Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Skincare

ฉีดเมโสหน้าใสช่วยอะไร? เรื่องสิว จุดด่างดำ หรือความกระจ่างใส

Byadmin ตุลาคม 14, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 14, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ฉีดเมโสหน้าใสช่วยอะไร? เรื่องสิว จุดด่างดำ หรือความกระจ่างใส

การฉีดเมโสหน้าใสคือการฉีดวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรงเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ โดยทั่วไปแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการปรับสภาพผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น

Table of Contents

Toggle
  • เมโสหน้าใสคืออะไรและมีหลักการทำงานอย่างไร
  • เมโสหน้าใสเหมาะกับใคร: การประเมินสภาพผิวและข้อบ่งชี้
    • ปัญหาผิวที่ตอบโจทย์: สิว รอยดำ และผิวหมองคล้ำ
    • ข้อควรระวัง: ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส
  • ประเภทของเมโสหน้าใส: แบบฉีดและแบบสะกิดต่างกันอย่างไร
    • เทคนิคการฉีด (Injection) เพื่อผลลัพธ์ที่ชั้นผิวลึก
    • เทคนิคการสะกิด (Tapping) สำหรับการบำรุงผิวชั้นบน
    • วิธีเลือกเทคนิคให้เหมาะกับปัญหาผิวและเป้าหมาย
  • ผลลัพธ์และระยะเวลา: ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้งจึงจะเห็นผล
    • การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้หลังการรักษาครั้งแรก
    • จำนวนครั้งที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน
    • ผลลัพธ์คงอยู่นานแค่ไหนและการดูแลเพื่อรักษาผล
  • ก่อนตัดสินใจฉีดเมโส: ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา
    • การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • สูตรยาเมโสที่ใช้: ความปลอดภัยและมาตรฐาน อย.
    • กรอบราคาและปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด
    • การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาเมโสหน้าใส
  • ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโส
    • อาการทั่วไปหลังฉีด: รอยแดง บวม และรอยช้ำ
    • สัญญาณผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • การดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใสเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโสหน้าใส
    • การฉีดเมโสกับไมโครนีดลิ่งต่างกันอย่างไร
    • หลังฉีดเมโสหน้าใสมีข้อห้ามอะไรบ้าง
    • ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
    • ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใสอยู่ได้นานแค่ไหน
    • การฉีดเมโสหน้าใสเจ็บหรือไม่?
    • ฉีดเมโสหน้าใสอันตรายหรือไม่?
  • References:

เมโสหน้าใสคืออะไรและมีหลักการทำงานอย่างไร

เมโสหน้าใสคือ เทคนิคการฉีดวิตามินและสารบำรุงต่างๆ เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง (Dermis) โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ความหมองคล้ำและจุดด่างดำ

หลักการทำงานคือการนำพาสารออกฤทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงไปยังชั้นผิวที่ต้องการการบำรุง ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ระดับสารอาหาร และการทำงานของเซลล์เพื่อฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ กระบวนการฉีดด้วยเข็มขนาดเล็กยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดในบริเวณดังกล่าวได้อีกด้วย

เมโสหน้าใสเหมาะกับใคร: การประเมินสภาพผิวและข้อบ่งชี้

ปัญหาผิวที่ตอบโจทย์: สิว รอยดำ และผิวหมองคล้ำ

เมโสหน้าใสสามารถรักษาปัญหาสิว รอยดำ และผิวหมองคล้ำได้โดยการฉีดสารออกฤทธิ์ที่ปรับตามสภาพผิวเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง เพื่อจัดการปัญหาที่ต้นเหตุ

  • สิว: สำหรับสิวอักเสบ สามารถใช้ส่วนผสมที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและควบคุมความมัน เช่น สารสกัดจากชะเอมเทศ (Glycyrrhizin) เพื่อช่วยให้สิวยุบลงและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
  • รอยดำและฝ้ากระ: เมโสหน้าใสจะส่งสารที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น Tranexamic Acid, วิตามินซี และกลูตาไธโอน เข้าไปในชั้นผิวโดยตรง ทำให้สามารถลดเลือนฝ้า กระ และรอยดำหลังการเกิดสิว (PIH) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผิวหมองคล้ำ: การฉีดสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด และวิตามินต่างๆ จะช่วยฟื้นฟูผิวที่ดูโทรมและขาดน้ำให้กลับมาสดใสเปล่งปลั่ง หรือที่เรียกว่า “Skin Booster” ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้น

