Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Skincare

ผิวดำแดดกี่วันหาย? รวมวิธีฟื้นฟูรอยคล้ำจากแดดให้กลับมาขาวใส

Byadmin พฤศจิกายน 20, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on พฤศจิกายน 20, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ผิวดำแดดกี่วันหาย? รวมวิธีฟื้นฟูรอยคล้ำจากแดดให้กลับมาขาวใส

รอยดำจากแดดคือการที่ผิวผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันรังสียูวี ซึ่งสามารถฟื้นฟูให้จางลงใน 4-8 สัปดาห์ได้ด้วยการใช้ส่วนผสมอย่างวิตามินซีและไนอะซินาไมด์ หรือการรักษาด้วยเลเซอร์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ.

Table of Contents

Toggle
  • ทำความเข้าใจสาเหตุ: ทำไมผิวถึงคล้ำเสียเมื่อโดนแดด?
  • ผิวคล้ำจากแดดใช้เวลากี่วันจึงจะฟื้นตัวเป็นปกติ?
    • ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพผิว
  • เปรียบเทียบวิธีฟื้นฟูผิวเสียจากแดด: การดูแลด้วยตนเอง vs. การรักษาโดยแพทย์
    • การดูแลเบื้องต้นและวิธีธรรมชาติเมื่อผิวไหม้แดด
    • ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนรอยดำจากแดด
    • การรักษาโดยแพทย์ในคลินิกเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว
  • ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษา
    • การประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาผิวคล้ำเสีย
    • ข้อควรระวังสำหรับสภาพผิวและประเภทผิวที่แตกต่างกัน
    • ความสำคัญของการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงซึ่งอาจทำให้รอยดำจากแดดแย่ลง
  • การป้องกันเชิงรุก: วิธีปกป้องผิวจากแสงแดดในระยะยาว
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาผิวคล้ำเสียจากแดด
    • ดำแดดจะกลับมาขาวเหมือนเดิมได้ไหม?
    • ผิวคล้ำจากแดดใช้เวลากี่วันถึงจะหาย?
    • รอยด่างดำจากแดดเกิดจากอะไร?
    • ควรทำอย่างไรทันทีหลังโดนแดดเผา?
    • การสครับผิวช่วยให้รอยดำแดดหายเร็วขึ้นจริงหรือไม่?
    • มีวิธีป้องกันไม่ให้ผิวกลับไปคล้ำเสียจากแดดอีกหรือไม่?
  • References:

ทำความเข้าใจสาเหตุ: ทำไมผิวถึงคล้ำเสียเมื่อโดนแดด?

ผิวคล้ำเสียเมื่อโดนแดด เนื่องจากการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ให้ผลิตเมลานินเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นกลไกป้องกันผิวจากความเสียหาย โดยรังสียูวีแต่ละชนิดมีผลต่อผิวแตกต่างกัน

  • รังสี UVA: ทำให้ผิวคล้ำขึ้นทันที (Immediate Pigment Darkening) โดยการออกซิไดซ์เมลานินที่มีอยู่แล้ว ทำให้ผิวมีสีน้ำตาลอมเทาอย่างรวดเร็ว
  • รังสี UVB: ทำให้ผิวไหม้แดง (sunburn) และกระตุ้นการสร้างเมลานินใหม่ ซึ่งจะทำให้ผิวคล้ำขึ้นอย่างช้าๆ (Delayed Tanning) ในอีก 2-3 วันถัดมา
  • การอักเสบ: การถูกแดดเผาอย่างรุนแรงจะทำให้ผิวอักเสบ ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดรอยดำหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation หรือ PIH) ตามมาได้

ผิวคล้ำจากแดดใช้เวลากี่วันจึงจะฟื้นตัวเป็นปกติ?

โดยทั่วไปแล้ว ผิวที่คล้ำจากการโดนแดดเพียงครั้งเดียวจะค่อยๆ จางลงในเวลาประมาณ 4–8 สัปดาห์ เนื่องจากเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่คล้ำเสียจะค่อยๆ ผลัดตัวออกไปตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการฟื้นตัวอาจนานกว่านี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและประเภทของรอยดำ:

  • จุดด่างดำเล็กน้อย: อาจใช้เวลา 6–12 เดือนในการจางลงเอง
  • รอยดำหลังผิวไหม้แดด (Post-inflammatory hyperpigmentation): อาจใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือนถึง 2 ปีในการจางหายไปจนหมด

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระยะเวลาคือความลึกของเม็ดสีและอัตราการผลัดเซลล์ผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช้าลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพผิว

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพผิวจากรอยดำคือ ประเภทสีผิวและพันธุกรรม, ความรุนแรงและความลึกของเม็ดสี, อายุ, การได้รับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง และสุขภาพผิวโดยรวม

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อความเร็วในการฟื้นตัวของผิว ดังนี้:

  • ประเภทสีผิวและพันธุกรรม: ผู้ที่มีสีผิวเข้ม (Fitzpatrick types IV–VI) มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยดำที่เข้มและยาวนานกว่าคนผิวขาว
  • ความรุนแรงและความลึกของเม็ดสี: เม็ดสีที่อยู่ในชั้นผิวหนังแท้ (Dermal) จะจางช้ากว่าเม็ดสีที่อยู่บนชั้นหนังกำพร้า (Epidermal) อย่างมาก
  • อายุและอัตราการผลัดเซลล์ผิว: เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ทำให้เซลล์ผิวที่มีเม็ดสีสะสมอยู่บนผิวนานขึ้น
  • การได้รับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง: การโดนแดดซ้ำๆ แม้เพียงเล็กน้อย จะกระตุ้นการผลิตเม็ดสีใหม่และทำให้รอยดำเดิมจางช้าลงอย่างมาก
  • สุขภาพผิวโดยรวม: ผิวที่มีเกราะป้องกันอ่อนแอหรือมีการอักเสบเรื้อรังจะทำให้รอยดำหายช้าลง ในขณะที่ผิวที่แข็งแรงและชุ่มชื้นจะฟื้นตัวได้ดีกว่า

เปรียบเทียบวิธีฟื้นฟูผิวเสียจากแดด: การดูแลด้วยตนเอง vs. การรักษาโดยแพทย์

การดูแลเบื้องต้นและวิธีธรรมชาติเมื่อผิวไหม้แดด

การดูแลผิวไหม้แดดเบื้องต้นคือ การลดอุณหภูมิผิวทันทีด้วยการประคบเย็นหรืออาบน้ำเย็น ตามด้วยการทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นเพื่อปลอบประโลมผิวและลดการอักเสบ การดูแลอย่างรวดเร็วและถูกวิธีจะช่วยลดความเสียหายและป้องกันการเกิดรอยดำหลังการอักเสบได้

คุณสามารถดูแลผิวไหม้แดดเบื้องต้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

  • ประคบเย็น: ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่ไหม้ครั้งละ 15-20 นาที หรืออาบน้ำเย็นเพื่อช่วยระบายความร้อนและลดการอักเสบ
  • ทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น: หลังซับผิวให้แห้งอย่างเบามือ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์หรือเจลว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) เพื่อปลอบประโลมผิวและกักเก็บความชุ่มชื้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ผิวไหม้แดดจะดึงของเหลวออกจากร่างกาย ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ง่าย การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและผิวหนัง
  • รับประทานยาแก้ปวด: หากมีอาการปวดหรือบวม สามารถรับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยลดการอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: ปกป้องผิวบริเวณที่ไหม้แดดไม่ให้โดนแดดซ้ำ โดยการสวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิดจนกว่าผิวจะหายดี

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนรอยดำจากแดด

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนรอยดำจากแดด ได้แก่ วิตามินซี, ไนอะซินาไมด์, อัลฟ่าอาร์บูติน, กรดโคจิก, ทรานเอกซามิก แอซิด, เรตินอยด์ และกรดผลไม้ (AHA/BHA) ส่วนผสมเหล่านี้ทำงานผ่านกลไกที่แตกต่างกันเพื่อทำให้จุดด่างดำจางลงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

