต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที ได้แก่:
- อาการปวดรุนแรง: มีอาการปวดมากเกินกว่าปกติบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเลือดไปเลี้ยงผิวหนังไม่เพียงพอ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเจ็บไหม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมีความเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากโดยทั่วไปจะมีการทายาชาก่อนฉีด และฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีด
หลังการฉีด อาจมีความรู้สึกเจ็บหรือระบมเล็กน้อยคล้ายอาการฟกช้ำ ซึ่งโดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-5 วัน
ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายหรือไม่
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อยมักไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น อาการบวม แดง ช้ำ หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่พบได้น้อยมาก คือการที่ฟิลเลอร์อุดตันในเส้นเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่เนื้อเยื่อตาย (necrosis) หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดอาจทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและคลินิกที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้
ต้องใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มกี่ CC
โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมักจะใช้ปริมาณ 1-2 ซีซี สำหรับร่องแก้มทั้งสองข้าง แต่ปริมาณที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มแต่ละบุคคล
- ร่องแก้มตื้น: อาจใช้เพียง 1 ซีซี (ข้างละ 0.5 ซีซี)
- ร่องแก้มปานกลาง: มักใช้ประมาณ 2 ซีซี (ข้างละ 1 ซีซี)
- ร่องแก้มลึกมาก: อาจต้องใช้มากกว่า 2 ซีซี (ข้างละ 2 ซีซีขึ้นไป)
ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 6 ถึง 18 เดือน แต่ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และการเผาผลาญของแต่ละบุคคล
โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (HA) มาตรฐานจะให้ผลลัพธ์นานประมาณ 9-12 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์รุ่นใหม่อาจอยู่ได้นานถึง 15-18 เดือน ส่วนฟิลเลอร์ชนิดกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulatory fillers) เช่น Radiesse สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน และ Sculptra อาจอยู่ได้นานกว่า 2 ปี
เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มักจะกลับมาเติมซ้ำประมาณปีละครั้ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างๆ เช่น การเผาผลาญที่เร็ว การออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวของใบหน้า อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้นได้
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ห้ามทำอะไรบ้าง
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการกดนวดบริเวณที่ฉีด การออกกำลังกายหนัก และการสัมผัสความร้อนสูง ในช่วงแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
ข้อห้ามและข้อควรระวังอื่นๆ มีดังนี้:
- การสัมผัสและแรงกด: ห้ามนวด กด หรือปั้นบริเวณที่ฉีด และควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าในคืนแรก
- กิจกรรมและความร้อน: งดออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่าหรือสตรีมเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- อาหารและยา: งดดื่มแอลกอฮอล์และอาหารรสเค็มจัดใน 24 ชั่วโมงแรกเพื่อลดอาการบวม และหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen) ที่อาจเพิ่มรอยช้ำ
- การดูแลผิวและหัตถการอื่น: งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหลีกเลี่ยงการทำฟัน นวดหน้า หรือทำเลเซอร์บนใบหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ถ้าไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถแก้ไขได้อย่างไร
สามารถแก้ไขได้โดยการเติมฟิลเลอร์เพิ่มในกรณีที่ยังไม่เต็มที่ หรือฉีดสลายฟิลเลอร์ในกรณีที่เติมมากเกินไป โดยทั่วไปแพทย์จะนัดติดตามผลใน 2 สัปดาห์เพื่อประเมินและทำการแก้ไขตามความเหมาะสม
- เติมฟิลเลอร์น้อยเกินไป: เป็นกรณีที่แก้ไขได้ง่ายที่สุด โดยแพทย์สามารถเติมฟิลเลอร์เพิ่มในปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พอใจ
- เติมฟิลเลอร์มากเกินไป: หากเป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) แพทย์สามารถฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ส่วนเกินออก ซึ่งจะช่วยลดความนูนหรือปริมาณที่มากเกินไปได้
- ผลลัพธ์ไม่สมมาตร: แพทย์สามารถปรับแก้ความสมดุลได้โดยการเติมฟิลเลอร์เพิ่มในด้านที่น้อยกว่า หรือฉีดสลายเล็กน้อยในด้านที่เยอะกว่า
References:
- Hong, G.-W. et al. Why Do Nasolabial Folds Appear? Exploring the Anatomical Perspectives and the Role of Thread-Based Interventions. Diagnostics (MDPI). mdpi.com
- Quan, Y. et al. Quantitative Assessment of Nasolabial Fold Characteristics Across Age Groups. Aesthetic Surgery Journal Open Forum. Oxford Academic (OUP). oup.com
- Janovskiene, A. et al. Safety and Potential Complications of Facial Wrinkle Correction with Dermal Fillers: A Systematic Literature Review. Medicina. mdpi.com
- Guo, J. et al. Injectable fillers: current status, physicochemical properties, function mechanism, and perspectives. RSC Advances. rsc.org
- Hu, Y. et al. Efficacy and safety of two hyaluronic acid fillers with different injection depths for NLF correction: 52-week study. J. Cosmet. Dermatol. Wiley. onlinelibrary.wiley.com
- V Square Clinic. Filler Promotion Pricing (Nasolabial Fold). vsquareclinic.com
- Infiniz Clinic. Nasolabial Fold Filler Price by Brand. infinizclinic.com
- RealSelf (Dr. J. Wendel). How many syringes of Juvederm for nasolabial folds? – Q&A Response. realself.com
