18 วิธีลดแก้มยอดนิยม: จากวิธีธรรมชาติถึงหัตถการโดยแพทย์
แก้มใหญ่เกิดจากอะไร: 4 สาเหตุหลักที่ส่งผลต่อโครงสร้างใบหน้า
แก้มใหญ่เกิดจาก 4 สาเหตุหลัก ได้แก่ ไขมันสะสมบนใบหน้า พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อกรามขยายใหญ่ และการบวมน้ำ
สาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้ใบหน้าดูกลมหรือใหญ่ขึ้นได้จากปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ไขมันสะสมบนใบหน้า: เกิดจากการมีน้ำหนักตัวเกินหรือมีไขมันที่กระพุ้งแก้ม (Buccal fat pads) ขนาดใหญ่กว่าปกติมาโดยกำเนิด
- พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูก: บางคนมีโครงสร้างใบหน้าที่กว้างหรือโหนกแก้มที่เด่นชัดตามพันธุกรรม ทำให้แก้มดูเต็มกว่าคนอื่น
- กล้ามเนื้อกรามขยายใหญ่: กล้ามเนื้อแมสซีเทอร์ (Masseter) ที่ใช้ในการเคี้ยวอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นจากการใช้งานหนัก ทำให้แนวกรามดูกว้างและใบหน้าส่วนล่างดูใหญ่ขึ้น
- การบวมน้ำ: การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ดื่มแอลกอฮอล์ หรือภาวะขาดน้ำ สามารถทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ ส่งผลให้ใบหน้าและแก้มบวมขึ้นชั่วคราว
18 วิธีลดแก้มยอดนิยมมีดังนี้:
10 วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติ ทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านมี 10 วิธี ได้แก่ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การลดโซเดียมและแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำให้เพียงพอ การนอนหลับให้สนิท การจัดการความเครียด การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า การนวดหน้า และการรักษาท่าทางให้ดี
- ควบคุมอาหาร จำกัดอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันสูง เพื่อป้องกันการสะสมไขมันบนใบหน้า
- ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดไขมันในร่างกายโดยรวม ซึ่งส่งผลให้แก้มเล็กลงด้วย
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์มีแคลอรีสูงและทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหน้าบวม
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม การลดโซเดียมช่วยลดการกักเก็บน้ำในร่างกาย ทำให้ใบหน้าดูบวมน้อยลง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยลดอาการบวมน้ำได้ เพราะเมื่อร่างกายขาดน้ำ ร่างกายจะพยายามกักเก็บน้ำไว้
- นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพช่วยควบคุมระบบเผาผลาญและสนับสนุนการควบคุมน้ำหนัก
- จัดการความเครียด ความเครียดอาจนำไปสู่การเพิ่มของน้ำหนัก การจัดการความเครียดจึงช่วยควบคุมไขมันบนใบหน้าได้
- บริหารกล้ามเนื้อใบหน้า การออกกำลังกายใบหน้าช่วยเพิ่มความหนาของกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูกระชับและยกขึ้นเล็กน้อย
- นวดใบหน้า การนวดแก้มและกรามเบาๆ ช่วยขับของเหลวส่วนเกินและลดอาการบวมชั่วคราวได้
- รักษาท่าทางที่ดี การนั่งหรือยืนหลังตรงจะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ป้องกันของเหลวคั่งบนใบหน้า
8 วิธีลดแก้มแบบเร่งด่วนด้วยหัตถการทางการแพทย์
มี 8 วิธีจากหัตถการทางการแพทย์หลักที่ช่วยลดแก้มได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่ละวิธีจะเหมาะกับสาเหตุของปัญหาที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal): เป็นการผ่าตัดนำก้อนไขมันที่อยู่ลึกในกระพุ้งแก้มออก เพื่อให้แก้มดูตอบลงและเห็นกรอบหน้าชัดขึ้น ให้ผลลัพธ์ถาวร
- โบท็อกซ์ลดกราม (Masseter Botox): เป็นการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อทำให้กล้ามเนื้อกรามฝ่อและมีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับคนที่มีแก้มใหญ่จากกล้ามเนื้อ ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
- ดูดไขมันใบหน้า (Facial Liposuction): เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มและเหนียงอย่างถาวร เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
- ฉีดสลายไขมัน (Injectable Lipolysis): เป็นการฉีดตัวยาเพื่อทำลายเซลล์ไขมัน เหมาะสำหรับลดไขมันเฉพาะจุด เช่น เหนียง หรือไขมันแก้มส่วนล่าง
- สลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis): เป็นการใช้ความเย็นจัดเพื่อแช่แข็งและทำลายเซลล์ไขมัน โดยเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะถูกกำจัดออกจากร่างกายอย่างถาวร
- ไฮฟู (HIFU): เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงเพื่อสลายไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและใบหน้าดูเรียวขึ้น
- สลายไขมันด้วยคลื่นวิทยุ (RFAL): เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุเพื่อสลายไขมันพร้อมกับกระชับผิวหนังไปพร้อมกัน ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
- ผ่าตัดดึงหน้า (Facelift): เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีแก้มใหญ่จากความหย่อนคล้อยตามวัย ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
เกณฑ์การพิจารณา: เลือกระหว่างวิธีธรรมชาติและหัตถการอย่างไรให้เหมาะสม
การเลือกระหว่างวิธีธรรมชาติและหัตถการขึ้นอยู่กับสาเหตุของแก้มใหญ่และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไปควรเริ่มต้นด้วยวิธีธรรมชาติก่อน หากแก้มใหญ่มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวโดยรวม แต่หากเกิดจากโครงสร้างเฉพาะ เช่น ไขมันกระพุ้งแก้มหรือกล้ามเนื้อกรามหนาซึ่งไม่ตอบสนองต่อการลดน้ำหนัก การทำหัตถการอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
- วิธีธรรมชาติ: เหมาะสำหรับผู้ที่แก้มใหญ่ขึ้นจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรือมีอาการบวมน้ำ ควรลองปรับเปลี่ยนอาหารและออกกำลังกายเป็นเวลาสองสามเดือนก่อน
- หัตถการทางการแพทย์: เหมาะสำหรับผู้ที่มีแก้มใหญ่จากโครงสร้าง เช่น ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะโดยกรรมพันธุ์ หรือกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ซึ่งวิธีธรรมชาติไม่สามารถแก้ไขได้
- การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและเลือกวิธีการรักษาที่ตรงจุดและปลอดภัยที่สุด
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ระยะเวลาเห็นผลและความคงทนของแต่ละวิธี
ผลลัพธ์และความคงทนของการลดแก้มมีตั้งแต่ การเปลี่ยนแปลงชั่วคราวไปจนถึงผลลัพธ์ถาวร ขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้
- วิธีธรรมชาติ (ควบคุมอาหาร, ออกกำลังกาย): เห็นผลการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในไม่กี่สัปดาห์ และชัดเจนขึ้นใน 1-2 เดือน ผลลัพธ์จะคงอยู่ตราบเท่าที่รักษาน้ำหนักและพฤติกรรมสุขภาพที่ดีไว้
- การบริหารใบหน้าและนวด: การนวดช่วยลดอาการบวมได้ทันทีแต่ผลอยู่เพียงชั่วคราว (ไม่กี่วัน) ส่วนการบริหารกล้ามเนื้อจะช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น แต่ผลจะหายไปหากหยุดทำ
- การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม: ผลลัพธ์จะถาวร เนื่องจากไขมันส่วนนี้จะไม่กลับมาอีก
- โบท็อกซ์ลดกราม: เห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน และต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
- การฉีดสลายไขมันและการสลายไขมันด้วยความเย็น: เห็นผลเต็มที่ใน 2-4 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย ผลลัพธ์จะถาวรสำหรับเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายไป
- การยกกระชับผิว (HIFU, RF): ผิวจะค่อยๆ กระชับขึ้นใน 2-3 เดือน และผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 1-2 ปี
- การผ่าตัดดึงหน้า: ผลลัพธ์ยาวนานมาก อาจอยู่ได้เป็นสิบปี แต่กระบวนการชราตามธรรมชาติยังคงดำเนินต่อไป
ก่อนตัดสินใจ: ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การประเมินโครงสร้างใบหน้าและสภาพผิวโดยผู้เชี่ยวชาญ
การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของแก้มที่ดูใหญ่ ซึ่งอาจเกิดจากไขมัน กล้ามเนื้อ การบวมน้ำ หรือโครงสร้างกระดูก การประเมินนี้ช่วยให้มั่นใจว่าวิธีการรักษาที่เลือกนั้นมุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังอาจรวมถึงการตรวจสอบประวัติทางการแพทย์และแนวโน้มของน้ำหนัก เพื่อคัดกรองภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุได้
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ควร ตรวจสอบคุณวุฒิของแพทย์ ประสบการณ์ และการรับรองมาตรฐานของสถานพยาบาล เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา มีดังนี้
- คุณวุฒิและประสบการณ์ของแพทย์: ตรวจสอบว่าแพทย์ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ (Board-certified) และสอบถามเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่เคยทำหัตถการลดแก้ม เพื่อให้มั่นใจในความชำนาญ
- มาตรฐานของคลินิก: เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย (Accreditation) ซึ่งหมายความว่าสถานพยาบาลนั้นมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม มีมาตรการควบคุมความสะอาดปลอดเชื้อ และมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