  • วิตามินซี (Vitamin C): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเม็ดสีเมลานิน
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยป้องกันการส่งผ่านเม็ดสีเมลานินจากเซลล์สร้างเม็ดสีไปยังเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้รอยดำดูจางลง
  • อัลฟ่าอาร์บูตินและกรดโคจิก (Alpha Arbutin & Kojic Acid): ทั้งสองชนิดทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสเพื่อลดการผลิตเม็ดสี
  • ทรานเอกซามิก แอซิด (Tranexamic Acid): ช่วยยับยั้งการทำงานของพลาสมิน (plasmin) ซึ่งจะไปลดการปล่อยสารกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่เกิดจากการอักเสบ เหมาะสำหรับฝ้าและรอยดำ
  • เรตินอยด์ (Retinoids): อนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวที่มีเม็ดสีส่วนเกินหลุดลอกออกไปเร็วขึ้น
  • กรดผลไม้ (AHAs/BHAs): เช่น กรดไกลโคลิก (glycolic acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่หมองคล้ำออกไป ทำให้รอยดำที่อยู่ตื้นๆ จางลง

การรักษาโดยแพทย์ในคลินิกเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว

การรักษาโดยแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น ได้แก่ การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี, การรักษาด้วยเลเซอร์, IPL และการทำไมโครนีดลิง ซึ่งสามารถลดเลือนจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels): แพทย์จะใช้กรดความเข้มข้นสูง เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) เพื่อกำจัดผิวชั้นบนที่เสียหาย กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ที่เม็ดสีสม่ำเสมอขึ้น โดยทั่วไปต้องทำเป็นชุด 3-6 ครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจน
  • การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser Treatments): ใช้พลังงานแสงที่จำเพาะเจาะจง เช่น Q-switched หรือ Picosecond laser เพื่อทำลายกลุ่มเม็ดสีส่วนเกินให้แตกตัว เหมาะสำหรับจุดด่างดำที่เห็นชัดเจนหรือความเสียหายจากแสงแดดแบบกระจายทั่วใบหน้า
  • การบำบัดด้วยแสง IPL (Intense Pulsed Light): ใช้แสงความเข้มสูงช่วงคลื่นกว้างเพื่อเป้าหมายเม็ดสี ทำให้จุดด่างดำเข้มขึ้นแล้วค่อยๆ หลุดลอกออกภายในหนึ่งสัปดาห์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวค่อนข้างขาว
  • การทำไมโครนีดลิง (Microneedling): ใช้เข็มขนาดเล็กสร้างช่องทางบนผิวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและช่วยให้เซรั่มปรับผิวขาว เช่น วิตามินซีหรือกรดทรานเอกซามิก (Tranexamic acid) ซึมลึกได้ดียิ่งขึ้น เป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษา

การประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาผิวคล้ำเสีย

การประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาผิวคล้ำเสียทำได้โดยการประเมินความลึกของเม็ดสีและขอบเขตของรอยดำ ซึ่งแพทย์ผิวหนังมักใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Wood’s lamp เพื่อช่วยในการวินิจฉัย

การประเมินนี้จะช่วยแยกรอยดำออกเป็น 2 ประเภทหลัก ซึ่งส่งผลต่อการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม:

  • เม็ดสีในชั้นหนังกำพร้า (Epidermal): เป็นรอยดำที่อยู่ตื้น เมื่อส่องด้วย Wood’s lamp จะเห็นรอยดำเข้มขึ้นและมีขอบเขตชัดเจน ซึ่งมักจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาทาและเคมีคอลพีลลิ่งได้ดี
  • เม็ดสีในชั้นหนังแท้ (Dermal): เป็นรอยดำที่อยู่ลึกกว่า เมื่อส่องด้วย Wood’s lamp จะเห็นเป็นสีเทาอมฟ้าหรือดูไม่ชัดเจนขึ้น รอยดำชนิดนี้จะรักษายากกว่าและอาจต้องใช้เลเซอร์หรือการทำหัตถการอื่นๆ

ข้อควรระวังสำหรับสภาพผิวและประเภทผิวที่แตกต่างกัน

ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกวิธีการรักษาที่อ่อนโยนสำหรับผู้ที่มีสีผิวเข้มเพื่อหลีกเลี่ยงรอยดำที่อาจแย่ลง, การงดเว้นการรักษาในผู้ที่มีภาวะผิวหนังบางอย่าง เช่น ผิวอักเสบ หรือกำลังตั้งครรภ์, และการจัดการความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH)

ข้อควรระวังเพิ่มเติมสำหรับสภาพผิวและประเภทผิวที่แตกต่างกัน ได้แก่:

