Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

โกรทแฟคเตอร์ ดีจริงไหม? เจาะลึกผลข้างเคียงและการฉีดเพื่อผิวสวย

Byadmin พฤศจิกายน 24, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on พฤศจิกายน 24, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
โกรทแฟคเตอร์ ดีจริงไหม? เจาะลึกผลข้างเคียงและการฉีดเพื่อผิวสวย

Table of Contents

Toggle
  • โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) คืออะไรในวงการแพทย์ผิวหนัง
    • กลไกการทำงานระดับเซลล์และการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
    • ประเภทของโกรทแฟคเตอร์: สกัดจากเลือด vs สังเคราะห์
  • ประโยชน์ที่คาดหวังได้จากการฉีด Growth Factor
    • ประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็น
    • การชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
    • การฟื้นฟูผิวเสียจากแสงแดดและมลภาวะ
  • ข้อเปรียบเทียบระหว่าง Growth Factor, PRP และ Stem Cell
    • ความแตกต่างด้านแหล่งที่มาและกระบวนการผลิต
    • ผลลัพธ์และความเหมาะสมของแต่ละสภาพผิว
  • ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ
    • อาการไม่พึงประสงค์ระยะสั้นและระยะยาว
    • ข้อห้ามและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรรับบริการ
  • ราคาประเมินและโครงสร้างค่าใช้จ่ายในการรักษา
    • อัตราค่าบริการรายครั้งและแบบคอร์ส
    • ปัจจัยที่มีผลต่อราคา: ยี่ห้อและเทคนิคแพทย์
  • หลักเกณฑ์การเลือกสถานพยาบาลและผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย
    • วิธีตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัยของตัวยา
    • การเตรียมตัวและการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
  • สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดโกรทแฟคเตอร์
    • ความเชื่อผิดๆ ว่าโกรทแฟคเตอร์สามารถทดแทนการผ่าตัดดึงหน้าได้
    • ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องความถาวรของผลลัพธ์
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโกรทแฟคเตอร์
    • Growth Factor ควรฉีดบ่อยแค่ไหนเพื่อผลลัพธ์ที่ดี?
    • การฉีด Growth Factor เจ็บมากไหม?
    • Growth Factor ช่วยรักษาฝ้าและกระได้จริงหรือ?
    • หลังฉีดต้องพักฟื้นหน้านานกี่วัน?
    • การฉีด Growth Factor มีอันตรายสะสมหรือไม่?
    • ผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้นานกี่เดือน?

โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) คืออะไรในวงการแพทย์ผิวหนัง

โกรทแฟคเตอร์คือโปรตีนส่งสัญญาณที่มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว โปรตีนเหล่านี้จะจับกับตัวรับบนผิวเซลล์เพื่อกระตุ้นกระบวนการต่างๆ เช่น การอยู่รอด การแบ่งตัว และการเคลื่อนที่ของเซลล์ ซึ่งช่วยเร่งการรักษาบาดแผลและลดการเกิดแผลเป็น (The use of epidermal growth factor in dermatological practice, International Wound Journal, 2023)

กลไกการทำงานระดับเซลล์และการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

โกรทแฟคเตอร์ทำงานโดยจับกับตัวรับบนผิวเซลล์ (cell receptors) เพื่อกระตุ้นการส่งสัญญาณที่นำไปสู่การอยู่รอด การแบ่งตัว การเคลื่อนที่ และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังขึ้นใหม่ โดยโกรทแฟคเตอร์แต่ละชนิดจะทำงานแตกต่างกันไป เช่น

  • PDGF และ FGF กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblasts) ให้สร้างคอลลาเจน
  • EGF เร่งการเคลื่อนที่ของเซลล์เคราติโนไซต์ (keratinocytes) เพื่อสร้างผิวหนังชั้นนอกขึ้นมาใหม่

กระบวนการเหล่านี้ช่วยเร่งการสมานแผลและลดการเกิดแผลเป็น (Comparison of the efficacy and safety of different growth factors in the treatment of diabetic foot ulcers: an updated network meta-analysis, Frontiers in Endocrinology, 2025)