ข้อควรระวัง: ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส คือผู้ที่มีการติดเชื้อบนผิวหนัง, มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์, กำลังตั้งครรภ์, มีโรคประจำตัวบางชนิด, หรือมีประวัติแพ้ส่วนผสมในตัวยา

บุคคลในกลุ่มต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำเมโสหน้าใส:

  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: เช่น สิวอักเสบรุนแรง หรือมีการติดเชื้ออื่นๆ ในบริเวณที่จะฉีด เพราะการใช้เข็มอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูน (คีลอยด์) หรือแผลหายช้า: การใช้เข็มอาจกระตุ้นให้เกิดแผลเป็นผิดปกติได้
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์: ควรหลีกเลี่ยงการทำเมโสหน้าใส
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune diseases) ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน หรือผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติและรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เพราะมีความเสี่ยงที่แผลจะหายช้า ติดเชื้อง่าย หรือเกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าปกติ
  • ผู้ที่แพ้ส่วนผสมในตัวยา: ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการแพ้ยาหรือส่วนผสมต่างๆ ก่อนทำเสมอ
  • ผู้ที่มีปัญหาสภาพผิวรุนแรง: เช่น ฝ้าลึก หรือแผลเป็นหลุมสิวลึกมาก การทำเมโสหน้าใสอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่าที่ควร และอาจต้องพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่นแทน

ประเภทของเมโสหน้าใส: แบบฉีดและแบบสะกิดต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างที่สำคัญคือ เมโสแบบฉีดจะใช้เข็มฉีดยาฉีดสารละลายลงไปเป็นจุดๆ ในผิวชั้นลึก ขณะที่เมโสแบบสะกิด (Microneedling) จะใช้อุปกรณ์ที่มีเข็มขนาดเล็กจำนวนมากสร้างช่องทางตื้นๆ ทั่วใบหน้าเพื่อให้เซรั่มซึมลงไป

เมโสแบบฉีด (Injection):

  • เทคนิค: ใช้เข็มฉีดยาหรือปืนเมโส (Mesogun) ฉีดตัวยาลงไปเป็นจุดๆ ทำให้สามารถกำหนดตำแหน่งและความลึกได้อย่างแม่นยำ
  • ความลึก: สามารถลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ส่วนกลาง (Mid-dermis) เหมาะสำหรับแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น รอยแผลเป็น หรือฝ้าลึก
  • การออกฤทธิ์: อาศัยฤทธิ์ของตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นหลัก
  • เมโสแบบสะกิด (Microneedling/Tapping):
  • เทคนิค: ใช้อุปกรณ์ที่มีเข็มขนาดเล็กละเอียดจำนวนมากสร้างรูขนาดเล็กๆ ทั่วใบหน้า แล้วทาเซรั่มเพื่อให้ซึมลงไปอย่างสม่ำเสมอทั่วบริเวณ
  • ความลึก: ตัวยาจะซึมลงไปในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ส่วนบน
  • การออกฤทธิ์: นอกจากฤทธิ์ของตัวยาแล้ว การสะกิดยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกันด้วย

เทคนิคการฉีด (Injection) เพื่อผลลัพธ์ที่ชั้นผิวลึก

เทคนิคการฉีดเมโสแบบเป็นจุด (point-by-point) เป็นวิธีที่ใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในชั้นผิวที่ลึกขึ้น โดยแพทย์จะใช้เข็มฉีดยาหรือปืนยิงเมโส (mesogun) ฉีดสารละลายเข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการในชั้นหนังแท้ส่วนกลาง (mid-dermis) หรือชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) วิธีนี้ช่วยให้สามารถส่งตัวยาสำคัญไปยังบริเวณที่มีปัญหาได้อย่างแม่นยำ เช่น รอยแผลเป็น หรือไขมันสะสม