  • สำหรับผิวสีเข้ม: ควรใช้วิธีการที่อ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป (low and slow) เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) ควรหลีกเลี่ยงการรักษาที่รุนแรง เช่น การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดเข้มข้นสูง หรือเลเซอร์ที่ทำลายผิวชั้นบนสุด และอาจต้องมีการเตรียมผิวด้วยยาลดเม็ดสีก่อนทำหัตถการ
  • ข้อห้ามสำหรับการรักษาบางประเภท: ไม่ควรทำการรักษาหากผิวหนังบริเวณนั้นกำลังอักเสบหรือเป็นโรคผิวหนังกำเริบ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมบางชนิด เช่น เรตินอยด์และไฮโดรควิโนน และผู้ที่ใช้ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสงหรือมีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ง่าย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
  • ความเสี่ยงต่อรอยดำหลังการอักเสบ (PIH): การรักษาทุกชนิดที่ทำให้ผิวบาดเจ็บมีความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดรอยดำได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเกิดรอยดำง่าย แพทย์อาจให้ใช้ยาลดเม็ดสีเพื่อเตรียมผิวก่อนทำหัตถการ และจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัดหลังการรักษา
  • การจัดการผิวแพ้ง่ายและอาการแพ้: หากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบ หรือแดง ควรหยุดใช้ทันที เพราะการอักเสบสามารถทำให้รอยดำแย่ลงได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นสิ่งสำคัญ

ความสำคัญของการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การปรึกษาแพทย์ผิวหนังมีความสำคัญเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง วางแผนการรักษาที่ครอบคลุมและปลอดภัย และเพื่อตรวจหามะเร็งผิวหนังที่อาจแฝงอยู่ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญช่วยให้มั่นใจได้ว่าปัญหาผิวที่เป็นอยู่ไม่ใช่รอยโรคที่อันตราย และได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละบุคคล

เหตุผลสำคัญที่ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ได้แก่:

  • การวินิจฉัยที่แม่นยำ: แพทย์สามารถแยกจุดด่างดำทั่วไปออกจากรอยโรคที่อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เช่น ไฝที่ผิดปกติหรือมะเร็งเมลาโนมา
  • การวางแผนการรักษาที่เหมาะสม: แพทย์จะประเมินความลึกและชนิดของเม็ดสี เพื่อวางแผนการรักษาแบบผสมผสานที่ให้ผลลัพธ์ดีและปลอดภัยที่สุด เช่น การใช้ยาทาร่วมกับการทำเลเซอร์หรือการผลัดเซลล์ผิว
  • การเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง: แพทย์สามารถสั่งยาที่มีความเข้มข้นสูงหรือทำการรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป
  • การเฝ้าระวังความผิดปกติ: ในระหว่างการรักษา แพทย์จะคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรอยโรคที่น่าสงสัย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการพัฒนากลายเป็นมะเร็งผิวหนัง

ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงซึ่งอาจทำให้รอยดำจากแดดแย่ลง

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งอาจทำให้รอยดำจากแดดแย่ลง ได้แก่ การขัดผิวรุนแรงเกินไป การป้องกันแสงแดดไม่เพียงพอ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และการแกะเกาผิว การกระทำเหล่านี้มักจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งจะไปส่งสัญญาณให้ผิวผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น

  • การขัดผิวรุนแรงเกินไป: การใช้สครับที่รุนแรงหรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้นบ่อยเกินไปอาจทำลายเกราะป้องกันผิวและทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น
  • การป้องกันแสงแดดไม่เพียงพอ: การไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน หรือไม่ทาซ้ำเมื่ออยู่กลางแจ้ง จะทำให้รังสียูวีกระตุ้นการผลิตเม็ดสีใหม่และทำให้รอยดำที่มีอยู่เข้มขึ้น ซึ่งเป็นการทำลายความคืบหน้าในการรักษา
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำมะนาว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรงจนทำให้ผิวแสบแดง จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดรอยดำหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
  • การแกะหรือทำให้ผิวบาดเจ็บ: การแกะสะเก็ดแผล สิว หรือผิวที่กำลังลอกหลังการทำทรีตเมนต์ จะทำให้เกิดการบาดเจ็บและการอักเสบที่ลึกขึ้น ส่งผลให้ผิวสร้างเม็ดสีส่วนเกินขึ้นมาในบริเวณนั้น

