ฉีดโบลดกราม กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ราคา‑ปัจจัยที่มีผล
ฉีดโบลดกรามคืออะไร ทำงานอย่างไรเพื่อปรับหน้าเรียว?
การฉีดโบลดกรามคือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม (Masseter) ซึ่งเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะออกฤทธิ์โดยการสกัดกั้นสัญญาณประสาทที่ไปยังกล้ามเนื้อกรามเป็นการชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัวและฝ่อเล็กลง (atrophy) เมื่อกล้ามเนื้อมีขนาดลดลง กรอบหน้าบริเวณกรามจึงดูเรียวและแคบลง ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูเป็นทรง V-shape มากขึ้น
ใครเหมาะกับการฉีดโบลดกราม และใครที่ควรหลีกเลี่ยง?
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบลดกรามคือผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อกรามโต (masseter hypertrophy) และต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง การรักษานี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการปวดข้อต่อขากรรไกร (TMJ) หรืออาการนอนกัดฟันอีกด้วย
ในทางกลับกัน ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบลดกราม ได้แก่:
- สตรีมีครรภ์
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินัมท็อกซิน
- ผู้ที่กรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูกเป็นหลัก ไม่ใช่กล้ามเนื้อ
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ฉีดโบลดกรามกี่วันเห็นผล และผลลัพธ์เต็มที่เมื่อไหร่?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่สังเกตได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังการฉีด ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและเห็นผลเต็มที่ในช่วง 4-8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลงมากที่สุด ทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้รูปตามต้องการ
ผลลัพธ์การฉีดโบลดกรามอยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดซ้ำบ่อยไหม?
โดยทั่วไปผลจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน จึงแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 4-6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า การฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่องอาจช่วยยืดระยะเวลาของผลลัพธ์ให้นานขึ้นได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อจะค่อยๆ ฝ่อและมีขนาดเล็กลง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ยี่ห้อของโบท็อกซ์ ปริมาณยาที่ใช้ และการเผาผลาญของร่างกาย
ราคาฉีดโบลดกราม: ปัจจัยกำหนดราคาและต้องใช้กี่ยูนิต?
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาการฉีดโบลดกราม
ยี่ห้อของโบทูลินัมท็อกซินและจำนวนยูนิตที่ใช้เป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาการฉีดโบลดกราม จากข้อมูลระบุว่าราคาในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 8,000-15,000 บาทต่อครั้งสำหรับการฉีด 50 ยูนิต โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ เช่น โบจากเกาหลีเทียบกับโบจากอเมริกา
ปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ (ยูนิต) สำหรับลดกรามโดยเฉลี่ย
ปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้สำหรับลดกรามโดยเฉลี่ยคือ ข้างละ 20-60 ยูนิต ปริมาณที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคลและยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ โดยข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่ามีการใช้ตั้งแต่ 24-50 ยูนิตต่อข้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
ก่อนตัดสินใจฉีด: การเลือกยี่ห้อและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นิยมใช้สำหรับลดกรามแตกต่างกันอย่างไร?
จากข้อมูลงานวิจัย ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นิยมใช้สำหรับลดกรามมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ใกล้เคียงกัน โดยความแตกต่างที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์ทางคลินิก
การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างยี่ห้อต่างๆ เช่น Botox (อเมริกา) และ PrabotulinumtoxinA (เกาหลี) พบว่าให้ผลลัพธ์ในการลดขนาดกรามและมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่ใกล้เคียงกัน โดยการศึกษาในประเทศไทยชี้ว่าไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในด้านระยะเวลาของผลลัพธ์หรือการลดแรงกัดระหว่างโบท็อกซ์ยี่ห้อต่างๆ ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญกว่ายี่ห้อคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เกณฑ์การเลือกคลินิกและแพทย์เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
เกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการเลือกคลินิกและแพทย์คือ การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคบนใบหน้า และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดได้อย่างแม่นยำและใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยยิ้มที่ไม่สมมาตรหรือแก้มตอบ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นของแท้และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย. ของไทย, FDA สหรัฐอเมริกา, CE ยุโรป หรือ KFDA เกาหลีใต้)
ผลข้างเคียงและข้อควรระวังของการฉีดโบลดกราม
อาการที่พบได้ปกติหลังฉีดและวิธีรับมือเบื้องต้น
อาการที่พบได้บ่อยหลังฉีดโบท็อกซ์กรามคืออาการฟกช้ำ อ่อนแรงชั่วคราวขณะเคี้ยว และอาการบวม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน
วิธีรับมือเบื้องต้นคือการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึงงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารแข็งที่ต้องเคี้ยวหนัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สัญญาณอันตรายที่ควรปรึกษาแพทย์ทันทีหลังฉีด
จากข้อมูลที่ให้มา สัญญาณผิดปกติที่พบได้ยากแต่ควรปรึกษาแพทย์คือ ใบหน้าไม่สมมาตร ยิ้มเบี้ยว หรือแก้มตอบและผิวหย่อนคล้อย
ข้อมูลระบุว่าอาการเหล่านี้พบได้ไม่บ่อย (น้อยกว่า 5-10%) และมักเกิดขึ้นชั่วคราวหรือสามารถป้องกันได้ด้วยเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อยและไม่เป็นอันตรายคือรอยช้ำหรืออาการเมื่อยเวลาเคี้ยว ซึ่งจะหายไปได้เองอย่างรวดเร็ว
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดกรามเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อห้ามและข้อปฏิบัติในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังควรงดดื่มแอลกอฮอล์และเคี้ยวอาหารแข็งๆ
สำหรับการฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นมีข้อห้ามสำหรับสตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินัมท็อกซิน
อาหารและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาผลลัพธ์
จากข้อมูลงานวิจัย ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก การดื่มแอลกอฮอล์ และการเคี้ยวอาหารแข็งๆ หลังการฉีดโบท็อกซ์กราม
คำแนะนำหลังการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการงดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวเพื่อลดผลข้างเคียง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบลดกราม
ฉีดโบลดกรามเจ็บไหม? รู้สึกอย่างไรระหว่างทำ
ความเจ็บระหว่างการฉีดโบลดกรามนั้นน้อยมาก โดยทั่วไปจะรู้สึกคล้ายถูกมดกัดหรือเข็มจิ้มเบาๆ เพียงชั่วครู่ในระหว่างที่แพทย์ฉีดตัวยาเข้าไปในกล้ามเนื้อเท่านั้น
ฉีดแล้วหน้าจะตอบหรือแก้มห้อยจริงหรือไม่?
อาการหน้าตอบหรือแก้มห้อยจากการฉีดโบท็อกซ์กราม เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก
ผลข้างเคียงดังกล่าวเกิดจากการที่กล้ามเนื้อกราม (Masseter) ฝ่อลีบมากเกินไป ซึ่งมักมาจากการใช้ยาในปริมาณที่สูงเกินความจำเป็น หรือฉีดซ้ำบ่อยเกินไป โดยมีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 5-10% ทั้งนี้ ปัญหานี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เทคนิคและปริมาณยาที่เหมาะสม
ถ้าหยุดฉีดแล้วกรามจะใหญ่กว่าเดิมหรือไม่?
ไม่ การหยุดฉีดโบท็อกซ์กรามจะไม่ทำให้กรามใหญ่กว่าเดิม แต่กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับคืนสู่ขนาดปกติเท่ากับก่อนฉีด
ต้องเคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้นจริงหรือ?
ไม่จริง ในทางตรงกันข้าม คำแนะนำหลังการฉีดคือให้หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งและงดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
ฉีดโบลดกรามทำให้ยิ้มไม่สุดหรือปากเบี้ยวได้ไหม?
การฉีดโบลดกราม อาจทำให้เกิดอาการยิ้มไม่สุดหรือปากเบี้ยวได้ แต่เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อยและมักเป็นเพียงชั่วคราว
อาการดังกล่าวเกิดจากการที่ตัวยากระจายไปสู่กล้ามเนื้อที่ควบคุมการยิ้มซึ่งอยู่ใกล้เคียง โดยข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่า 5% และโดยทั่วไปอาการจะสามารถหายได้เอง ทั้งนี้ ความเสี่ยงจะลดลงอย่างมากหากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เทคนิคการฉีดที่แม่นยำ
สามารถฉีดโบลดกรามร่วมกับการรักษาอื่นได้หรือไม่?
สามารถฉีดโบลดกรามร่วมกับการรักษาอื่นได้ โดยข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าการทำร่วมกับฟิลเลอร์หรือการทำหัตถการยกกระชับใบหน้ามีความปลอดภัยและสามารถช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น
References:
- Clinical Trial. (2024). Efficacy and Safety of PrabotulinumtoxinA in Subjects With Benign Masseter Muscle Hypertrophy. PubMed. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- Research Study. (2024). Three-Dimensional Photography for Evaluating the Effectiveness of Botulinum Toxin. PubMed. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- Research Study. (2024). A Novel Injection Technique to Prevent Exacerbation of Sunken Cheeks. PubMed. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- National Institutes of Health. (n.d.). Clinical Evidence for Botulinum Toxin Efficacy in Masseter Reduction. NIH. nih.gov
- Yanhee Hospital. (n.d.). Botulinum Toxin Treatment Protocols and Pricing. Yanhee Hospital Thailand. yanhee.net