ประเภทของโกรทแฟคเตอร์: สกัดจากเลือด vs สังเคราะห์

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างโกรทแฟคเตอร์ที่สกัดจากเลือดและแบบสังเคราะห์คือแหล่งที่มาและกระบวนการเตรียม

  • พลาสมาที่อุดมด้วยเกล็ดเลือด (PRP): เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเลือดของผู้ป่วยเอง (Autologous) โดยนำเลือดมาผ่านกระบวนการปั่นเพื่อทำให้เกล็ดเลือดและโกรทแฟคเตอร์มีความเข้มข้นสูงขึ้น
  • โกรทแฟคเตอร์สังเคราะห์หรือจากเซลล์อื่น (Allogeneic): เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ โดยมักได้จากอาหารเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ซึ่งประกอบด้วยโกรทแฟคเตอร์หลายชนิดในปริมาณที่แม่นยำและพร้อมใช้งาน (Adipose mesenchymal stem cell-derived exosomes versus platelet-rich plasma for photoaged facial skin, Journal of Cosmetic Dermatology, 2024)

ประโยชน์ที่คาดหวังได้จากการฉีด Growth Factor

ประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็น

การฉีดโกรทแฟคเตอร์มีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและลดความลึกของหลุมสิวชนิดตื้น (atrophic acne scars) โดยโกรทแฟคเตอร์จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ และเมื่อใช้ร่วมกับการทำเลเซอร์กลุ่ม fractional laser จะช่วยให้ผลการรักษาหลุมสิวดีขึ้น ทั้งยังช่วยลดรอยแดงและอาการบวมหลังทำเลเซอร์ได้อีกด้วย (Use of plasma-rich in growth factors (PRGF) in the treatment of acne, OBM Transplantation, 2023)

การชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย

การฉีดโกรทแฟคเตอร์สามารถช่วยฟื้นฟูผิวที่แก่ก่อนวัยและลดเลือนริ้วรอยได้ โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการผลัดเซลล์ผิว จากการศึกษาแบบควบคุมพบว่าผิวหน้าที่ได้รับการรักษาด้วยพลาสมาที่อุดมด้วยเกล็ดเลือด (PRP) ซึ่งเป็นโกรทแฟคเตอร์ชนิดหนึ่ง มีริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวเรียบเนียนขึ้น และรูขุมขนเล็กลงเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอก การศึกษาอื่นยังพบว่าทั้ง PRP และสารสกัดจากสเต็มเซลล์ให้ผลลัพธ์ในการปรับปรุงสภาพผิวที่เสื่อมจากแสงแดดได้ใกล้เคียงกัน (Adipose mesenchymal stem cell-derived exosomes versus platelet-rich plasma for photoaged facial skin: An investigator-blinded split-face trial, Journal of Cosmetic Dermatology, 2024)

การฟื้นฟูผิวเสียจากแสงแดดและมลภาวะ

โกรทแฟคเตอร์ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และซ่อมแซมผิวชั้นนอก (epidermis) ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากแสงแดด ลดรอยแดง และปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิวโดยรวมดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น (Adipose mesenchymal stem cell-derived exosomes versus platelet-rich plasma for photoaged facial skin: an investigator-blinded split-face trial, Journal of Cosmetic Dermatology, 2024)

ข้อเปรียบเทียบระหว่าง Growth Factor, PRP และ Stem Cell

ความแตกต่างด้านแหล่งที่มาและกระบวนการผลิต

ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่แหล่งที่มาและกระบวนการเตรียม โดย PRP (Platelet-Rich Plasma) ได้มาจากเลือดของผู้ป่วยเอง, โกรทแฟคเตอร์สังเคราะห์ผลิตขึ้นในห้องปฏิบัติการ, และสเต็มเซลล์เก็บเกี่ยวมาจากเนื้อเยื่อ เช่น ไขกระดูกหรือไขมัน