การป้องกันเชิงรุก: วิธีปกป้องผิวจากแสงแดดในระยะยาว

กลยุทธ์หลักในการป้องกันผิวคล้ำเสียจากแสงแดดในระยะยาวคือ การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ การใช้อุปกรณ์ป้องกันทางกายภาพ และการใช้สารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะที่ การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการเกิดจุดด่างดำใหม่และป้องกันไม่ให้จุดด่างดำเดิมกลับมาเข้มขึ้น

  • ครีมกันแดด SPF 30+ ทุกวัน: ควรใช้ครีมกันแดดชนิด Broad-spectrum ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในที่ร่ม และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นฝ้า แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดแบบมีสี (tinted sunscreen) ที่มีส่วนผสมของ iron oxides เพื่อช่วยป้องกันแสงที่มองเห็นได้ (visible light)
  • อุปกรณ์ป้องกันทางกายภาพ: สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และเสื้อผ้าที่ป้องกันรังสียูวี รวมถึงพยายามอยู่ในที่ร่มในช่วงเวลาที่แดดจัดที่สุด (ประมาณ 10.00-16.00 น.)
  • สารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะที่: การใช้เซรั่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี ในตอนเช้าก่อนทาครีมกันแดด จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวีและมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสี
  • การดูแลและติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ: ดูแลผิวอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และพบแพทย์ผิวหนังเป็นประจำเพื่อตรวจสภาพผิวและรับคำแนะนำในการป้องกันที่เหมาะสม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาผิวคล้ำเสียจากแดด

ดำแดดจะกลับมาขาวเหมือนเดิมได้ไหม?

ได้, ผิวที่คล้ำเสียจากแดดสามารถกลับมามีสีเหมือนเดิมได้ แต่ต้องอาศัยเวลาและการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ

โดยทั่วไป รอยคล้ำที่ไม่รุนแรงมักจะจางลงได้เองภายใน 6-12 เดือน หากหลีกเลี่ยงการโดนแดดอย่างสม่ำเสมอ แต่หากเม็ดสีสะสมอยู่ในชั้นผิวที่ลึก อาจใช้เวลานานหลายปีหรืออาจต้องใช้การรักษาเข้าช่วย สิ่งสำคัญที่สุดในระหว่างการฟื้นฟูคือการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวและป้องกันไม่ให้รอยคล้ำเข้มขึ้น

ผิวคล้ำจากแดดใช้เวลากี่วันถึงจะหาย?

โดยทั่วไปแล้ว ผิวคล้ำจากแดดจะค่อยๆ จางลงและกลับสู่สภาพเดิมในเวลาประมาณ 4–8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามวงจรการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงและประเภทของรอยคล้ำ:

  • รอยคล้ำตื้นๆ หรือผิวแทน (Superficial tan): ใช้เวลาประมาณ 4–8 สัปดาห์
  • จุดด่างดำที่ไม่รุนแรง (Mild sun spots): อาจใช้เวลา 6–12 เดือนจึงจะจางลงเอง
  • รอยดำหลังการอักเสบจากแดดเผา (Post-inflammatory hyperpigmentation): อาจใช้เวลานานตั้งแต่ 3 เดือนถึง 2 ปี

ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อระยะเวลา ได้แก่ อายุ (ผิวที่อายุน้อยกว่าจะฟื้นตัวเร็วกว่า) ความลึกของเม็ดสี และการป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

รอยด่างดำจากแดดเกิดจากอะไร?

รอยด่างดำจากแดด เกิดจากการที่รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) กระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นกลไกป้องกันผิวหนังจากแสงแดด

กระบวนการนี้เกิดขึ้นผ่านกลไกหลัก 2 รูปแบบ:

  • รังสี UVA ทำให้เม็ดสีเมลานินที่มีอยู่แล้วในผิวหนังมีสีเข้มขึ้นทันที (Immediate Pigment Darkening)
  • รังสี UVB ทำให้เกิดอาการแดดเผา (sunburn) และกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินใหม่ ซึ่งจะทำให้ผิวคล้ำขึ้นในอีก 2-3 วันต่อมา (Delayed Tanning)

นอกจากนี้ การอักเสบของผิวหนังจากการโดนแดดเผาอย่างรุนแรงก็สามารถกระตุ้นให้เกิดรอยดำหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) ได้เช่นกัน

ควรทำอย่างไรทันทีหลังโดนแดดเผา?

สิ่งที่ควรทำทันทีหลังโดนแดดเผาคือ การลดอุณหภูมิผิวและให้ความชุ่มชื้นโดยเร็วที่สุด เพื่อลดการอักเสบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ขั้นตอนการดูแลผิวทันทีหลังโดนแดดเผามีดังนี้:

  1. ลดอุณหภูมิผิว: อาบน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำแข็ง) หรือใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่ไหม้เป็นเวลา 15-20 นาทีเพื่อช่วยลดความร้อน
  2. ทามอยส์เจอไรเซอร์: หลังจากซับผิวเบาๆ ให้ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือเจลว่านหางจระเข้ทันทีในขณะที่ผิวยังหมาดๆ เพื่อช่วยปลอบประโลมและกักเก็บความชุ่มชื้น
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ผิวไหม้แดดจะดึงของเหลวออกจากร่างกาย จึงควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  4. หลีกเลี่ยงแสงแดด: ปกป้องผิวบริเวณที่ไหม้แดดไม่ให้โดนแดดซ้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะหายดี
  5. ลดการอักเสบ: สามารถรับประทานยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เช่น ไอบูโพรเฟน เพื่อช่วยลดอาการปวด บวม และแดงได้

การสครับผิวช่วยให้รอยดำแดดหายเร็วขึ้นจริงหรือไม่?

ไม่จริง และอาจทำให้รอยดำแย่ลงได้ เนื่องจากการสครับผิวที่รุนแรงเกินไปจะทำลายเกราะป้องกันผิวและก่อให้เกิดการอักเสบ ซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเมลานินออกมามากขึ้น ทำให้รอยดำเข้มขึ้นกว่าเดิม

หากต้องการเร่งการผลัดเซลล์ผิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเคมี (Chemical Exfoliants) เช่น AHA ที่มีความอ่อนโยนและควบคุมได้ดีกว่าการขัดถูโดยตรง

มีวิธีป้องกันไม่ให้ผิวกลับไปคล้ำเสียจากแดดอีกหรือไม่?

มี วิธีป้องกันไม่ให้ผิวกลับไปคล้ำเสียจากแดดได้ โดยหัวใจสำคัญคือการป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้จุดด่างดำกลับมาใหม่

กลยุทธ์หลักในการป้องกันระยะยาว ได้แก่:

  • ใช้ครีมกันแดดทุกวัน: ควรใช้ครีมกันแดดชนิด Broad-spectrum ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในที่ร่ม และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันทางกายภาพ: สวมหมวกปีกกว้าง เสื้อผ้าแขนยาว หรือกางร่ม เพื่อสร้างเกราะป้องกันรังสียูวีอีกชั้นหนึ่ง
  • ใช้สกินแคร์เพื่อการบำรุงและป้องกัน: การใช้สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี ในตอนเช้าจะช่วยป้องกันความเสียหายจากรังสียูวี และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีอย่างต่อเนื่อง (เช่น กรดอะซีลาอิก หรือเรตินอยด์) จะช่วยควบคุมไม่ให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. และงดการแกะหรือเกาผิว เพื่อป้องกันการอักเสบที่อาจกระตุ้นให้เกิดรอยดำได้

References:

  1. American Academy of Dermatology. (2025). How to fade dark spots in darker skin tones. aad.org
  2. Bernerd, F., Passeron, T., Castiel, I., & Marionnet, C. (2022). The Damaging Effects of Long UVA (UVA1) Rays: A Major Challenge to Preserve Skin Health and Integrity. International Journal of Molecular Sciences. mdpi.com
  3. Cleveland Clinic. (2025). 8 Hot Tips for Sunburn Relief. health.clevelandclinic.org
  4. Jaros-Sajda, A., Budzisz, E., & Erkiert-Polguj, A. (2024). Ascorbic Acid Treatments as Effective and Safe Anti-Aging Therapies for Sensitive Skin. Antioxidants. mdpi.com
  5. MDPI. (2024). Mechanistic Insights into the Multiple Functions of Niacinamide: Therapeutic Implications and Cosmeceutical Applications. MDPI (Basel). mdpi.com
  6. Mayo Clinic. (2023). Laser resurfacing – Risks and Results. mayoclinic.org

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
แต่งหน้าไม่ติดแก้ยังไง? แชร์เทคนิคสำหรับคนผิวแห้ง ผิวมันและผิวผสม

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube