ฉีดแฟตแก้มต้องใช้กี่ CC? อัปเดตราคาปี 2025 และข้อควรรู้ทั้งหมด

การฉีดแฟตแก้มคือการใช้ตัวยาเพื่อสลายเซลล์ไขมันที่สะสมบริเวณแก้มอย่างถาวร โดยทั่วไปแนะนำให้ทำ 2-4 ครั้งเพื่อให้กรดดีออกซีโคลิกเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันและทำให้ใบหน้าดูเรียวลง
ฉีดแฟตแก้มคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมได้อย่างไร
การฉีดแฟตแก้มคือการฉีดตัวยาที่มีกรดดีออกซีโคลิก (Deoxycholic acid) เป็นส่วนประกอบหลักเข้าไปในชั้นไขมัน เพื่อสลายเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณแก้มโดยตรง
ตัวยาจะออกฤทธิ์ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและตายลง จากนั้นร่างกายจะกำจัดไขมันที่ถูกปล่อยออกมาผ่านกระบวนการเผาผลาญตามธรรมชาติ โดยลำเลียงผ่านระบบน้ำเหลืองไปยังตับและขับออกจากร่างกายในที่สุด กระบวนการนี้ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ทำให้แก้มค่อยๆ ยุบลงอย่างเป็นธรรมชาติ และเนื่องจากเซลล์ไขมันถูกทำลายอย่างถาวร ผลลัพธ์จึงคงอยู่ได้นานหากรักษาน้ำหนักให้คงที่
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดแฟตสลายไขมันแก้ม
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดแฟตสลายไขมันแก้มคือ คนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดบริเวณแก้มและมีผิวที่ยังคงกระชับเต่งตึงดี เนื่องจากผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและไม่ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย
อย่างไรก็ตาม การฉีดแฟตแก้มไม่เหมาะกับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้:
- ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เพราะการลดไขมันอาจทำให้ผิวดูหย่อนลงกว่าเดิม
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือสิวอักเสบบริเวณที่จะฉีด
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือกำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด
- ผู้ที่เคยผ่าตัดหรือทำหัตถการบริเวณแก้มมาก่อน ซึ่งอาจมีพังผืดอยู่
- ผู้ที่แก้มใหญ่จากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ไขมัน เช่น ต่อมน้ำลายโต หรือกล้ามเนื้อใหญ่
ต้องใช้กี่ CC? ประเมินราคาและจำนวนครั้งในการฉีดแฟตแก้ม
ปัจจัยกำหนดปริมาณ CC และราคาต่อครั้ง
ปัจจัยหลักที่กำหนดปริมาณ CC และราคาต่อครั้งคือปริมาณไขมันบนแก้มและยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ โดยปริมาณยาที่ฉีดจะแปรผันตรงกับปริมาณไขมัน ซึ่งแพทย์จะประเมินและปรับเปลี่ยนตามการตอบสนองของคนไข้ในแต่ละครั้ง โดยทั่วไปจะไม่เกิน 10 cc ต่อครั้งสำหรับแก้มสองข้าง
สำหรับราคาจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ
- ปริมาณ (CC): ยิ่งใช้ปริมาณยามาก ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ยี่ห้อของยา: ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จัก นำเข้า หรือมีคุณสมบัติพิเศษมักมีราคาสูงกว่า โดยทั่วไปการรักษาที่ใช้ยาประมาณ 10 cc อาจมีค่าใช้จ่ายราว 3,000–5,000 บาทต่อครั้ง
โปรแกรมการรักษาและแพ็กเกจที่แนะนำ
โปรแกรมการรักษาโดยทั่วไปแนะนำให้ทำ 2-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ 4-8 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาลดอาการบวมและกำจัดเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายออกไป
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีหลังการรักษาครั้งที่ 3 และสามารถทำได้สูงสุด 6 ครั้งในกรณีที่มีไขมันสะสมมากเป็นพิเศษ เมื่อสิ้นสุดโปรแกรมการรักษาแล้ว ผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวรโดยไม่จำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพ ตราบใดที่ยังควบคุมน้ำหนักให้คงที่ได้ คลินิกมักเสนอการรักษาในรูปแบบแพ็กเกจเพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนจบคอร์ส ซึ่งจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
ขั้นตอนการฉีดแฟตแก้ม: เจ็บไหมและใช้เวลานานเท่าไหร่
ขั้นตอนการฉีดแฟตแก้มไม่เจ็บมากและใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการฉีดเพียง 5-10 นาทีต่อข้าง และเมื่อรวมเวลาเตรียมตัวทั้งหมดแล้วจะเสร็จสิ้นภายใน 15-30 นาที
ก่อนการฉีดจะมีการทายาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ ขณะฉีดจะรู้สึกเหมือนมดกัดหรือแสบเล็กน้อยจากตัวยา ซึ่งความเจ็บปวดโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่ทนได้ หลังฉีดอาจมีอาการปวดระบมคล้ายปวดกล้ามเนื้ออยู่ 2-3 วัน ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยการประคบเย็น
ผลลัพธ์หลังฉีด: กี่วันเห็นผลและอยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาเห็นผลและการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสัปดาห์
ผลลัพธ์สุดท้ายของการฉีดแฟตแก้มจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อครบ 3 เดือน โดยการเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆ เกิดขึ้นตามลำดับเวลาดังนี้
- 1-3 วันแรก: จะมีอาการบวม แดง ช้ำ และอาจรู้สึกชาบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติ
- ภายใน 2 สัปดาห์: อาการบวมส่วนใหญ่จะลดลง และอาจเริ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าดูเรียวลงเล็กน้อย
