ฉีดโบท็อกหน้าผาก ใช้กี่ยูนิต ราคาเท่าไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน? 2568

การฉีดโบท็อกหน้าผากคือการใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซินประมาณ 10-30 ยูนิตฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อหน้าผาก (Frontalis) เพื่อทำให้ริ้วรอยแนวนอนที่เกิดจากการแสดงสีหน้าเรียบเนียนขึ้น โดยจะเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์และคงอยู่นาน 3-4 เดือน แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องคิ้วตกหากฉีดผิดตำแหน่ง
โบท็อกหน้าผากคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างไร
โบท็อกหน้าผากคือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เข้าไปในกล้ามเนื้อหน้าผาก (Frontalis) เพื่อทำให้ริ้วรอยแนวนอนเรียบเนียนขึ้น โดยการยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย
โบท็อกจะได้ผลดีที่สุดกับริ้วรอยแบบ Dynamic Wrinkles คือริ้วรอยที่ปรากฏขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า (เช่น การเลิกคิ้ว) และจะหายไปเมื่อใบหน้าอยู่ในภาวะปกติ แต่จะได้ผลน้อยกับริ้วรอยแบบ Static Wrinkles ซึ่งเป็นร่องลึกที่มองเห็นได้แม้ไม่ได้แสดงสีหน้า
ใครที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยหน้าผาก
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกหน้าผากคือคนที่มีริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ (Dynamic Wrinkles) ซึ่งเป็นรอยย่นที่ปรากฏเมื่อขยับกล้ามเนื้อ เช่น การเลิกคิ้ว และจะจางหายไปเมื่อใบหน้าผ่อนคลาย
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกหน้าผากเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ในกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่อายุ 20 ปลายๆ ถึง 30 ปี: เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต
- ผู้ที่อายุ 30-50 ปี: ซึ่งเป็นกลุ่มที่ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์เริ่มปรากฏชัดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ, สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร, และผู้ที่มีแผลหรือการอักเสบรุนแรงบริเวณหน้าผาก
ข้อควรระวัง: ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกหน้าผาก
ผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกหน้าผากคือ ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีแผลหรือการอักเสบรุนแรงบริเวณหน้าผาก
กลุ่มบุคคลที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่:
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ: เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis), Lambert-Eaton Syndrome หรือ ALS
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่เพียงพอ
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ: หากมีแผลเปิดหรือการอักเสบอย่างรุนแรงในบริเวณหน้าผาก ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อนจนกว่าจะหายดี
ตอบทุกคำถาม: ปริมาณ ราคา และผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
ต้องใช้โบท็อกหน้าผากกี่ยูนิตถึงจะเห็นผล
โดยทั่วไปแล้ว ต้องใช้โบท็อกประมาณ 10 ถึง 30 ยูนิต เพื่อลดเลือนริ้วรอยแนวนอนบนหน้าผาก
ปริมาณที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความลึกของริ้วรอย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเพศ โดยผู้ชายมักต้องการปริมาณที่สูงกว่าผู้หญิง สำหรับกรณีทั่วไปตามคำแนะนำทางการแพทย์มักจะใช้ 20 ยูนิต โดยแบ่งฉีด 5 จุดทั่วหน้าผาก
ราคาฉีดโบท็อกหน้าผากโดยประมาณ คิดอย่างไร
ราคาฉีดโบท็อกหน้าผากโดยทั่วไปจะคิดตามจำนวนยูนิตที่ใช้ ซึ่งปริมาณจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความลึกของริ้วรอยของแต่ละบุคคล
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกบริเวณหน้าผากจะใช้ประมาณ 10-30 ยูนิต ซึ่งตามข้อมูลตัวอย่างในประเทศไทยอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,000 บาท สำหรับ 20 ยูนิต
ฉีดแล้วกี่วันเห็นผล และผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 2-5 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน
คุณจะเริ่มสังเกตเห็นริ้วรอยตื้นขึ้นเล็กน้อยภายใน 2-3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดเมื่อครบ 14 วัน (2 สัปดาห์) หลังจากนั้น ผลลัพธ์จะค่อยๆ จางลงเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มกลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยสำหรับคนส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน แต่บางคนอาจอยู่ได้นานถึง 5-6 เดือน ในขณะที่ผู้ที่ฉีดครั้งแรกอาจสังเกตว่าผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่าเล็กน้อย คือประมาณ 2.5-3 เดือน
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกหน้าผากในคลินิกมาตรฐาน
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกหน้าผากในคลินิกมาตรฐาน ประกอบด้วยการปรึกษา การเตรียมผิว การฉีด การให้คำแนะนำหลังฉีด และการนัดติดตามผล โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้
- การปรึกษาและประเมิน: แพทย์จะประเมินการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหน้าผาก ซักประวัติทางการแพทย์ วางแผนจุดที่จะฉีด และให้ผู้รับบริการเซ็นเอกสารยินยอม
- การเตรียมผิว: ทำความสะอาดผิวหน้าและลบเครื่องสำอาง อาจมีการทายาชาหรือประคบน้ำแข็งเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ แต่ส่วนใหญ่มักไม่จำเป็น
- ขั้นตอนการฉีด: แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบท็อกในปริมาณน้อยๆ เข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อตามจุดที่กำหนดไว้ (ประมาณ 4-5 จุดทั่วหน้าผาก) ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
- การดูแลหลังฉีดทันที: แพทย์จะให้คำแนะนำหลังการฉีด เช่น ห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ฉีด และแจ้งว่าผลลัพธ์จะยังไม่ปรากฏในทันที ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่มีระยะเวลาพักฟื้น
- การนัดหมายเพื่อติดตามผล: โดยทั่วไปจะมีการนัดติดตามผลในอีก 2 สัปดาห์เพื่อประเมินผลลัพธ์สุดท้าย และอาจมีการเติมโบท็อกเพิ่มเล็กน้อยหากจำเป็น
ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก
วิธีเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์สูงในคลินิกการแพทย์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ฉีดมีความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าอย่างลึกซึ้งและสามารถใช้ปริมาณยาได้อย่างเหมาะสม
ข้อควรพิจารณาในการเลือกแพทย์และคลินิกมีดังนี้:
- ตรวจสอบคุณสมบัติของแพทย์: สอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์ เช่น จำนวนปีที่ทำการรักษาและความถี่ในการฉีดโบท็อกซ์ และสามารถขอดูภาพก่อนและหลังการรักษาของผู้ป่วยรายอื่นได้
- มาตรฐานของคลินิกและผลิตภัณฑ์: คลินิกควรเป็นสถานพยาบาลที่สะอาดและถูกสุขอนามัย และต้องใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ของแท้ที่ได้รับการรับรองจากอย. (สามารถขอดูขวดผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจสอบได้)
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ไม่ใช่สถานพยาบาล: ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ในสถานที่ที่ไม่ใช่สถานพยาบาล เช่น สปา หรือร้านเสริมสวยที่ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกหน้าผาก
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกหน้าผากคือการหลีกเลี่ยงยา อาหารเสริม และแอลกอฮอล์ที่ทำให้เลือดออกง่าย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
คำแนะนำในการเตรียมตัวเพิ่มเติมมีดังนี้:
- หลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) น้ำมันปลา และวิตามินอี
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-72 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารมาก่อนเข้ารับบริการ
- ในวันนัดหมาย ควรทำความสะอาดใบหน้าและงดการแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงผิวหนักๆ บริเวณหน้าผาก
- อาจต้องงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น เรตินอยด์ ก่อนวันนัด 1 วัน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและข้อห้ามหลังฉีด
อาการข้างเคียงทั่วไปและวิธีรับมือเบื้องต้น
อาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดหลังฉีดโบท็อกซ์หน้าผากคือ รอยช้ำ รอยแดง ปวดศีรษะ หรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและจะหายไปเอง
- รอยช้ำและรอยแดง: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด มักจะหายไปเองภายในหนึ่งสัปดาห์ สามารถใช้เครื่องสำอางปกปิดได้หลังฉีดไปแล้วหนึ่งวัน
- อาการปวดศีรษะ: อาจเกิดขึ้นได้ในวันแรกหลังฉีด สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล (Tylenol) เพื่อบรรเทาอาการได้
- รู้สึกหนักหรือตึงที่หน้าผาก: เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เมื่อโบท็อกซ์เริ่มออกฤทธิ์ และจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้
- หนังตาตก (Eyelid Ptosis): เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยและเกิดขึ้นชั่วคราว หากเกิดขึ้น แพทย์อาจสั่งยาหยอดตา Apraclonidine เพื่อช่วยยกระดับเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยในระหว่างที่รอให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์
วิธีป้องกันและแก้ไขปัญหาหน้าตึง หนังตาตก หรือคิ้วตก
วิธีป้องกันปัญหาหน้าตึงหรือคิ้วตกที่ดีที่สุดคือการเลือกผู้ฉีดที่มีประสบการณ์ซึ่งจะปรับเทคนิคและปริมาณยาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ส่วนการแก้ไขมักจะต้องรอให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์ไปเอง แต่มีวิธีบรรเทาอาการได้
วิธีป้องกัน:
- เลือกผู้ฉีดที่เชี่ยวชาญ: ผู้ฉีดที่มีประสบการณ์จะเข้าใจกายวิภาคบนใบหน้าและฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งที่ถูกต้อง โดยจะฉีดสูงกว่าแนวคิ้วอย่างน้อย 1-2 เซนติเมตร เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยากระจายตัวไปโดนกล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตา
- ใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม: ผู้ฉีดจะเริ่มต้นด้วยปริมาณยาที่ไม่สูงเกินไป โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยฉีดมาก่อน เพื่อประเมินการตอบสนองของกล้ามเนื้อ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีด: งดการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด และควรตั้งศีรษะตรงเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
วิธีแก้ไข:
- หากรู้สึกหน้าผากตึงหรือหนัก: โดยทั่วไปต้องรอให้อาการดีขึ้นเองเมื่อโบท็อกซ์เริ่มหมดฤทธิ์ ในบางกรณี แพทย์อาจฉีดโบท็อกซ์เพิ่มเล็กน้อยในกล้ามเนื้อส่วนอื่นเพื่อช่วยยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
- หากหนังตาตก (Eyelid Ptosis): แพทย์สามารถสั่งยาหยอดตา เช่น Apraclonidine (Iopidine) ซึ่งช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ยกเปลือกตาขึ้นได้ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เพื่อช่วยให้ดูเป็นปกติมากขึ้นระหว่างรอให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์ ซึ่งอาการหนังตาตกนี้จะหายไปได้เองและไม่ถาวร
ข้อห้ามสำคัญหลังฉีดโบท็อกที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ข้อห้ามสำคัญหลังฉีดโบท็อกคือ การงดนอนราบ งดออกกำลังกายหนัก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่น
ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมในช่วงแรก ได้แก่:
- อยู่ในท่าตั้งตรง: ควรรักษาศีรษะให้ตั้งตรงและไม่นอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการเข้าซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรืออยู่ในที่ร้อนจัดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดดื่มแอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันแรกเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกหน้าผาก
การฉีดโบท็อกซ์บริเวณหน้าผากต้องใช้กี่ยูนิต?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์บริเวณหน้าผากต้องใช้ประมาณ 10 ถึง 30 ยูนิต เพื่อลดเลือนริ้วรอยในแนวนอน
ปริมาณที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความลึกของริ้วรอย โดยทั่วไปผู้ชายมักต้องการปริมาณโบท็อกซ์ที่สูงกว่าผู้หญิง เนื่องจากมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่า แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ฉีดโบท็อกหน้าผากกี่วันถึงจะเห็นผลชัดเจน?
โดยทั่วไปแล้ว จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในเวลาประมาณ 14 วัน (2 สัปดาห์) หลังการฉีด
อย่างไรก็ตาม คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นได้ภายใน 2-5 วันแรก โดยริ้วรอยจะเริ่มดูตื้นขึ้น และจะเห็นผลดีขึ้นอย่างมากเมื่อครบ 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในสัปดาห์ที่สอง
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกหน้าผากอยู่ได้นานกี่เดือน?
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกหน้าผากโดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 3 ถึง 4 เดือน หลังจากผ่านไปประมาณ 3 เดือน คุณจะเริ่มสังเกตเห็นว่ากล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจอยู่ได้นานถึง 5-6 เดือน ในขณะที่ผู้ที่ฉีดครั้งแรกอาจพบว่าผลลัพธ์จางลงในเวลาประมาณ 2.5-3 เดือน
ฉีดโบท็อกหน้าผากอันตรายหรือไม่ มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
การฉีดโบท็อกหน้าผากนั้นมีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและหายได้เอง โบท็อกได้รับการรับรองจาก FDA และมีการใช้งานมานานหลายสิบปี โดยความปลอดภัยขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นสำคัญ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่:
- ผลข้างเคียงทั่วไป (มักหายได้เองในเวลาไม่นาน):
- รอยแดง บวม หรือรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
- อาการปวดศีรษะเล็กน้อย หรือรู้สึกตึงๆ ที่หน้าผาก
- อาการเจ็บบริเวณที่ฉีด
- ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย (เป็นภาวะชั่วคราว):
- ความรู้สึกหนักที่หน้าผากหรือคิ้วตก
- หนังตาตก ซึ่งเกิดจากการฉีดผิดตำแหน่ง แต่จะหายไปเมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์ และสามารถบรรเทาได้ด้วยยาหยอดตาบางชนิด
เป็นสิวที่หน้าผากสามารถฉีดโบท็อกได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว สามารถฉีดโบท็อกได้หากมีสิวเล็กน้อยบนหน้าผาก แต่จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและตำแหน่งของสิว
แพทย์จะหลีกเลี่ยงการฉีดลงบนหัวสิวโดยตรงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม หากเป็นสิวอักเสบรุนแรงหรือมีการติดเชื้อ ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อนจนกว่าสิวจะหายดี
หลังฉีดโบท็อกหน้าผาก ห้ามนอนตะแคงกี่วัน?
คุณสามารถกลับมานอนตะแคงได้ตามปกติหลังจากวันแรกที่ฉีด โดยในคืนแรกหลังฉีด แพทย์มักแนะนำให้พยายามนอนหงายเพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณหน้าผาก
ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือการงดนอนราบหรือก้มศีรษะเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังฉีดทันที หลังจากนั้นคุณสามารถนอนราบได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำในคืนแรก เมื่อผ่านวันแรกไปแล้ว โบท็อกซ์จะเข้าที่และคุณสามารถนอนในท่าที่ถนัดได้ตามปกติ
References:
- StatPearls. (n.d.). Botulinum Toxin. StatPearls Publishing, NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
- University of Utah Health. (n.d.). Wrinkles & Volume Loss. University of Utah Health. healthcare.utah.edu
- StatPearls. (n.d.). Botulinum Toxin Treatment of the Upper Face. StatPearls Publishing, NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
- Cleveland Clinic. (n.d.). Botox Aftercare: The Do’s, Don’ts and Don’t-Worry-About-Its. Cleveland Clinic – Health Essentials. health.clevelandclinic.org
- KKC Clinic. (n.d.). Botox in Bangkok: Reduce Wrinkles & Prevent Fine Lines. KKC Clinic. kkcclinic.com
- PlacidWay. (n.d.). How much does Botox cost in Bangkok? PlacidWay Medical Tourism. placidway.com
- Gotter, A. (n.d.). Proper Dosage for Botox Treatment on the Forehead, Eyes, and Glabella. Healthline. healthline.com
- Radiant Facial Rejuvenation. (n.d.). Eyelid Ptosis After Botox. Radiant Facial Rejuvenation. radiantfr.com