เทคนิคการสะกิด (Tapping) สำหรับการบำรุงผิวชั้นบน

เทคนิคการสะกิด (Tapping) คือเมโสเทอราปีแบบไมโครนีดลิง (Microneedling Mesotherapy) ซึ่งเป็นวิธีการใช้เครื่องมือที่มีเข็มขนาดเล็กจำนวนมากสร้างช่องทางขนาดจิ๋วบนผิวหนัง เพื่อนำพาสารละลายหรือเซรั่มซึมซาบลงสู่ผิวในบริเวณกว้าง

เซรั่มที่ทาลงบนผิวจะซึมผ่านช่องทางขนาดเล็กเหล่านี้เข้าไปยังชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และหนังแท้ส่วนบน (Upper Dermis) นอกจากนี้ การบาดเจ็บเล็กน้อยที่เกิดขึ้นยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย ทำให้เทคนิคนี้สามารถครอบคลุมพื้นที่ผิวได้กว้างและสม่ำเสมอกว่าการฉีดทีละจุด

วิธีเลือกเทคนิคให้เหมาะกับปัญหาผิวและเป้าหมาย

การเลือกเทคนิคเมโสเทอราพี ขึ้นอยู่กับความลึกของปัญหาผิวและเป้าหมายที่ต้องการเป็นหลัก โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด

  • การฉีดแบบจุดต่อจุด (Injection): เหมาะสำหรับปัญหาที่ต้องการความแม่นยำและรักษาในชั้นผิวลึก เช่น รอยแผลเป็น หรือการสลายไขมันเฉพาะที่ เนื่องจากสามารถส่งตัวยาลงไปในชั้นหนังแท้ส่วนกลางได้โดยตรง
  • การใช้เข็มขนาดเล็กทั่วใบหน้า (Microneedling): เหมาะกับการรักษาปัญหาในวงกว้างและผิวชั้นบน เช่น ความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือต้องการความกระจ่างใสทั่วใบหน้า เทคนิคนี้ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกันด้วย
  • การใช้เทคนิคผสมผสาน: ในทางปฏิบัติ แพทย์มักใช้เทคนิคผสมผสานกัน เช่น ฉีดเน้นเฉพาะจุดที่มีปัญหา แล้วตามด้วยการทำ Microneedling ทั่วใบหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุม

ผลลัพธ์และระยะเวลา: ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้งจึงจะเห็นผล

การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้หลังการรักษาครั้งแรก

หลังการรักษาครั้งแรกประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยทั่วไปจะสังเกตเห็นว่า ผิวดูสดชื่นและกระจ่างใสขึ้น

การเปลี่ยนแปลงในช่วงแรกนี้มักเป็นเรื่องความสว่างโดยรวมของผิว หรือที่เรียกว่า “ผิวโกลว์” มากกว่าการลดลงของจุดด่างดำอย่างชัดเจน ซึ่งผลลัพธ์ด้านการลดเม็ดสีที่เห็นได้ชัดมักจะปรากฏหลังการรักษาครั้งที่ 2 หรือ 3 เป็นต้นไป

จำนวนครั้งที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน

โดยทั่วไป แนะนำให้ทำ 3-4 ครั้งสำหรับการปรับผิวให้กระจ่างใสโดยรวม หรือ 5-6 ครั้งสำหรับปัญหาฝ้าและรอยดำที่รักษายาก

ในช่วงแรกควรทำต่อเนื่องทุก 2-4 สัปดาห์ หลังจากจบคอร์สแล้ว แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุกๆ 3-6 เดือนเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ให้ยาวนาน

ผลลัพธ์คงอยู่นานแค่ไหนและการดูแลเพื่อรักษาผล

ผลลัพธ์ของเมโสเทอราปีไม่ได้คงอยู่ถาวร แต่สามารถอยู่ได้นานหลายเดือนหากมีการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ด้านความกระจ่างใสและความฉ่ำวาวของผิวจะคงอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ส่วนการลดเลือนเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ อาจอยู่ได้นาน 3-6 เดือนก่อนที่จะเริ่มกลับมาอีกครั้งหากไม่ได้รับการดูแล

เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ทำทรีตเมนต์ต่อเนื่อง: เข้ารับการทำเมโสเทอราปีเพื่อบำรุงรักษาผลลัพธ์ทุกๆ 3-4 เดือน
  • ป้องกันแสงแดด: การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดเม็ดสีใหม่และคงความกระจ่างใสของผิว
  • ใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม: ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ (เช่น วิตามินซี) หรือสารที่ช่วยลดเลือนเม็ดสี (เช่น ไนอะซินาไมด์) ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ดูแลสุขภาพ: การใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี เช่น ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และจัดการความเครียด จะช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวโดยรวม

ก่อนตัดสินใจฉีดเมโส: ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ควรเลือกคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตและแพทย์ผู้ให้บริการที่ผ่านการฝึกอบรมหรือได้รับการรับรองด้านเมโสเทอราพีโดยเฉพาะ เนื่องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถจัดการกับภาวะแทรกซ้อนและปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกคลินิก ได้แก่

  • ความสะอาดและมาตรฐาน: คลินิกต้องสะอาดและปฏิบัติตามหลักการปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด เช่น ผู้ให้บริการสวมถุงมือ ทำความสะอาดผิวก่อนทำ และใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อหรือแบบใช้แล้วทิ้ง
  • ความน่าเชื่อถือ: ควรเลือกคลินิกมาตรฐานทางการแพทย์ที่มีรีวิวที่ดี แทนการเลือกสถานเสริมความงามที่เน้นราคาถูกเพียงอย่างเดียว
  • ผลิตภัณฑ์ที่ใช้: คลินิกที่น่าเชื่อถือจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และควรเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ได้มาตรฐาน

สูตรยาเมโสที่ใช้: ความปลอดภัยและมาตรฐาน อย.

ความปลอดภัยของเมโสหน้าใสขึ้นอยู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน โดยผู้ใช้บริการควรสอบถามคลินิกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นแบรนด์ใด และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หรือมีเครื่องหมาย CE หรือไม่

คลินิกที่ได้มาตรฐานจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมและแสดงบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ที่ปิดสนิทและมีฉลากชัดเจนได้ ควรระวังคลินิกที่เสนอราคาต่ำกว่าตลาดอย่างมากแต่ไม่สามารถระบุชื่อผลิตภัณฑ์ได้ เนื่องจากอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพหรือเป็นของปลอมซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

กรอบราคาและปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด

โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายสำหรับการทำเมโสหน้าใสในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2,500 ถึง 10,000 บาทต่อครั้ง โดยราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา ได้แก่:

  • ยี่ห้อและคุณภาพของตัวยา: ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศมักมีราคาสูงกว่า
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงอาจมีค่าบริการที่สูงกว่า
  • ระดับการบริการและชื่อเสียงของคลินิก: คลินิกขนาดใหญ่หรือมีชื่อเสียงมักมีราคาสูงกว่า
  • โปรโมชั่นและแพ็กเกจ: การซื้อเป็นคอร์สหรือใช้โปรโมชั่นจะช่วยให้ราคาต่อครั้งถูกลง

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาเมโสหน้าใส

โดยทั่วไปแล้ว การเตรียมตัวที่สำคัญที่สุดก่อนทำเมโสหน้าใสคือ การหยุดยาที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน หรือวาร์ฟาริน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหยุดยาก่อนเข้ารับการรักษา
  • หากมีสิวอักเสบเป็นหนองหรือมีการติดเชื้อบนผิวหนังในบริเวณที่จะทำ ควรทำการรักษาให้หายดีก่อน
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาหรือส่วนผสมต่างๆ เพื่อที่แพทย์อาจพิจารณาทำการทดสอบการแพ้ (patch test) 24 ชั่วโมงก่อนทำ
  • หากใช้ยาทาในกลุ่มเรตินอยด์หรือไฮโดรควิโนน แพทย์อาจแนะนำให้หยุดใช้ชั่วคราวก่อนทำเมโสเพื่อลดการระคายเคือง

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโส

อาการทั่วไปหลังฉีด: รอยแดง บวม และรอยช้ำ

อาการทั่วไปหลังฉีดเมโสหน้าใสคือ รอยแดง บวม และรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง โดยปกติแล้ว อาการหน้าแดงหรือชมพูคล้ายโดนแดดจะหายไปภายใน 1-2 วัน ส่วนรอยช้ำมักเป็นเพียงจุดเล็กๆ และจะจางลงในเวลาไม่กี่วัน นอกจากนี้อาจมีอาการคันหรือเจ็บเล็กน้อยร่วมด้วยได้

สัญญาณผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที

สัญญาณผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ทันทีหลังทำเมโสเทอราพี ได้แก่ อาการติดเชื้อ ปฏิกิริยาภูมิแพ้ หรือการเกิดก้อนนูนแข็งที่ไม่หายไป

  • การติดเชื้อ: สังเกตได้จากอาการบวม แดง ร้อน หรือมีหนองบริเวณที่ฉีด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • ปฏิกิริยาภูมิแพ้: อาจมีอาการผื่นคันรุนแรง ซึ่งแพทย์จะรักษาด้วยยาแก้แพ้หรือสเตียรอยด์
  • ก้อนนูนแข็ง (Granulomas): หากเกิดตุ่มหรือก้อนเล็กๆ ที่คงอยู่นานไม่ยุบไปเอง อาจเป็นปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอมและต้องให้แพทย์รักษา

การดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใสเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลังฉีดเมโสหน้าใส ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า งดแต่งหน้า ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงความร้อนหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามที่สำคัญในช่วง 1-2 วันแรก มีดังนี้:

  • ห้ามสัมผัสผิว: ไม่ควรสัมผัส แกะ เกา หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • งดล้างหน้าและแต่งหน้า: ควรงดล้างหน้าอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง และงดแต่งหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้รอยเข็มปิดสนิท
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน โดยเริ่มทาได้ในวันรุ่งขึ้น
  • งดสกินแคร์ที่มีฤทธิ์รุนแรง: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA), เรตินอล หรือวิตามินซี เป็นเวลา 1-2 วัน
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก: งดการออกกำลังกาย ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อนจัดเป็นเวลา 2 วัน เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการติดเชื้อ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิด เช่น แอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน เป็นเวลา 1-2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสกับไมโครนีดลิ่งต่างกันอย่างไร

การฉีดเมโสคือการใช้เข็มฉีดยาลงไปในผิวหนังชั้นลึกเป็นจุดๆ ในขณะที่ไมโครนีดลิ่ง (Microneedling) คือการใช้เข็มขนาดเล็กจำนวนมากสร้างช่องทางตื้นๆ ทั่วบริเวณกว้างเพื่อให้เซรั่มซึมลงไป ซึ่งทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันในด้านเทคนิค ความลึก และกลไกการทำงาน

คุณสมบัติ การฉีดเมโส (Injection) การสะกิดเมโส (Microneedling)
วิธีการ ใช้กระบอกฉีดยาหรือปืนยิงเมโสฉีดเป็นจุด ใช้อุปกรณ์ที่มีเข็มละเอียดจำนวนมากสร้างช่องทางบนผิว
ความลึก ฉีดลึกถึงชั้นหนังแท้ส่วนกลาง สร้างช่องทางในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ส่วนบน
กลไกหลัก เน้นการออกฤทธิ์ของตัวยาโดยตรง ตัวยาซึมผ่านช่องเล็กๆ และกระตุ้นคอลลาเจนจากการบาดเจ็บ
พื้นที่ เหมาะกับการรักษาเฉพาะจุดที่ต้องการความแม่นยำ ครอบคลุมพื้นที่กว้างอย่างสม่ำเสมอ

หลังฉีดเมโสหน้าใสมีข้อห้ามอะไรบ้าง

ข้อห้ามหลักหลังฉีดเมโสหน้าใสคือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า งดแต่งหน้า งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดผลข้างเคียง

เพื่อการฟื้นฟูผิวที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • ห้ามสัมผัสใบหน้า: ไม่ควรจับ ลูบ หรือเกาบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • งดแต่งหน้า: ควรเว้นการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดล้างหน้า: ไม่ควรล้างหน้าอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อให้รอยเข็มปิดสนิท
  • งดสกินแคร์ที่มีฤทธิ์รุนแรง: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล, AHA, หรือวิตามินซีเข้มข้น ประมาณ 1-2 วัน
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน: ควรงดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อนจัด ประมาณ 2 วัน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน และพยายามหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น แอสไพริน ประมาณ 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ

ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการฉีดครั้งที่ 2 หรือ 3 ซึ่งมักจะสังเกตได้ว่ารอยดำจางลงและสีผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น อย่างไรก็ตาม บางคนอาจรู้สึกว่าผิวดูสดชื่นหรือฉ่ำวาวขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่หลังการฉีดครั้งแรก

สำหรับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน จำนวนครั้งที่แนะนำอาจแตกต่างกันไป

  • เพื่อความกระจ่างใสทั่วไป: แนะนำให้ทำ 3-4 ครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์
  • สำหรับฝ้าหรือรอยดำที่รักษายาก: อาจต้องทำ 5-6 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใสอยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใส อยู่ได้นานหลายเดือน แต่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ถาวร

โดยทั่วไปแล้ว ผิวที่ดูกระจ่างใสฉ่ำวาวจะคงอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ส่วนการลดเลือนเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ก่อนที่เม็ดสีบางส่วนจะเริ่มกลับมา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้ โดยแนะนำให้ฉีดเพื่อบำรุงผิวทุกๆ 3-6 เดือน หากไม่ได้รับการฉีดอย่างต่อเนื่อง ผิวจะค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนการรักษา

การฉีดเมโสหน้าใสเจ็บหรือไม่?

การฉีดเมโสหน้าใส จัดว่าเจ็บน้อยและทนได้ เนื่องจากโดยทั่วไปจะมีการทายาชาเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บก่อนทำหัตถการ ความรู้สึกระหว่างทำมักจะเหมือนโดนเข็มเล็กๆ จิ้มเบาๆ หรือรู้สึกแสบเล็กน้อย ซึ่งผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ให้คะแนนความเจ็บอยู่ที่ประมาณ 2-3 จาก 10 คะแนนเท่านั้น

ฉีดเมโสหน้าใสอันตรายหรือไม่?

การฉีดเมโสหน้าใสถือว่ามีความปลอดภัยสูง เมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง ใช้อุปกรณ์ที่สะอาดปลอดเชื้อ และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่มีคุณภาพ

ผลข้างเคียงที่พบได้ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง เช่น รอยแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่กี่วัน ส่วนความเสี่ยงรุนแรงอย่างการติดเชื้อหรืออาการแพ้เกิดขึ้นได้น้อยมาก การเลือกรักษาในคลินิกที่ได้มาตรฐานและสะอาดจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมาก

References:

  1. National Institute of Health. (n.d.). Mesotherapy for Skin Rejuvenation: Evidence and Practice. NIH. nih.gov
  2. Lippincott Williams & Wilkins (LWW). (n.d.). Mesotherapy in Dermatology: A Review. LWW Journals. lww.com
  3. Wiley Online Library. (n.d.). Clinical Applications of Mesotherapy. Wiley. wiley.com
  4. MDPI. (n.d.). Mesotherapy for Skin Brightening and Rejuvenation. MDPI Journals. mdpi.com
  5. Springer. (n.d.). Advances in Mesotherapy Techniques. Springer. springer.com
  6. ScienceDirect. (n.d.). Mesotherapy: Principles and Applications. ScienceDirect. sciencedirect.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
10 วิธีกู้ผิวคล้ำหมองดำให้ขาวใส ฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน
NextContinue
หน้าแห้งใช้อะไรดี? 3 สเต็ปบูสต์ผิวชุ่มชื้นด้วยไฮยาและเซราไมด์

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube