แก้มตอบเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุและวิธีแก้ให้หน้ากลับมาอิ่มฟูอีกครั้ง

แก้มตอบคือลักษณะที่แก้มยุบตัวลงซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยหัตถการทางการแพทย์เพื่อคืนความอิ่มฟูให้ใบหน้า เช่น การฉีดฟิลเลอร์ PLLA ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้นานถึง 2 ปีสำหรับผู้ที่สูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามวัย
ลักษณะแก้มตอบและวิธีประเมินด้วยตนเอง
ลักษณะของแก้มตอบคือการที่แก้มดูแบนหรือยุบตัวลงใต้โหนกแก้ม ทำให้ใบหน้าดูซูบผอม แก่กว่าวัย และแนวกรามดูเด่นชัดขึ้น แทนที่จะมีความโค้งมนอวบอิ่มเหมือนแก้มปกติ
สำหรับการประเมินด้วยตนเอง สามารถสังเกตได้จาก “เส้นโค้งโอจี” (OGEE curve) ซึ่งเป็นเส้นโค้งรูปตัว S ตามธรรมชาติจากโหนกแก้มลงมาถึงกลางใบหน้า หากเส้นโค้งนี้แบนหรือเว้าเข้าไปด้านใน แสดงว่ามีการสูญเสียไขมันบริเวณแก้ม
สำรวจ 5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาแก้มตอบ
โครงสร้างกระดูกและพันธุกรรม
พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูกเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของแก้มตอบ โดยบางคนอาจมีไขมันที่แก้มตามธรรมชาติน้อยกว่าคนอื่นเนื่องจากกรรมพันธุ์ ทำให้แก้มดูตอบได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้ โครงสร้างกระดูกโหนกแก้มที่แบนโดยกำเนิด หรือการสูญเสียมวลกระดูกจากการจัดฟัน (เช่น การถอนฟัน) และอายุที่มากขึ้น ก็สามารถลดการรองรับของเนื้อเยื่อแก้ม ทำให้แก้มดูยุบตัวลงได้
การสลายของไขมันและคอลลาเจนตามวัย
การสลายของไขมันและคอลลาเจนตามวัยเป็นกระบวนการที่ไขมันชั้นลึกบริเวณกลางใบหน้าจะค่อยๆ ลดลงพร้อมกับการบางลงของคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ซึ่งโดยทั่วไปจะเริ่มขึ้นในช่วงอายุ 30 และ 40 ปี ส่งผลให้ใบหน้าดูยุบตัวและเหนื่อยล้า นอกจากนี้ การสลายของกระดูกบริเวณขากรรไกรบนและล่างยังทำให้โครงสร้างใบหน้าขาดการรองรับ ซึ่งยิ่งทำให้แก้มดูตอบมากขึ้นพร้อมกับเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวหนัง
การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือขาดสารอาหาร
การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือภาวะขาดสารอาหารเป็นสาเหตุที่ทำให้แก้มตอบได้ เนื่องจากการสูญเสียไขมันบนใบหน้าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งภาวะขาดสารอาหาร (เช่น การขาดโปรตีนและแคลอรี่) หรือการเจ็บป่วยเรื้อรังจะทำให้ไขมันที่แก้มลดลง จนแก้มที่ตอบลงมักถูกใช้เป็นสัญญาณทางคลินิกของภาวะทุพโภชนาการ แม้แต่การลดน้ำหนักในระดับปานกลางก็สามารถทำให้แก้มดูตอบลงได้หากเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายโดยรวมลดลง
ผลข้างเคียงจากการจัดฟันหรือการถอนฟัน
การจัดฟันที่เกี่ยวข้องกับการถอนฟันอาจทำให้แก้มดูตอบหรือแบนลงได้เล็กน้อย เนื่องจากการที่แนวฟันแคบลงหลังการถอนฟันเพื่อแก้ไขปัญหาฟันซ้อนเก
นอกจากนี้ กระดูกเบ้าฟัน (alveolar bone) ที่เคยรองรับฟันจะเกิดการละลายตัวเล็กน้อยหลังการถอนฟัน ซึ่งการสูญเสียปริมาตรกระดูกนี้อาจส่งผลให้แก้มดูยุบลงได้ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของกระดูกนี้จะเกิดขึ้นอย่างถาวร แต่ลักษณะแก้มตอบที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการรักษาทางความงาม เช่น การฉีดฟิลเลอร์ หรือการปลูกถ่ายไขมัน
พฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัญหาสุขภาพบางชนิด
พฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัญหาสุขภาพบางชนิดสามารถทำให้แก้มตอบได้ โดยปัจจัยเหล่านี้จะไปเร่งการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนบนใบหน้า
ปัจจัยดังกล่าวประกอบด้วย:
- การสัมผัสแสงแดดเรื้อรัง: ทำลายคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในผิว
- โรคเรื้อรัง: เช่น HIV, มะเร็งระยะลุกลาม หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
- ยาบางชนิด: เช่น ยาต้านไวรัสบางตัวในอดีต
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: เช่น ความเครียดเรื้อรัง (ระดับคอร์ติซอลสูง)
- การรับประทานอาหารที่ไม่ดีและภาวะขาดน้ำ: ทำให้ใบหน้าดูซูบตอบได้ชั่วคราว
- การสูบบุหรี่: เร่งการสูญเสียไขมันบนใบหน้าและทำให้ผิวบางลง
แนวทางการรักษาแก้มตอบด้วยหัตถการทางการแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มแก้ม (Dermal Fillers)
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีรักษาแก้มตอบที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้สารเติมเต็มเพื่อคืนวอลลุ่มให้ใบหน้า ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีและเป็นที่นิยมเนื่องจากไม่ต้องพักฟื้นนาน
- ประเภทฟิลเลอร์: สารที่นิยมใช้ ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก (HA) เช่น Juvéderm และ Restylane, แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) เช่น Radiesse และกรดพอลิ-แอล-แลกติก (PLLA) เช่น Sculptra
- ผลลัพธ์: ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้แก้มและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น โดยจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ชัดเจนในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังอาการบวมลดลง
- ระยะเวลา: โดยทั่วไปฟิลเลอร์ HA อยู่ได้นาน 6–12 เดือน, CaHA ประมาณ 12–15 เดือน และ PLLA สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้นานถึง 2 ปี
- ข้อจำกัด: ผลลัพธ์ไม่ถาวร จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปีเพื่อคงความเต็มของแก้มไว้
การฉีดไขมันตัวเอง (Autologous Fat Grafting)
การฉีดไขมันตัวเอง (Autologous Fat Grafting) คือ การนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเพื่อเติมเต็มแก้มที่ตอบ ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน
กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการดูดไขมัน (Liposuction) จากบริเวณอื่น เช่น หน้าท้องหรือต้นขา จากนั้นนำไขมันมาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์เพื่อคัดแยกเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปที่แก้ม โดยทั่วไปศัลยแพทย์จะฉีดไขมันในปริมาณที่มากกว่าที่ต้องการเล็กน้อย เนื่องจากไขมันบางส่วนจะสลายไป โดยเฉลี่ยแล้วไขมันจะรอดชีวิตและคงอยู่ประมาณ 47% ส่วนที่เหลือรอดจะกลายเป็นเนื้อเยื่อปกติและคงอยู่ได้นานหลายปีหรือถาวร
ข้อดีและข้อควรพิจารณา
| ข้อดี | ข้อควรพิจารณา |
|---|---|
| ผลลัพธ์ยาวนานหรือถาวร | ผลลัพธ์คาดเดาได้ยากกว่าฟิลเลอร์ อาจต้องทำซ้ำ |
| ปลอดภัยสูง ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ | เป็นหัตถการศัลยกรรมเล็กน้อย ต้องมีการดูดไขมัน |
| ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว จากสเต็มเซลล์ในไขมัน | ระยะพักฟื้นนานกว่า มีอาการบวมช้ำ 1-2 สัปดาห์ |
| เหมาะกับการเติมปริมาณมาก สำหรับแก้มที่ตอบลึก | อาจเกิดก้อนหรือไม่เรียบเนียนได้ |
การพักฟื้นและผลลัพธ์
- ทันทีหลังทำ: แก้มจะดูบวมและอูมมากจากการฉีดเกินและการบวม
- 1–2 สัปดาห์: มีอาการบวมและช้ำอย่างเห็นได้ชัด
- 3 เดือน: อาการบวมทั้งหมดจะหายไปและผลลัพธ์จะคงที่ สามารถเห็นปริมาตรไขมันที่เหลืออยู่ได้อย่างชัดเจน
การร้อยไหมเพื่อสร้างวอลลุ่มและยกกระชับ
การร้อยไหมเป็นการใช้วัสดุที่ละลายได้เพื่อยกกระชับเนื้อเยื่อในทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มวอลลุ่มและทำให้ผิวแน่นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป การร้อยไหมทำงานโดยการสอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยขึ้น ทำให้ใบหน้าส่วนกลางดูเต็มขึ้นและลดร่องแก้ม
กลไกการทำงานของการร้อยไหมมี 2 ส่วนหลัก:
- การยกกระชับทันที: ไหมชนิดที่มีเงี่ยง (Barbed/Cog threads) จะเกี่ยวและดึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังขึ้น ทำให้แก้มยกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
- การกระตุ้นทางชีวภาพ: ไหมจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ตามแนวเส้นไหมภายใน 2-3 สัปดาห์ ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาและวอลลุ่มให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าไหมจะไม่ได้สร้างวอลลุ่มได้มากเท่าฟิลเลอร์หรือไขมัน แต่การยกกระชับและทำให้ผิวแน่นขึ้นก็ช่วยลดเงาของร่องแก้มตอบได้
เกณฑ์การเลือกวิธีรักษา: ข้อดี ข้อจำกัด และผลลัพธ์
การเลือกวิธีรักษาแก้มตอบขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการยุบตัวของแก้ม สภาพผิว และผลลัพธ์ที่ต้องการในระยะยาว โดยแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อจำกัด และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
ตารางเปรียบเทียบเกณฑ์การเลือกวิธีรักษาแก้มตอบ:
| คุณสมบัติ | ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers) | ฉีดไขมันตัวเอง (Autologous Fat Grafting) | ร้อยไหม (Thread Lifts) |
|---|---|---|---|
| เหมาะสำหรับ | แก้มตอบระดับน้อยถึงปานกลาง ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและไม่ต้องการพักฟื้นนาน | แก้มตอบรุนแรง ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวรและเป็นธรรมชาติ | แก้มตอบร่วมกับผิวหย่อนคล้อย ต้องการการยกกระชับและเพิ่มคอลลาเจน |
| ข้อดี | เห็นผลทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถสลายได้หากไม่พอใจ (ฟิลเลอร์ HA) | ผลลัพธ์อยู่ได้นานหรือถาวร ใช้ไขมันตัวเองจึงไม่เกิดการแพ้ ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว | ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น |
| ข้อจำกัด | ผลลัพธ์อยู่ชั่วคราว (6-12 เดือน) ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ | เป็นการผ่าตัดเล็ก มีระยะเวลาพักฟื้นนานกว่า ผลลัพธ์ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับอัตราการรอดของไขมัน | เพิ่มปริมาตรได้ไม่มากเท่าฟิลเลอร์หรือไขมัน ผลลัพธ์อยู่ชั่วคราว (1-2 ปี) |
| ผลลัพธ์ | แก้มดูอิ่มฟูขึ้นทันที เห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์ | ช่วงแรกจะดูบวมและอูมกว่าปกติ ผลลัพธ์สุดท้ายจะคงที่ในเวลาประมาณ 3 เดือน | ผิวยกกระชับขึ้นเล็กน้อยทันที และจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 เดือนเมื่อคอลลาเจนถูกสร้างขึ้น |
| ระยะเวลาพักฟื้น | แทบไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย 3-5 วัน | พักฟื้น 1-2 สัปดาห์ อาจมีอาการบวมและช้ำอย่างเห็นได้ชัด | พักฟื้น 3-5 วัน อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือรู้สึกตึงที่ใบหน้า |
| ความคงทน | ประมาณ 6-12 เดือน | ยาวนานหลายปีหรือถาวร (ไขมันส่วนที่รอดชีวิต) | ประมาณ 1-2 ปี |
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ระยะเวลาพักฟื้น และการดูแลตัวเอง
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ระยะเวลาพักฟื้น และการดูแลตัวเองหลังการรักษาแก้มตอบ จะแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาที่เลือก ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ การฉีดไขมัน หรือการร้อยไหม
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
- ฟิลเลอร์ (Filler): เห็นผลทันทีหลังฉีด และจะเข้าที่สวยงามเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
- การฉีดไขมัน (Fat Grafting): ในช่วงแรกแก้มจะดูบวมและอูมกว่าปกติ เนื่องจากแพทย์จะฉีดเผื่อการสลายตัวของไขมันบางส่วน ผลลัพธ์สุดท้ายจะคงที่และเห็นได้ชัดเจนในเวลาประมาณ 3 เดือน
- การร้อยไหม (Thread Lift): เห็นผลการยกกระชับได้ทันทีเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ด้านการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความแน่นของผิวจะค่อยๆ ดีขึ้นและเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 2-3 เดือน
ระยะเวลาพักฟื้น
- ฟิลเลอร์: แทบไม่ต้องพักฟื้น อาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยซึ่งจะหายไปใน 3-5 วัน
- การฉีดไขมัน: ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานที่สุด โดยมีอาการบวมและช้ำอย่างเห็นได้ชัดประมาณ 1-2 สัปดาห์
- การร้อยไหม: ใช้เวลาพักฟื้นสั้นๆ ประมาณ 3-5 วันสำหรับอาการบวมและรอยช้ำเบื้องต้น
การดูแลตัวเองหลังการรักษา
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: งดการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้า เพื่อลดอาการบวม
- ปรับท่านอน: นอนหงายและหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้า
- งดการสัมผัสใบหน้า: หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือถูบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อให้ฟิลเลอร์ ไขมัน หรือไหมเข้าที่
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: งดการขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง และทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะ: เช่น หลังร้อยไหมควรงดการอ้าปากกว้างๆ หรือการทำฟันในช่วงแรก ส่วนการฉีดไขมันควรควบคุมน้ำหนักให้คงที่เพื่อรักษาผลลัพธ์
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจแก้ปัญหาแก้มตอบ
การประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษา
การประเมินความเหมาะสมและการวางแผนการรักษาแก้มตอบจะพิจารณาจากสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โครงสร้างใบหน้า และความพร้อมทางจิตใจ เพื่อสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
กระบวนการประเมินและวางแผนประกอบด้วยขั้นตอนหลักดังนี้:
- การประเมินความเหมาะสมของผู้ป่วย: แพทย์จะประเมินสุขภาพทั่วไป ประวัติการรักษา สภาพผิว (เช่น ความหย่อนคล้อย) และความพร้อมทางจิตใจ เพื่อคัดกรองผู้ที่มีข้อห้ามในการรักษา เช่น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีภาวะคาดหวังที่ไม่สมจริง
- การวิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียด: แพทย์จะตรวจโครงสร้างใบหน้าโดยรวม ไม่ใช่แค่บริเวณแก้ม แต่ยังรวมถึงขมับและใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ที่ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการประเมินสถานะทางทันตกรรม เนื่องจากฟันที่หายไปอาจเป็นปัจจัยร่วมได้
- การกำหนดเป้าหมายและวางแผน: แพทย์จะหารือกับผู้ป่วยเพื่อกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้ โดยเน้นการ “ปรับปรุง” ไม่ใช่ “ความสมบูรณ์แบบ” และอธิบายถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสาเหตุของปัญหา เช่น หากแก้มตอบเกิดจากการยุบตัวของไขมันเป็นหลัก อาจใช้ฟิลเลอร์หรือไขมัน แต่หากมีความหย่อนคล้อยร่วมด้วย อาจต้องใช้การร้อยไหมหรือการผ่าตัดเข้ามาช่วย
วิธีเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรพิจารณาจากคุณสมบัติ ประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือของแพทย์ รวมถึงมาตรฐานของสถานพยาบาล ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณามีดังนี้
- คุณวุฒิและประสบการณ์ของแพทย์: ตรวจสอบว่าแพทย์ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพและมีความเชี่ยวชาญในการทำหัตถการนั้นๆ โดยเฉพาะ ควรเลือกแพทย์ที่ทำหัตถการเสริมแก้มบ่อยครั้งเป็นประจำ
- มาตรฐานของคลินิกและผลิตภัณฑ์: เลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองและมีสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัย ควรสอบถามเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่น ฟิลเลอร์ เป็นของแท้และผ่านการรับรองจากอย.
- ผลงานและสไตล์ของแพทย์: ขอดูภาพก่อนและหลังการรักษาเพื่อประเมินสไตล์ของแพทย์ว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ เช่น เน้นความเป็นธรรมชาติหรือการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
- การปรึกษาและสอบถามข้อมูล: แพทย์ที่ดีควรรับฟังความกังวลและอธิบายข้อมูลได้อย่างชัดเจน ควรสอบถามคำถามสำคัญ เช่น ความถี่ในการทำหัตถการ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และนโยบายการแก้ไขหากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ
การเตรียมตัวก่อนและหลังเข้ารับการรักษา
การเตรียมตัวก่อนและหลังการรักษาแก้มตอบ เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนยาและอาหารเสริมก่อนทำ และการปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดหลังทำ เพื่อลดผลข้างเคียงและส่งเสริมการฟื้นตัว
ก่อนการรักษา
- หยุดยาและอาหารเสริม: ควรหยุดยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน), น้ำมันปลา, และวิตามินอี ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
- งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนทำ
- เตรียมอุปกรณ์: เตรียมเจลประคบเย็น, ยาแก้ปวด (พาราเซตามอล), และครีมกันแดดไว้ล่วงหน้า
หลังการรักษา
- จำกัดกิจกรรม: งดการออกกำลังกายหนัก, การยกของหนัก, และการก้มศีรษะเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- ปรับท่านอน: นอนหงายโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้า
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: ทำความสะอาดผิวเบาๆ หลีกเลี่ยงการนวดหรือขัดถูใบหน้าแรงๆ และงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรงประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเกิดรอยคล้ำ
- สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการปวดรุนแรง, บวมแดงมากขึ้น, มีไข้, หรือผิวหนังเปลี่ยนสี ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวัง
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่พบบ่อยคืออาการบวม ช้ำ และเจ็บเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเอง แต่ก็มีความเสี่ยงที่รุนแรงแต่พบได้น้อย เช่น การอุดตันของเส้นเลือดและการติดเชื้อ
ผลข้างเคียงทั่วไป
- ฟิลเลอร์: อาการบวม ช้ำ กดเจ็บ หรือรู้สึกเป็นก้อนในช่วงแรก ซึ่งจะนิ่มลงและหายไปใน 2-3 สัปดาห์
- การฉีดไขมัน: มีอาการบวมและช้ำอย่างเห็นได้ชัดทั้งบนใบหน้าและบริเวณที่ดูดไขมัน อาจคลำได้ก้อนแข็งซึ่งจะค่อยๆ นิ่มลง
- การร้อยไหม: รู้สึกตึงหรือดึงรั้งบนใบหน้า โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือเคี้ยว อาจมีรอยบุ๋มหรือผิวไม่เรียบเล็กน้อย ซึ่งจะดีขึ้นเอง
ความเสี่ยงที่รุนแรง (พบได้น้อย)
- การอุดตันของเส้นเลือด: เป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุด อาจทำให้เนื้อเยื่อตายหรือตาบอดได้ (พบได้ทั้งในการฉีดฟิลเลอร์และไขมัน)
- การติดเชื้อ: อาจเกิดฝีหรือหนองบริเวณที่ทำการรักษา จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะหรือการระบายหนอง
- ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ: ก้อนแข็ง (Granuloma) จากฟิลเลอร์, การเคลื่อนหรือโผล่ของไหม, การบาดเจ็บของเส้นประสาทจากการร้อยไหม
ข้อควรระวังและข้อห้าม
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: โดยทั่วไปแล้วควรงดเว้นการทำหัตถการเสริมความงามทุกชนิด
- ยาและโรคประจำตัว: ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือดหรือมีโรคประจำตัวที่ยังควบคุมไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำ
- ความคาดหวัง: ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริงหรือมีภาวะไม่พอใจในรูปลักษณ์ของตนเองอย่างรุนแรง (Body Dysmorphic Disorder) ไม่เหมาะกับการทำหัตถการเหล่านี้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแก้แก้มตอบ (FAQ)
แก้มตอบเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?
แก้มตอบเกิดได้จากหลายสาเหตุหลัก ได้แก่ พันธุกรรม อายุที่มากขึ้น การลดน้ำหนัก ปัจจัยทางทันตกรรม และไลฟ์สไตล์
สาเหตุเหล่านี้สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้:
- พันธุกรรมและโครงสร้างใบหน้า: บางคนมีไขมันที่แก้มตามธรรมชาติน้อยกว่าคนอื่น
- อายุที่มากขึ้น: เมื่ออายุเข้าสู่ช่วง 30-40 ปี ร่างกายจะเริ่มสูญเสียไขมัน คอลลาเจน และมวลกระดูกบริเวณใบหน้า ทำให้แก้มดูยุบลง
- การลดน้ำหนักและอาการเจ็บป่วย: การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ภาวะขาดสารอาหาร หรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง ทำให้ไขมันบนใบหน้าลดลง
- ปัจจัยทางทันตกรรม: การถอนฟันเพื่อจัดฟันหรือการสูญเสียฟันหลายซี่ อาจทำให้โครงสร้างที่รองรับแก้มยุบตัวลง
- ไลฟ์สไตล์และปัจจัยสุขภาพอื่นๆ: การเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน การสูบบุหรี่ ความเครียดเรื้อรัง และภาวะขาดน้ำ ล้วนส่งผลให้แก้มตอบได้
แก้แก้มตอบด้วยวิธีธรรมชาติได้ผลจริงหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว วิธีธรรมชาติไม่สามารถแก้ไขแก้มตอบที่เห็นได้ชัดเจนให้กลับมาอิ่มฟูได้อย่างมีนัยสำคัญ
วิธีต่างๆ เช่น การออกกำลังกายใบหน้า (โยคะใบหน้า) หรือการใช้ครีมบำรุงผิว อาจช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและปรับปรุงคุณภาพผิวได้บ้าง แต่ไม่สามารถเพิ่มปริมาณไขมันที่สูญเสียไปในชั้นลึกได้ การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและการดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยให้แก้มดูโทรมลดลง แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มแก้มตอบได้เช่นกัน โดยสรุป วิธีธรรมชาติมีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดปัญหามากกว่าการรักษาภาวะแก้มตอบที่มีอยู่แล้ว ซึ่งมักต้องอาศัยหัตถการทางการแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเจ็บไหม และต้องพักฟื้นนานเท่าไร?
การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เจ็บน้อยและแทบไม่ต้องพักฟื้น โดยทั่วไปจะมีการทายาชาก่อนฉีด และในฟิลเลอร์มักมีส่วนผสมของยาชา ทำให้รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยคล้ายมดกัดหรือรู้สึกตึงๆ ขณะฉีด
หลังฉีดสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที แต่อาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 3-5 วัน
การจัดฟันทำให้แก้มตอบถาวรจริงหรือ?
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกจากการจัดฟันร่วมกับการถอนฟันนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถาวร แต่ลักษณะแก้มตอบที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้
โดยทั่วไปแล้ว ผลกระทบที่ทำให้แก้มตอบมักเป็นเพียงเล็กน้อย และสามารถแก้ไขได้ด้วยการรักษาทางความงาม เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือการปลูกถ่ายไขมันเพื่อทดแทนปริมาตรที่หายไป นอกจากนี้ การใส่รากฟันเทียมหรือสะพานฟันยังสามารถช่วยพยุงโครงสร้างใบหน้าและป้องกันการสูญเสียกระดูกเพิ่มเติมได้
เติมไขมันกับฉีดฟิลเลอร์แก้แก้มตอบ แบบไหนดีกว่ากัน?
การเลือกระหว่างฟิลเลอร์กับการเติมไขมันขึ้นอยู่กับเป้าหมายด้านผลลัพธ์ ระยะเวลาพักฟื้น และความต้องการความถาวร โดยฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีเวลาพักฟื้นน้อย ในขณะที่การเติมไขมันจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้ถาวร
ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างที่สำคัญมีดังนี้
| คุณสมบัติ | ฟิลเลอร์ (Filler) | การเติมไขมัน (Fat Grafting) |
|---|---|---|
| ผลลัพธ์ | อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ | ผลลัพธ์ถาวร (เซลล์ไขมันที่รอดชีวิตจะอยู่ตลอดไป) |
| การพักฟื้น | น้อยมาก มีอาการบวมช้ำเล็กน้อย 3-5 วัน | นานกว่า มีอาการบวมช้ำชัดเจน 1-2 สัปดาห์ |
| ความเป็นธรรมชาติ | เป็นสารสังเคราะห์ (Hyaluronic Acid) | เป็นธรรมชาติสูง เพราะใช้ไขมันตัวเอง ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ |
| ความเหมาะสม | เหมาะกับการแก้ไขเล็กน้อย หรือผู้ที่ต้องการทดลองก่อน | เหมาะกับการเติมปริมาณมาก และผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว |
| ข้อดีเพิ่มเติม | แม่นยำ ปรับแก้ได้ง่าย สามารถสลายได้ | สเต็มเซลล์ในไขมันช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวบริเวณที่ฉีด |
ผลลัพธ์จากการแก้แก้มตอบอยู่ได้นานแค่ไหน?
ระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับประเภทของการรักษาที่เลือก โดยแต่ละวิธีมีระยะเวลาคงผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers): โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน และต้องมีการฉีดซ้ำทุกปีเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
- การฉีดไขมันตัวเอง (Autologous Fat Grafting): ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานหรืออาจถาวร โดยไขมันที่ปลูกถ่ายติดแล้วจะคงอยู่ได้นานหลายปี
- การร้อยไหม (Thread Lifts): ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี (18-24 เดือน)
References:
- Fedok Plastic Surgery. Hollow Cheeks. Dr. Fred G. Fedok. facial-plastic-surgery.com
- Carruthers, J. et al. Validated assessment scales for the mid face. Dermatologic Surgery. oup.com
- Oğuz, O., et al. Fillers for correction of malar depression: effect on visual quality and quality of life. Ear, Nose & Throat Journal. journals.sagepub.com
- Cleveland Clinic. Thread Lift: What to Expect, Benefits & Complications. Cleveland Clinic Health Library. my.clevelandclinic.org
- American Board of Cosmetic Surgery. (n.d.). How to Choose a Provider for Your Injectable Treatments. americanboardcosmeticsurgery.org
- Schipper, J. et al. Supplementation of facial fat grafting to increase volume retention: a systematic review. Aesthetic Surgery Journal. oup.com
- OAE Publishing. Complications of facial autologous fat grafting. Microanalysis in Surgery. oaepublish.com
- Ewumi, O. What to know about “Ozempic face”. Medical News Today. medicalnewstoday.com