- สัปดาห์ที่ 3-4: หลายคนจะรู้สึกได้ว่าแก้มเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และก้อนแข็งๆ (ถ้ามี) จะเริ่มนิ่มลง
- หลังฉีดครั้งที่ 2 (ประมาณ 6-8 สัปดาห์): จะเห็นผลการลดไขมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ครบ 3 เดือน: เป็นช่วงที่เห็นผลลัพธ์เต็มที่ ไขมันส่วนเกินลดลงอย่างถาวร ทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น
การดูแลรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
การดูแลรักษาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการรักษาน้ำหนักให้คงที่ เนื่องจากการฉีดสลายไขมันจะกำจัดเซลล์ไขมันในบริเวณที่ฉีดอย่างถาวร แต่เซลล์ไขมันที่ยังคงเหลืออยู่สามารถขยายขนาดขึ้นได้หากน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานหลายปีโดยไม่จำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อ “บำรุงรักษา” เหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์ หากในอนาคตมีการเพิ่มของน้ำหนักและไขมันกลับมาสะสมที่แก้มอีกครั้ง ก็สามารถพิจารณาฉีดเพิ่มเติมได้
ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดแฟตแก้ม
การเลือกยี่ห้อเมโสแฟตและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ควรเลือกผลิตภัณฑ์เมโสแฟตที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพและทำหัตถการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลักเกณฑ์ในการเลือกยี่ห้อและคลินิกมีดังนี้
การเลือกยี่ห้อผลิตภัณฑ์
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง: ควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เช่น อย. สหรัฐอเมริกา (FDA-approved) อย่าง Kybella®, อย. ยุโรป (CE-approved) อย่าง Aqualyx® หรือผลิตภัณฑ์จากเกาหลีที่ผ่านการรับรองจาก KFDA
- ตรวจสอบส่วนผสมหลัก: ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและผ่านการพิสูจน์แล้วจะมีกรดดีออกซีโคลิก (Deoxycholic acid) เป็นส่วนประกอบสำคัญ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ราคาถูกผิดปกติ: ควรระวังข้อเสนอราคาถูกเกินจริง เพราะอาจเป็นผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบหรือยาที่ไม่ผ่านการรับรองซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้
การเลือกคลินิกและผู้ให้บริการ
- เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ควรทำหัตถการกับแพทย์ที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ในการฉีดสลายไขมันโดยเฉพาะ เนื่องจากเทคนิคการฉีดมีความสำคัญต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์
- สังเกตสัญญาณเตือน: หลีกเลี่ยงคลินิกที่ดูไม่สะอาด ใช้เทคนิคการขายที่กดดัน หรือผู้ให้บริการที่ไม่สามารถตอบคำถามข้อสงสัยได้อย่างชัดเจน
- รับฟังคำแนะนำ: ผู้ให้บริการที่ดีจะให้ความรู้และคำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่การบังคับให้ทำหัตถการที่ไม่จำเป็น
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดสลายไขมัน
การเตรียมตัวก่อนฉีดสลายไขมันที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ และงดรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและได้ผลดี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- ปรึกษาแพทย์: เข้ารับการประเมินเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการรักษา แจ้งประวัติทางการแพทย์และยาที่ใช้ทั้งหมด และตรวจสอบว่าไม่มีการติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่จะฉีด
- งดยาและอาหารเสริม: หยุดรับประทานยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา, กระเทียม, แปะก๊วย, โสม และเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John’s wort) ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา
- งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันก่อนและในวันที่เข้ารับการฉีด
- แจ้งประวัติยาที่สำคัญ: หากรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือดตามใบสั่งแพทย์ (เช่น warfarin) ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดอาการบวมและเร่งผลลัพธ์
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดแฟตที่สำคัญที่สุดคือ การประคบเย็นในช่วง 1-2 วันแรก นอนหนุนหมอนสูง และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เพื่อช่วยลดอาการบวมและฟกช้ำ
คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเร่งการฟื้นตัวและผลลัพธ์ได้ดังนี้:
- ประคบเย็น: ใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งประคบแก้มในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและลดอาการบวม
- นอนหนุนหมอนสูง: ในช่วง 2-3 คืนแรก ควรนอนโดยยกศีรษะให้สูงกว่าปกติเพื่อช่วยลดอาการบวมในตอนเช้า
- หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก: งดการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีดและบวมมากขึ้น
- รับประทานยา: สามารถทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้ และบางคลินิกอาจแนะนำให้ทานยาแก้แพ้ (Antihistamine) เพื่อช่วยลดอาการบวม
- การนวด: หลังจากผ่านไป 2-3 วัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถเริ่มนวดคลึงเบาๆ บริเวณที่ฉีดได้ เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวและลดการเกิดก้อนแข็ง
ผลข้างเคียง ข้อห้าม และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ
อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังการฉีดสลายไขมันแก้มคือ อาการบวม แดง ช้ำ รู้สึกอุ่น เจ็บ และชาบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาชั่วคราวที่บ่งบอกว่ายาได้เริ่มทำงานแล้ว
โดยทั่วไปสามารถรับมือกับอาการเหล่านี้ได้ดังนี้:
- อาการบวม: ประคบเย็นในช่วง 1-2 วันแรก นอนหนุนหมอนสูง และหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม
- อาการปวด: รับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น พาราเซตามอล
- รอยช้ำ: สามารถใช้เจลอาร์นิกา (arnica gel) ทาเพื่อช่วยให้จางเร็วขึ้น และใช้เครื่องสำอางปกปิดได้หลังผ่านไป 24 ชั่วโมง
- อาการชา: โดยทั่วไปจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 4-6 สัปดาห์
- ก้อนแข็งใต้ผิว: หากคลำเจอก้อนแข็ง สามารถเริ่มนวดเบาๆ ได้หลังฉีดไปแล้ว 1-2 สัปดาห์เพื่อช่วยให้ก้อนนิ่มและยุบตัวลง
ข้อห้ามและกลุ่มผู้ที่ไม่ควรฉีดแฟตแก้ม
ข้อห้ามหลักในการฉีดแฟตแก้มคือ ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ นอกจากนี้ กลุ่มอื่นๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงหรือต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำ ได้แก่
- ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เพราะการลดไขมันอาจทำให้ผิวดูหย่อนยานมากขึ้น
- ผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อการหายของแผล
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) ได้ง่าย
- ผู้ที่เคยผ่าตัดหรือมีสิ่งแปลกปลอมในบริเวณแก้มมาก่อน
- ผู้ที่แก้มใหญ่จากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ไขมัน เช่น ต่อมน้ำลายโต หรือกล้ามเนื้อโต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดแฟตแก้ม (FAQ)
ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยจริงหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้วการฉีดแฟตไม่ได้ทำให้แก้มห้อย และในบางกรณีอาจช่วยให้ผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยด้วยซ้ำ เนื่องจากกระบวนการอักเสบจากการฉีดจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหรือไม่ยืดหยุ่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ การลดปริมาณไขมันอาจทำให้ความหย่อนคล้อยเดิมเห็นได้ชัดเจนขึ้นได้ ดังนั้น แพทย์จะประเมินสภาพผิวก่อนทำการรักษาเสมอ
ต้องฉีดแฟตแก้มกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
โดยทั่วไป จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังการฉีดครั้งที่ 2-4
ผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนขึ้นอย่างมากหลังการฉีดครั้งที่ 2 และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเห็นการลดลงของไขมันที่น่าพอใจหลังการฉีดครั้งที่ 3 จำนวนครั้งที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิมของแต่ละบุคคล โดยผู้ที่มีไขมันน้อยอาจต้องการเพียง 1-2 ครั้ง ในขณะที่ผู้ที่มีไขมันมากอาจต้องฉีด 4-5 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลังฉีดแฟตแก้ม สามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?
โดยทั่วไปแนะนำให้รออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด เพื่อให้รอยเข็มปิดสนิทและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรใช้แปรงหรือฟองน้ำที่สะอาดเพื่อสุขอนามัย
แฟตแก้มต่างจากโบท็อกลดกรามอย่างไร?
การฉีดแฟตแก้มจะสลายเซลล์ไขมัน ในขณะที่โบท็อกจะออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อเพื่อลดขนาดของกราม
การฉีดแฟตแก้มใช้เพื่อลดความอูมหรือความแน่นที่เกิดจากไขมันใต้ผิวหนัง ส่วนโบท็อกใช้เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม (masseter) ทำให้ใบหน้าที่กว้างจากกล้ามเนื้อดูเรียวลง นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของโบท็อกจะเห็นผลใน 2 สัปดาห์และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ในขณะที่การฉีดแฟตจะเห็นผลเต็มที่ในเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน แต่ผลลัพธ์จะถาวรสำหรับไขมันส่วนนั้น
References:
- U.S. National Library of Medicine (PubMed). Deoxycholic acid mechanism and fat metabolism studies. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- Elsevier. Meta-analysis of deoxycholic acid efficacy for submental fullness and fat reduction. elsevier.es
- U.S. Food and Drug Administration. Safety warnings on unapproved fat-dissolving injections. accessdata.fda.gov
- Allergan/AbbVie. Kybella (deoxycholic acid) injection prescribing information and clinical data. hcp.kybella.com
- DermNet New Zealand. Deoxycholic acid in the treatment of submental fat. dermnetnz.org
- V Square Clinic (Thailand). Cheek fat injection pricing and treatment packages in Thailand. vsquareclinic.com
- MedlinePlus. Deoxycholic acid injection information and patient guidance. medlineplus.gov
- RealSelf. Expert Q&A on Kybella skin laxity and treatment comparisons. realself.com