- การให้คำปรึกษา: แพทย์ที่ดีจะประเมินสาเหตุของแก้มที่ใหญ่ได้อย่างแม่นยำ อธิบายความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้อย่างสมจริง และเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยได้อย่างเต็มที่
การตั้งความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่เป็นจริง
การตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงคือการทำความเข้าใจว่าวิธีแก้ปัญหาที่บ้านให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย ในขณะที่การรักษาทางการแพทย์ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าแต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและข้อจำกัด วิธีแก้ปัญหาที่บ้าน เช่น การออกกำลังกายใบหน้าหรือการใช้ครีม ไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ แต่จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อหรือลดอาการบวมน้ำได้ชั่วคราวเท่านั้น
สำหรับการรักษาทางการแพทย์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำความเข้าใจผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ กระบวนการฟื้นตัว และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ควรระวังผู้ให้บริการที่ให้คำมั่นสัญญาเกินจริง เนื่องจากผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ข้อควรระวังและความเสี่ยง: สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเข้ารับการลดแก้ม
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากหัตถการทางการแพทย์
ความเสี่ยงของหัตถการทางการแพทย์มีตั้งแต่ผลข้างเคียงชั่วคราวไปจนถึงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่า ซึ่งความเสี่ยงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ
- หัตถการแบบผ่าตัด (เช่น ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม, ดูดไขมัน, ดึงหน้า): มีความเสี่ยงทั่วไปของการผ่าตัด เช่น เลือดออก การติดเชื้อ และความเสี่ยงจากการดมยาสลบ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเฉพาะจุด เช่น การบาดเจ็บของเส้นประสาทหรือท่อน้ำลาย, ใบหน้าตอบหรือดูแก่กว่าวัยหากนำไขมันออกมากเกินไป
- หัตถการแบบไม่ผ่าตัด (เช่น โบท็อกซ์, ฉีดสลายไขมัน, HIFU): ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรงและเป็นเพียงชั่วคราว เช่น อาการบวม ช้ำ แดง หรือชาในบริเวณที่ทำ บางกรณีอาจเกิดความไม่สมมาตรบนใบหน้า, อาการเมื่อยล้าจากการเคี้ยว, หรือยิ้มเบี้ยวชั่วคราวได้
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดแก้มด้วยตัวเอง
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดคือความเชื่อที่ว่าคุณสามารถลดไขมันเฉพาะจุดบนใบหน้าได้ ซึ่งในความเป็นจริง การลดไขมันที่แก้มจำเป็นต้องมาจากการลดน้ำหนักโดยรวมของร่างกาย ความเข้าใจผิดอื่นๆ เกี่ยวกับการลดแก้มด้วยตัวเอง ได้แก่
- การออกกำลังกายใบหน้า: ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้เผาผลาญไขมันที่แก้มโดยตรง
- ครีมทาหน้า: ไม่มีผลิตภัณฑ์ทาภายนอกใดที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถละลายไขมันได้ อย่างดีที่สุดอาจช่วยลดอาการบวมน้ำหรือกระชับผิวได้ชั่วคราว
- การเคี้ยวมากเกินไป: การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นเวลานานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูกว้างกว่าเดิม
- เข็มขัดรัดหน้า: อาจช่วยขับน้ำออกไปชั่วคราว แต่ไม่ส่งผลให้เกิดการลดไขมันหรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างถาวร
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดแก้ม (FAQ)
แก้มใหญ่มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง?
สาเหตุหลักที่ทำให้แก้มใหญ่เกิดจากไขมันสะสม พันธุกรรม กล้ามเนื้อกรามที่ขยายใหญ่ และการบวมน้ำ โดยแต่ละสาเหตุมีรายละเอียดดังนี้
- ไขมันสะสม: การมีน้ำหนักตัวเกินหรือรับประทานอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้เกิดการสะสมไขมันบนใบหน้า
- พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูก: DNA เป็นตัวกำหนดการกระจายไขมันบนใบหน้า ทำให้บางคนมีไขมันที่แก้มมากกว่าคนอื่นโดยธรรมชาติ
- กล้ามเนื้อกรามใหญ่: กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยว (Masseter muscle) ที่มีขนาดใหญ่จะทำให้แนวกรามดูกว้างขึ้น ส่งผลให้แก้มดูใหญ่ตามไปด้วย
- การบวมน้ำ: การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ ส่งผลให้ใบหน้าและแก้มบวมขึ้นชั่วคราว
ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดเพื่อช่วยลดแก้ม?
เพื่อช่วยลดแก้ม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง, น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี, ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์, และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การจำกัดอาหารเหล่านี้สามารถช่วยลดการสะสมไขมันและการบวมน้ำบนใบหน้าได้
- อาหารโซเดียมสูง: เช่น ขนมขบเคี้ยวและอาหารแปรรูป ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำซึ่งทำให้หน้าบวม
- น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี: ทำให้เกิดการสะสมไขมันทั่วร่างกายรวมถึงใบหน้า
- ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์: เช่น ของทอดและอาหารฟาสต์ฟู้ด เพิ่มแคลอรีส่วนเกินและการสะสมไขมัน
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: มีแคลอรีสูงและทำให้ร่างกายขาดน้ำซึ่งนำไปสู่การบวมน้ำ
การบริหารใบหน้าเพื่อลดแก้มได้ผลจริงหรือไม่?
การบริหารใบหน้าสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับและใบหน้าดูยกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ช่วยเผาผลาญไขมันที่แก้มโดยตรง การออกกำลังกายใบหน้าจะเน้นไปที่การสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ซึ่งอาจช่วยลดความหย่อนคล้อยและทำให้ใบหน้าดูคมชัดขึ้น แต่หากต้องการลดไขมันที่แก้มจำเป็นต้องลดน้ำหนักโดยรวมของร่างกาย
วิธีลดแก้มแบบธรรมชาติใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล?
โดยทั่วไปแล้ว จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้าได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นในช่วง 1-2 เดือนแรก ของการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ใบหน้ามักเป็นส่วนแรกๆ ที่จะดูเล็กลงเมื่อน้ำหนักลด โดยการลดน้ำหนักเพียง 2-5 กิโลกรัมก็สามารถทำให้แก้มดูบวมน้อยลงได้ นอกจากนี้ การลดอาหารเค็มและแอลกอฮอล์สามารถช่วยลดอาการบวมบนใบหน้าได้เร็วขึ้นภายในไม่กี่วัน
การลดแก้มกับการลดเหนียงเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
การลดแก้มกับการลดเหนียงนั้นแตกต่างกันที่บริเวณที่ทำการรักษาและวิธีการที่ใช้ โดยการลดแก้มจะมุ่งเน้นไปที่ไขมันบริเวณช่วงกลางถึงล่างของใบหน้า (กระพุ้งแก้ม) ในขณะที่การลดเหนียงจะจัดการกับไขมันที่สะสมอยู่ใต้คางโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ วิธีการรักษาจึงแตกต่างกัน เช่น การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มเพื่อลดแก้ม และการฉีดสลายไขมันหรือดูดไขมันเพื่อลดเหนียง
หัตถการลดแก้มเจ็บไหม และต้องพักฟื้นนานหรือไม่?
ระดับความเจ็บและระยะเวลาพักฟื้นของหัตถการลดแก้มนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการที่เลือกทำ โดยทั่วไปแล้ว วิธีที่ไม่ใช่การผ่าตัดจะเจ็บน้อยและไม่ต้องพักฟื้นนาน ในขณะที่วิธีผ่าตัดจะเจ็บกว่าและต้องใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น
- กลุ่มที่ไม่ใช่การผ่าตัด (เช่น โบท็อกซ์, ฉีดสลายไขมัน, HIFU):
- ความเจ็บปวด: อยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง เช่น โบท็อกซ์จะรู้สึกเหมือนถูกเข็มจิ้มเล็กน้อย ส่วนการฉีดสลายไขมันอาจมีอาการแสบและบวมหลังทำ
- การพักฟื้น: แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือใช้เวลาพักฟื้นสั้นมาก สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ทันที แต่อาจมีอาการบวมหรือรอยแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่กี่วัน
- กลุ่มที่ต้องผ่าตัด (เช่น ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม, ดูดไขมันใบหน้า):
- ความเจ็บปวด: ระหว่างทำจะไม่เจ็บเนื่องจากมีการใช้ยาชาหรือยาสลบ หลังผ่าตัดจะมีอาการปวดตึงซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวด
- การพักฟื้น: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มต้องพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน ส่วนการดูดไขมันอาจใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้อาการบวมและรอยช้ำลดลง
References:
- Johns Hopkins Medicine. (n.d.). Buccal Fat Removal – Cheek Reduction Surgery Information. hopkinsmedicine.org
- Fox Pharma. (n.d.). Buccal Fat Removal vs. Masseter Botox – Benefits, Considerations & Differences. foxpharma.com
- Fletcher, J. (n.d.). How to lose face fat: 8 effective tips. Medical News Today. medicalnewstoday.com
- V Medical Aesthetics & Laser Clinic. (n.d.). Causes of Fat Cheeks and Non-Surgical Fat Cheeks Removal with HIFU. vaestheticsclinic.com
- American Board of Cosmetic Surgery. (n.d.). Tips for Choosing a Cosmetic Surgeon. americanboardcosmeticsurgery.org
- Maman, D. Y. (n.d.). What questions should you ask your plastic surgeon during the consultation? American Society of Plastic Surgeons. plasticsurgery.org
- Advanced Dermatology. (n.d.). Kybella Injections for Double Chin Removal. advdermatology.com