  • PRP: เตรียมโดยการเจาะเลือดของผู้ป่วยแล้วนำไปปั่นเหวี่ยงเพื่อทำให้เกล็ดเลือดและโกรทแฟคเตอร์เข้มข้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำเสร็จในวันเดียว
  • โกรทแฟคเตอร์สังเคราะห์: ผลิตในห้องปฏิบัติการ โดยมักเป็นสารหลั่งจากการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ ทำให้ได้ส่วนผสมของโกรทแฟคเตอร์ในปริมาณที่แม่นยำและพร้อมใช้งาน
  • สเต็มเซลล์: เกี่ยวข้องกับการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากไขกระดูกหรือเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งมักจะต้องผ่านกระบวนการคัดแยกและอาจต้องเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มจำนวนก่อนนำไปใช้ (Adipose mesenchymal stem cell-derived exosomes versus platelet-rich plasma for photoaged facial skin: an investigator-blinded split-face trial, Journal of Cosmetic Dermatology, 2024)

ผลลัพธ์และความเหมาะสมของแต่ละสภาพผิว

การฉีดโกรทแฟคเตอร์และ PRP เหมาะที่สุดสำหรับปัญหาผิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ในขณะที่สเต็มเซลล์มีศักยภาพในการฟื้นฟูที่สูงกว่าสำหรับกรณีที่ต้องการการซ่อมแซมที่เข้มข้น

  • โกรทแฟคเตอร์และ PRP: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยในการสมานแผล เช่น รอยแผลเป็นจากสิวที่ไม่ลึกมาก หรือริ้วรอยตื้นๆ การรักษานี้มีความเสี่ยงต่ำและเป็นการบำรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวรและจำเป็นต้องทำซ้ำเป็นระยะ
  • สเต็มเซลล์: มีศักยภาพในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สูงกว่า สามารถปล่อยสัญญาณการเจริญเติบโตได้หลากหลายกว่าและอาจให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนหรือยาวนานกว่า PRP จึงอาจเหมาะกับกรณีที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างเข้มข้น แต่ก็มีความซับซ้อน ค่าใช้จ่ายสูงกว่า และมีกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่า (Adipose mesenchymal stem cell-derived exosomes versus platelet-rich plasma for photoaged facial skin: an investigator-blinded split-face trial, Journal of Cosmetic Dermatology, 2024)

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ

อาการไม่พึงประสงค์ระยะสั้นและระยะยาว

ผลข้างเคียงจากการฉีดโกรทแฟคเตอร์โดยทั่วไปไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยอาการระยะสั้นที่พบบ่อยคือรอยแดง อาการบวม หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงสองสามวัน สำหรับผลข้างเคียงระยะยาว จากข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันยังไม่พบอันตรายที่สำคัญ และถือว่ามีความปลอดภัยสูงเมื่อทำหัตถการอย่างถูกวิธี (Comparison of the efficacy and safety of different growth factors in the treatment of diabetic foot ulcers: an updated network meta-analysis, Frontiers in Endocrinology, 2025)

ข้อห้ามและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรรับบริการ

ข้อห้ามหลักสำหรับการฉีดโกรทแฟคเตอร์คือ ผู้ป่วยมะเร็งที่ยังดำเนินโรคอยู่ ผู้ที่มีการติดเชื้อ และผู้ที่มีความผิดปกติของเลือด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษก่อนรับบริการ ดังนี้

ข้อห้ามเด็ดขาด (Contraindications):

  • มะเร็งที่ยังดำเนินโรคอยู่: เนื่องจากโกรทแฟคเตอร์อาจกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
  • การติดเชื้อที่ยังดำเนินอยู่: ทั้งการติดเชื้อเฉพาะที่บริเวณที่จะฉีด หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด
  • ความผิดปกติของเลือดหรือการแข็งตัวของเลือด: รวมถึงผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพราะมีความเสี่ยงเลือดออก

กลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ (Special Populations):

  • สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร: เนื่องจากยังขาดข้อมูลด้านความปลอดภัย
  • ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune diseases): เพราะอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและทำให้อาการของโรคกำเริบได้
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูน (Keloid): ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพราะอาจมีผลต่อการสร้างแผลเป็นที่ผิดปกติได้ (PRP therapy: Who is it not suitable for? Risks and contraindications explained, PRPmed, 2023)

ราคาประเมินและโครงสร้างค่าใช้จ่ายในการรักษา

อัตราค่าบริการรายครั้งและแบบคอร์ส

ค่าใช้จ่ายสำหรับการฉีดโกรทแฟคเตอร์หนึ่งครั้งอยู่ที่ประมาณ $500–$1,500 และสำหรับคอร์สการรักษาแบบ 3 ครั้งจะมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ $2,250–$2,700 โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าบริการต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ $750 และคอร์สการรักษาส่วนใหญ่มักประกอบด้วยการฉีด 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันหนึ่งเดือน (Soul & Beauty Medical Spa, 2023)

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา: ยี่ห้อและเทคนิคแพทย์

ยี่ห้อของผลิตภัณฑ์และเทคนิคความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อราคา โดยระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะหรือเซรั่มที่เตรียมจากห้องปฏิบัติการอาจมีราคาสูงกว่า นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ให้บริการ เช่น แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งที่ผ่านการรับรอง ก็มีผลต่อค่าใช้จ่ายเช่นกัน (How much do natural growth factor injections cost?, Soul & Beauty Medical Spa, 2023)

หลักเกณฑ์การเลือกสถานพยาบาลและผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย

วิธีตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัยของตัวยา

วิธีตรวจสอบคือการเลือกคลินิกที่ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาต และใช้ชุดเตรียม PRP ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA)

ควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่ง ที่ผ่านการฝึกอบรมด้านการฉีด Growth Factor โดยเฉพาะ คลินิกที่ได้มาตรฐานจะใช้ชุดอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองและปฏิบัติตามหลักการปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด การใช้ชุดอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่เพียงแต่จะลดทอนประสิทธิภาพ แต่ยังเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและการติดเชื้อ ผู้รับบริการจึงควรสอบถามคลินิกโดยตรงว่าใช้ผลิตภัณฑ์หรือระบบใดในการทำหัตถการ (Platelet-rich plasma for hair regrowth requires art and science, MDedge Dermatology News, 2022)

การเตรียมตัวและการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ

การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการคือ การงดยาและอาหารเสริมบางชนิด ส่วนการดูแลหลังทำคือการหลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบและกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน

การเตรียมตัวก่อนทำ

  • งดยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน และยาแอสไพริน ประมาณ 5-7 วันก่อนทำ
  • งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี และแปะก๊วย
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนทำ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง

การดูแลหลังทำ

  • หลีกเลี่ยงยา NSAIDs และยาสเตียรอยด์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ สามารถใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
  • หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า ห้องอบไอน้ำ และการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • งดแต่งหน้าอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมงหากมีการทำร่วมกับไมโครนีดลิง (Use of plasma-rich in growth factors (PRGF) in the treatment of acne, OBM Transplantation, 2023)

สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดโกรทแฟคเตอร์

ความเชื่อผิดๆ ว่าโกรทแฟคเตอร์สามารถทดแทนการผ่าตัดดึงหน้าได้

เป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจากการฉีดโกรทแฟคเตอร์ไม่สามารถทดแทนการผ่าตัดดึงหน้าได้ การรักษาด้วยโกรทแฟคเตอร์ (GF) หรือ PRP ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เช่น กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน และลดริ้วรอยเล็กๆ แต่ไม่ได้ช่วยยกกระชับเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยหรือกำจัดผิวหนังส่วนเกิน สำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากยังคงต้องอาศัยการผ่าตัดเพื่อผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน (5 facts that demystify the Vampire Facial®, Seiler Skin Aesthetics Blog, 2025)

ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องความถาวรของผลลัพธ์

ผลลัพธ์จากการฉีดโกรทแฟคเตอร์นั้นไม่ถาวร โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน เนื่องจากกระบวนการแก่ของผิวตามธรรมชาติยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเป็นระยะเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ (Krauss Dermatology, 2022)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโกรทแฟคเตอร์

Growth Factor ควรฉีดบ่อยแค่ไหนเพื่อผลลัพธ์ที่ดี?

โดยทั่วไป แนะนำให้ทำ 3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 สัปดาห์ ในช่วงแรกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว หลังจากครบคอร์สแล้ว ควรฉีดเพื่อคงสภาพผิวทุกๆ 6–12 เดือน ทั้งนี้ ความถี่อาจปรับเปลี่ยนได้ตามการตอบสนองของผิวและกระบวนการแก่ชราของแต่ละบุคคล (Soul & Beauty Medical Spa, 2023)

การฉีด Growth Factor เจ็บมากไหม?

โดยทั่วไปแล้ว การฉีด Growth Factor ไม่เจ็บมาก เนื่องจากก่อนการฉีดจะมีการทายาชาชนิดเข้มข้นในบริเวณที่จะทำการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จึงรู้สึกเพียงแค่แรงกดเบาๆ หรือรู้สึกเหมือนโดนเข็มสะกิดเล็กน้อยเท่านั้น หลังทำอาจมีอาการเจ็บหรือตึงเล็กน้อย แต่สามารถจัดการได้ง่าย (5 facts that demystify the Vampire Facial®, Seiler Skin Aesthetics Blog, 2025)

Growth Factor ช่วยรักษาฝ้าและกระได้จริงหรือ?

ไม่สามารถรักษาฝ้าและกระได้โดยตรง และไม่ใช่วิธีการรักษาหลัก เนื่องจากการฉีด Growth Factor มุ่งเน้นไปที่การสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเซลล์ผิว ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการผลิตเม็ดสีโดยตรง

แม้ว่า Growth Factor อาจช่วยปรับสีผิวโดยรวมให้สว่างและสม่ำเสมอขึ้นได้บ้าง แต่การรักษาฝ้าและกระที่ได้ผลดีกว่าคือการใช้วิธีอื่นที่ตรงจุด เช่น เลเซอร์, IPL, หรือยาทาเฉพาะที่อย่างไฮโดรควิโนนและเรตินอยด์

หลังฉีดต้องพักฟื้นหน้านานกี่วัน?

โดยทั่วไปแล้วการพักฟื้นหลังฉีดโกรทแฟคเตอร์นั้นน้อยมาก และคนส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำงานได้ในวันถัดไป

หลังทำอาจมีรอยแดงและอาการบวมเล็กน้อยคล้ายผิวไหม้แดด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปภายใน 12 ถึง 24 ชั่วโมง และรอยแดงส่วนใหญ่จะลดลงในวันที่สอง

การฉีด Growth Factor มีอันตรายสะสมหรือไม่?

ยังไม่พบความเสี่ยงหรืออันตรายร้ายแรงในระยะยาวจากการฉีด Growth Factor หรือ PRP ซ้ำหลายครั้ง จากข้อมูลที่มีในปัจจุบัน การฉีดเพื่อบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องนั้นมีความปลอดภัย

เนื่องจาก Growth Factor หรือเกล็ดเลือด (PRP) ที่ใช้เป็นส่วนประกอบจากร่างกายของผู้ป่วยเอง ร่างกายจึงสามารถจัดการและสลายไปได้ตามธรรมชาติโดยไม่มีปัญหา การทำทรีตเมนต์ซ้ำจึงให้ผลดีแบบสะสมในด้านการกระตุ้นคอลลาเจนและการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ โดยไม่ก่อให้เกิดการสะสมของผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทำหัตถการด้วยเทคนิคที่ปลอดเชื้อโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อ

ผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้นานกี่เดือน?

ผลลัพธ์จากการฉีดโกรทแฟคเตอร์จะคงอยู่ประมาณ 6 ถึง 12 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ถาวร เนื่องจากกระบวนการชราของผิวตามธรรมชาติยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการทำทรีตเมนต์ซ้ำเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้ (Krauss Dermatology, 2022)

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
หน้าไม่เท่ากันเกิดจากอะไร ควรแก้ที่ไหน? แพทย์แนะวิธีปรับให้สมส่วน
NextContinue
ร่องน้ำหมาก: รวมวิธีแก้ด้วยตัวเอง ฟิลเลอร์และเทคโนโลยียกกระชับ

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube