Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดโบท็อกห้ามกินอะไร? รวมลิสต์อาหาร เครื่องดื่ม และข้อควรปฏิบัติ

Byadmin ตุลาคม 14, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 14, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ฉีดโบท็อกห้ามกินอะไร? รวมลิสต์อาหาร เครื่องดื่ม และข้อควรปฏิบัติ

สำหรับคำถามว่าฉีดโบท็อก ห้ามกินอะไร แพทย์แนะนำให้งดอาหาร 8 กลุ่มหลัก โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ต้องงดอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง และอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนอย่างปิ้งย่าง เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำและป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายตัวผิดตำแหน่ง

Table of Contents

Toggle
  • ทำความเข้าใจ: ทำไมการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกจึงสำคัญ
  • 8 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องงดหลังฉีดโบท็อก
    • 1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
    • 2. อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู
    • 3. อาหารดิบ อาหารหมักดอง และอาหารไม่สุก
    • 4. อาหารรสจัดและมีน้ำตาลสูง
    • 5. วิตามินและอาหารเสริมบางชนิดที่ส่งผลต่อเลือด
    • 6. ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs และยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    • 7. อาหารที่ต้องเคี้ยวหนักหรือแสดงสีหน้าเยอะ
    • 8. เครื่องดื่มร้อนจัดและคาเฟอีนปริมาณสูง
  • ระยะเวลาที่ควรงด: แต่ละกลุ่มต้องเลี่ยงนานแค่ไหน
  • กิจกรรมและข้อควรปฏิบัติอื่นๆ ที่ควรเลี่ยง
    • การนวด กด หรือสัมผัสใบหน้าแรงๆ
    • การนอนราบหรือก้มหน้านานๆ ใน 4 ชั่วโมงแรก
    • การออกกำลังกายหนักและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก
    • การสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า สตรีม เลเซอร์
  • เลือกกินอย่างไรให้โบท็อกอยู่ได้นานและปลอดภัย
    • อาหารที่แนะนำเพื่อส่งเสริมผลลัพธ์ของโบท็อก
    • สัญญาณผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที
    • การเตรียมตัวด้านอาหารและยาก่อนมาฉีดโบท็อก
  • ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
    • ฉีดโบท็อกแล้วกินกาแฟได้ไหม?
    • เผลอกินของต้องห้ามหลังฉีดโบท็อก ควรทำอย่างไร?
    • ต้องงดอาหารและกิจกรรมต่างๆ นานแค่ไหน?
  • References:
  • Author

ทำความเข้าใจ: ทำไมการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกจึงสำคัญ

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกมีความสำคัญเพื่อลดผลข้างเคียงและช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในตำแหน่งที่ต้องการ การปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ได้ดังนี้

  • ลดอาการบวมและรอยช้ำ: การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์, อาหารรสจัด, และความร้อน จะช่วยป้องกันไม่ให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการบวมและรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
  • ป้องกันยาเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง: การงดออกกำลังกายหนัก, การนวดหน้า, หรือการนอนราบในช่วงแรก จะช่วยให้ตัวยาโบท็อกอยู่ในกล้ามเนื้อเป้าหมายและไม่กระจายไปยังส่วนที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หนังตาตก
  • ส่งเสริมการฟื้นตัวและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด: การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ตัวยาจับกับกล้ามเนื้อได้ดีและทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดเป็นไปตามที่คาดหวัง

8 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องงดหลังฉีดโบท็อก

1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

ควร หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดหลังฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดและทำให้เลือดบางลง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและอาการบวมบริเวณที่ฉีด

นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและชะลอการฟื้นตัว โดยทั่วไปแนะนำให้งดดื่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังการรักษา เพื่อให้ตัวยาเซ็ตตัวได้ดีที่สุดและลดผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด

2. อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู

ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน เช่น ปิ้งย่างหรือชาบูในช่วง 2-3 วันแรกหลังฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากความร้อนจากเตาจะกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณใบหน้า ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการบวม ช้ำ หรือทำให้ตัวยากระจายตัวไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการได้

3. อาหารดิบ อาหารหมักดอง และอาหารไม่สุก

ควรหลีกเลี่ยง อาหารดิบ อาหารหมักดอง และอาหารไม่สุก เพื่อป้องกันปฏิกิริยาที่อาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือการแพ้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวมหรือติดเชื้อได้

อาหารเหล่านี้ เช่น ซูชิ หอยนางรม กิมจิ และของหมักดองต่างๆ อาจมีฮีสตามีนและแบคทีเรียในปริมาณสูง แม้ว่าจะไม่ใช่ข้อห้ามที่เป็นสากล แต่ก็เป็นข้อควรระวังในบางประเทศเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวที่ดีที่สุด

4. อาหารรสจัดและมีน้ำตาลสูง

ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและมีน้ำตาลสูงหลังฉีดโบท็อกซ์ เพื่อป้องกันการอักเสบและอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นได้

  • อาหารรสจัด มักมีโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและอาจทำให้อาการบวมบริเวณที่ฉีดแย่ลง
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ของหวานและเครื่องดื่มรสหวาน สามารถกระตุ้นการอักเสบและเพิ่มระดับอินซูลิน ซึ่งส่งผลให้อาการบวมรุนแรงขึ้นได้

5. วิตามินและอาหารเสริมบางชนิดที่ส่งผลต่อเลือด

วิตามินและอาหารเสริมบางชนิดที่ทำให้เลือดบางลง ได้แก่ วิตามินอีในปริมาณสูง, น้ำมันปลา (โอเมก้า 3), จิงโกะ บิโลบา (สารสกัดจากใบแปะก๊วย), โสม และเซนต์จอห์นเวิร์ต

การรับประทานอาหารเสริมเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกเป็นเวลานานหลังการฉีดโบท็อกซ์ นอกจากนี้ยังมีวิตามินอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเลือดและหลอดเลือด เช่น:

  • วิตามินเค (Vitamin K): ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและทำให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น
  • วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนและเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด

6. ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs และยาต้านการแข็งตัวของเลือด

ควรงด ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs และยาต้านการแข็งตัวของเลือดทั้งก่อนและหลังการฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากยาเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและเลือดออกบริเวณที่ฉีด

โดยทั่วไปแพทย์แนะนำให้หยุดยาเหล่านี้ (หากไม่จำเป็น) ประมาณ 3-7 วันก่อนการฉีด และอย่างน้อย 1-2 วันหลังการฉีด เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยช้ำให้น้อยที่สุด หากเป็นยาที่แพทย์สั่งและจำเป็นต้องรับประทาน ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ฉีดโบท็อกซ์ทราบก่อนทำหัตถการ

7. อาหารที่ต้องเคี้ยวหนักหรือแสดงสีหน้าเยอะ

ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องเคี้ยวหนักและการแสดงสีหน้าที่มากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังการฉีดโบท็อกซ์

ในวันแรกหลังการฉีด ควรงดเว้นอาหารที่เคี้ยวยาก เช่น สเต๊กเนื้อเหนียว หรือหมากฝรั่ง รวมถึงการหัวเราะหรือร้องไห้อย่างรุนแรง เพื่อลดแรงกดและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่มากเกินไป

สำหรับผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามเพื่อปรับรูปหน้า อาจต้องหลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียวเป็นพิเศษนานขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักและส่งผลให้การลดขนาดกรามมีประสิทธิภาพสูงสุด

8. เครื่องดื่มร้อนจัดและคาเฟอีนปริมาณสูง

ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนจัดและคาเฟอีนปริมาณสูง เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์

  • เครื่องดื่มร้อนจัด: ความร้อนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ หรือทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวก่อนที่จะจับกับกล้ามเนื้อได้เต็มที่ จึงควรปล่อยให้เครื่องดื่มเย็นลงก่อนดื่ม
  • คาเฟอีนปริมาณสูง: เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น เครื่องดื่มชูกำลังหรือกาแฟเข้มข้น จะไปเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำได้ อย่างไรก็ตาม กาแฟหรือชาปกติในตอนเช้า 1 แก้วยังสามารถดื่มได้ แต่ควรจำกัดปริมาณใน 24 ชั่วโมงแรก

ระยะเวลาที่ควรงด: แต่ละกลุ่มต้องเลี่ยงนานแค่ไหน

ระยะเวลาที่ต้องงดกิจกรรมต่างๆ หลังฉีดโบท็อกซ์จะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 4-6 ชั่วโมงแรกไปจนถึง 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจกรรมและคำแนะนำของแพทย์ โดยมีแนวทางทั่วไปดังนี้

  • 4-6 ชั่วโมงแรก: ห้ามนอนราบ ก้มหน้า หรือนวดคลึงบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
  • 24 ชั่วโมง: งดการออกกำลังกายอย่างหนัก การดื่มแอลกอฮอล์ และการแต่งหน้า
  • 48-72 ชั่วโมง (2-3 วัน): หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า สตรีม อาบน้ำร้อนจัด รวมถึงอาหารรสจัดและเค็มจัด
  • 1-2 สัปดาห์: ข้อจำกัดส่วนใหญ่จะหมดไป แต่ในกรณีของการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม อาจต้องเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวต่อไปอีกระยะหนึ่ง

กิจกรรมและข้อควรปฏิบัติอื่นๆ ที่ควรเลี่ยง

การนวด กด หรือสัมผัสใบหน้าแรงๆ

ควรหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสใบหน้าแรงๆ เนื่องจากอาจทำให้ตัวยาโบท็อกซ์เคลื่อนที่ไปยังกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการ และก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หนังตาตก หรือใบหน้าไม่สมมาตรได้

โดยทั่วไปแนะนำให้งดการกระทำดังกล่าวในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังฉีด และควรหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้า เช่น การนอนคว่ำ ในช่วง 1-2 คืนแรก เพื่อให้ตัวยาจับกับกล้ามเนื้อเป้าหมายได้อย่างเต็มที่

การนอนราบหรือก้มหน้านานๆ ใน 4 ชั่วโมงแรก

การนอนราบหรือก้มหน้าใน 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด อาจทำให้โบท็อกซ์เคลื่อนที่หรือกระจายตัวออกจากกล้ามเนื้อมัดเป้าหมายได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ภาวะหนังตาตก หากโบท็อกซ์ที่ฉีดบริเวณหน้าผากเคลื่อนที่ไปโดนกล้ามเนื้อยกเปลือกตา การนั่งหรือยืนตัวตรงจะช่วยให้ตัวยาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องจนกว่าจะจับกับกล้ามเนื้อได้อย่างสมบูรณ์

การออกกำลังกายหนักและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก

ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีดโบท็อกซ์

การออกกำลังกายที่หนักหน่วง เช่น การวิ่ง การยกน้ำหนัก หรือโยคะร้อน จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ อาการบวม หรือทำให้โบท็อกซ์กระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสัมผัสกับความร้อนสูง เช่น การเข้าซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำ เป็นเวลา 2-3 วัน เพื่อลดการขยายตัวของหลอดเลือดและป้องกันผลข้างเคียงดังกล่าว

การสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า สตรีม เลเซอร์

ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรือการอาบน้ำร้อนจัด เป็นเวลา 48-72 ชั่วโมง (2-3 วัน) หลังฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากการสัมผัสความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวมและรอยช้ำบริเวณที่ฉีด

สำหรับการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ผิวหน้าอื่นๆ ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่าโบท็อกซ์จะเข้าที่และออกฤทธิ์เต็มที่ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เลือกกินอย่างไรให้โบท็อกอยู่ได้นานและปลอดภัย

เพื่อให้โบท็อกอยู่ได้นานและปลอดภัย ควรเน้นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ พร้อมกับหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดโดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรกหลังฉีด

ในช่วงแรกหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยช้ำและอาการบวม

  • แอลกอฮอล์: ทำให้เลือดออกง่ายและเพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำ ควรเลี่ยงอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
  • อาหารรสจัดและเค็มจัด: ทำให้ร่างกายบวมน้ำและอาจเพิ่มอาการบวมบริเวณที่ฉีด
  • อาหารร้อนจัด: ความร้อนอาจเพิ่มการไหลเวียนเลือดและเสี่ยงต่อรอยช้ำ
  • อาหารหมักดองและของดิบ: เช่น ปลาร้า กิมจิ ซูชิ เพื่อลดความเสี่ยงการอักเสบ
  • อาหารเสริมที่ทำให้เลือดบาง: เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี ควรหยุดตามคำแนะนำของแพทย์

หลังจากผ่านช่วงแรกไปแล้ว การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี โปรตีนไขมันต่ำ และดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีและส่งเสริมสุขภาพผิวโดยรวม ซึ่งอาจช่วยให้ผลลัพธ์ของโบท็อกอยู่ได้นานขึ้น

อาหารที่แนะนำเพื่อส่งเสริมผลลัพธ์ของโบท็อก

อาหารที่แนะนำหลังฉีดโบท็อกคือ อาหารที่อุดมด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีนที่ย่อยง่าย เพื่อช่วยในการฟื้นฟู ลดการอักเสบ และส่งเสริมการสมานของผิว

อาหารที่ควรรับประทานมีดังนี้:

  • อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง: เช่น แตงโม แตงกวา เพื่อช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟู
  • ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว (ผักโขม, คะน้า) และถั่ว ซึ่งมีวิตามินซีและอีที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมผิว
  • โปรตีนย่อยง่าย: เช่น กรีกโยเกิร์ต เต้าหู้อ่อน ไข่ หรือปลา เพื่อเป็นส่วนประกอบสำคัญในการซ่อมแซมร่างกาย
  • อาหารที่มีวิตามินเค: เช่น ผักใบเขียวและบรอกโคลี ซึ่งอาจช่วยให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น
  • สับปะรด: มีเอนไซม์โบรมีเลน (bromelain) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอาจช่วยลดรอยช้ำได้

สัญญาณผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที

สัญญาณผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที ได้แก่ อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง การมองเห็นเปลี่ยนแปลง กลืนลำบาก กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่วร่างกาย หรือมีสัญญาณของการติดเชื้อ

แม้ว่าอาการเหล่านี้จะพบได้น้อยมาก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที สัญญาณของการติดเชื้อที่ควรสังเกตคือ:

  • มีไข้
  • บริเวณที่ฉีดมีลักษณะแดงหรือร้อนมาก

การเตรียมตัวด้านอาหารและยาก่อนมาฉีดโบท็อก

ก่อนการฉีดโบท็อก ควรหยุดยาและอาหารเสริมที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดบางประมาณ 3-7 วันล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและเลือดออกบริเวณที่ฉีด

ตัวอย่างยาและอาหารเสริมที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่:

  • ยาแอสไพริน (Aspirin) และไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • วิตามินอีในปริมาณสูง (High-dose vitamin E)
  • น้ำมันปลา (Fish oil)
  • อาหารเสริมสมุนไพร เช่น แปะก๊วย (Ginkgo biloba) หรือเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John’s wort)

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก

ความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก ได้แก่ ความเชื่อที่ว่าต้องงดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง ห้ามออกกำลังกายทุกชนิด ต้องทำหน้าให้นิ่งที่สุด และความร้อนจะทำให้โบท็อกสลายไป

ในความเป็นจริงแล้ว ข้อปฏิบัติดังกล่าวเป็นเพียงการป้องกันความเสี่ยงและไม่ได้ห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งข้อเท็จจริงมีดังนี้

  • คาเฟอีน: สามารถดื่มกาแฟหรือชาได้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ควรเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังหรือกาแฟเข้มข้นหลายแก้วในวันแรก
  • แอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ แต่การดื่มเล็กน้อยหลังจากนั้นไม่ได้ทำให้ผลของโบท็อกหายไป
  • การออกกำลังกาย: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักหน่วงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่การออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน สามารถทำได้ตามปกติ
  • การแสดงสีหน้า: สามารถแสดงสีหน้าได้ตามปกติ เช่น การพูดคุยหรือหัวเราะ แต่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดทับใบหน้าอย่างรุนแรง
  • ความร้อน: ควรหลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น ซาวน่าหรือห้องสตรีม ในช่วง 2-3 วันแรก แต่ความร้อนในชีวิตประจำวันหรือการโดนแดดปกติไม่ได้ทำให้โบท็อก “ละลาย” หรือสลายไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก

ฉีดโบท็อกแล้วกินกาแฟได้ไหม?

หลังฉีดโบท็อก สามารถดื่มกาแฟได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก

โดยทั่วไปกาแฟ 1 แก้วสามารถดื่มได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟเข้มข้นหลายแก้วหรือเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากคาเฟอีนในปริมาณมากอาจกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความดัน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้

เผลอกินของต้องห้ามหลังฉีดโบท็อก ควรทำอย่างไร?

ไม่ต้องกังวลและให้กลับไปปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองตามปกติ เนื่องจากความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวไม่น่าจะส่งผลเสียต่อผลลัพธ์สุดท้าย

ข้อควรระวังต่างๆ มีไว้เพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ได้หมายความว่าการทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียวจะทำให้ผลลัพธ์เสียหาย อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น ปวดศีรษะมาก การมองเห็นเปลี่ยนไป กลืนลำบาก หรือมีสัญญาณการติดเชื้อ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที

ต้องงดอาหารและกิจกรรมต่างๆ นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปแล้ว ข้อจำกัดส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรก แต่ระยะเวลาจะแตกต่างกันไปตามประเภทของกิจกรรมและอาหาร

  • 4-6 ชั่วโมงแรก: ห้ามนอนราบหรือก้มหน้า เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
  • 24 ชั่วโมง: งดออกกำลังกายอย่างหนัก, งดดื่มแอลกอฮอล์, และงดแต่งหน้า
  • 48-72 ชั่วโมง (2-3 วัน): หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า สตรีม อ่างน้ำร้อน รวมถึงอาหารรสจัดและเค็มจัด
  • 1-2 สัปดาห์: ข้อจำกัดส่วนใหญ่จะถูกยกเลิก และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามที่อาจต้องเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวต่อไปอีก 1-2 สัปดาห์

References:

  1. Cleveland Clinic. (n.d.). Botox Aftercare: The Do’s, Don’ts and Don’t-Worry-About-Its. Cleveland Clinic Health Essentials. clevelandclinic.org
  2. Santorelli, A., et al. (2025). Are Post-Care Recommendations Following Upper-Face Botulinum Toxin Treatment Scientifically Necessary? Toxins (Basel). nih.gov
  3. American Academy of Facial Esthetics. (n.d.). Botox and Filler Aftercare – Tips from an Aesthetic Nurse. AAFE Patient Info. facialesthetics.org
  4. Sadeghi Center. (n.d.). What to Eat After Botox: A Useful Guide. Sadeghi Plastic Surgery. sadeghiplasticsurgery.com
  5. RealSelf. (n.d.). Jaw Botox Q&A – Chewing After Botox. RealSelf Cosmetic Procedure Forum. realself.com
  6. Pura Vida Med Spa. (n.d.). Botox Aftercare Myths vs. Facts. Pura Vida Med Spa. puravidamedspa.com

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีดเมโสแฟต อันตรายไหม? สลายไขมันเฉพาะจุดต้องรู้อะไรบ้าง
NextContinue
ฉีดโบท็อกดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม? ไขข้อสงสัยและเหตุผลที่ควรเลี่ยง

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube