Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Skincare

ผิวแพ้ง่ายคืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้ผิวแข็งแรง

Byadmin ธันวาคม 14, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ธันวาคม 14, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้ผิวแข็งแรง

ผิวแพ้ง่าย คือภาวะที่ผิวหนังตอบสนองไวต่อสิ่งกระตุ้นจนเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย

ผิวแพ้ง่ายคือกลุ่มอาการทางประสาทสัมผัสที่ผิวหนังรู้สึกไม่สบาย เช่น แสบร้อน คัน หรือรู้สึกยิบๆ เมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยที่ไม่ควรทำให้เกิดการระคายเคือง โดยผิวภายนอกอาจดูเป็นปกติและไม่มีร่องรอยการอักเสบที่มองเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะมีอาการดังกล่าวก็ตาม (Definition of sensitive skin: expert position paper, Acta Dermato-Venereologica, 2017)

Table of Contents

Toggle
  • เช็คลิสต์อาการผิวแพ้ง่าย สัญญาณเตือนที่ผิวบอกคุณ
    • ผิวแห้ง แดง และคันยิบๆ
    • เป็นผื่นแพ้และระคายเคืองง่าย
    • แสบหน้าเมื่อโดนแดดหรือสารเคมี
  • สาเหตุที่ทำให้ผิวบอบบางและแพ้ง่ายเกิดจากอะไร?
    • ปัจจัยภายใน: พันธุกรรมและโรคภูมิแพ้ผิวหนัง
    • ปัจจัยภายนอก: สภาพอากาศ มลภาวะ และฝุ่นละออง
    • พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
    • การใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่มีสารเคมีรุนแรง
  • วิธีดูแลและรักษาผิวแพ้ง่ายให้กลับมาสุขภาพดี
    • หลักการเลือกสกินแคร์และมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย
    • การล้างหน้าและทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี
    • การทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี
  • ผิวแพ้ง่ายรักษาไม่หาย ควรทำอย่างไร?
    • การปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
    • โปรแกรมฟื้นฟูโครงสร้างผิวและเสริมเกราะป้องกันผิวในคลินิก
  • ส่วนผสมในเครื่องสำอางที่คนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาผิวแพ้ง่าย

เช็คลิสต์อาการผิวแพ้ง่าย สัญญาณเตือนที่ผิวบอกคุณ

ผิวแห้ง แดง และคันยิบๆ

อาการผิวแห้ง แดง และคันยิบๆ เป็นลักษณะสำคัญของ ภาวะผิวแพ้ง่าย (sensitive skin) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความรู้สึกไม่สบายผิว เช่น แสบ ร้อน คัน หรือรู้สึกยิบๆ เมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยที่ปกติไม่ควรทำให้เกิดการระคายเคือง

สาเหตุหลักมาจาก 2 ปัจจัยร่วมกัน คือ

  • เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ: ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น (ผิวแห้ง) และเปิดทางให้สารระคายเคืองจากภายนอกเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
  • ระบบประสาทในผิวหนังไวต่อสิ่งกระตุ้น: เส้นประสาทที่ผิวหนังมีการตอบสนองไวกว่าปกติ ทำให้เกิดความรู้สึกแสบ คัน หรือยิบๆ ได้ง่าย แม้จะถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อย (Definition of sensitive skin: expert position paper, Acta Dermato-Venereologica, 2017)

เป็นผื่นแพ้และระคายเคืองง่าย

ผิวแพ้ง่ายคือกลุ่มอาการทางความรู้สึก ที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น แสบ แสบร้อน คัน หรือตึงผิว เมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยที่ไม่ควรทำให้เกิดการระคายเคือง แม้ผิวอาจดูเป็นปกติ แต่ก็อาจมีอาการแดงปรากฏขึ้นมาชั่วคราวได้ ซึ่งมีสาเหตุหลักจากเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอลงและการทำงานของเส้นประสาทที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ (Definition of sensitive skin: expert position paper, Acta Dermato-Venereologica, 2017)

แสบหน้าเมื่อโดนแดดหรือสารเคมี

อาการแสบหน้าเมื่อโดนแดดหรือสารเคมีเป็นลักษณะของภาวะผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) ซึ่งเป็นภาวะที่ผิวหนังตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ มากกว่าปกติ โดยมีสาเหตุหลักมาจากเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอและระบบประสาทรับความรู้สึกของผิวที่ทำงานไวเกินไป

  • เกราะป้องกันผิวบกพร่อง: ทำให้สารก่อความระคายเคืองจากภายนอก เช่น สารเคมีในเครื่องสำอางหรือรังสียูวี สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
  • ระบบประสาทผิวหนังไวต่อการกระตุ้น: ปลายประสาทในผิวหนังจะส่งสัญญาณความรู้สึกแสบร้อน คัน หรือยิบๆ ได้ง่ายกว่าปกติ แม้จะสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

สาเหตุที่ทำให้ผิวบอบบางและแพ้ง่ายเกิดจากอะไร?

ผิวบอบบางแพ้ง่ายเกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกร่วมกัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอและระบบประสาทที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ

ปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ได้แก่:

  • พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น ผิวหนังอักเสบ (Eczema) หอบหืด หรือแพ้อากาศ มีแนวโน้มที่จะมีผิวแพ้ง่ายมากกว่าคนทั่วไป
  • เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ: เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ที่ถูกทำลายหรือมีระดับเซราไมด์ (Ceramide) ต่ำ จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและไวต่อการระคายเคืองจากสารก่อภูมิแพ้และมลภาวะได้ง่าย
  • ปัจจัยแวดล้อม: สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น อากาศเย็นและแห้ง ความร้อน รังสียูวี และมลภาวะในเมืองอย่างฝุ่น PM2.5 ล้วนเป็นตัวกระตุ้นที่ทำร้ายเกราะป้องกันผิว
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต: ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การล้างหน้าบ่อยเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง เช่น แอลกอฮอล์หรือน้ำหอม รวมถึงการรับประทานอาหารรสจัดและดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนกระตุ้นให้ผิวอ่อนแอลงได้
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง เช่น ช่วงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ สามารถส่งผลให้ผิวมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

ปัจจัยภายใน: พันธุกรรมและโรคภูมิแพ้ผิวหนัง

พันธุกรรมและประวัติการเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังเป็นปัจจัยเสี่ยงภายในที่สำคัญสำหรับผิวแพ้ง่าย ผู้ที่มีประวัติส่วนตัวหรือคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ (Atopy) เช่น ผิวหนังอักเสบ (Eczema) หอบหืด หรือไข้ละอองฟาง มีแนวโน้มที่จะมีผิวแพ้ง่ายสูงกว่าคนทั่วไปเกือบ 3 เท่า นอกจากนี้ การกลายพันธุ์ของยีนฟิแลกกริน (Filaggrin gene – FLG) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ยังส่งผลให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอและผิวแห้งแพ้ง่าย แม้จะไม่มีอาการของโรคผิวหนังอักเสบก็ตาม (Determinants of self-perceived sensitive skin in UK population, Clin Cosmet Invest Dermatol, 2021)

ปัจจัยภายนอก: สภาพอากาศ มลภาวะ และฝุ่นละออง

สภาพอากาศที่รุนแรงและมลภาวะทางอากาศเป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญซึ่งกระตุ้นและทำให้อาการผิวแพ้ง่ายแย่ลง โดยปัจจัยเหล่านี้จะทำลายเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ

  • สภาพอากาศ: อากาศที่เย็นและแห้งจะเพิ่มการสูญเสียน้ำออกจากผิว (TEWL) ทำให้ผิวแห้งและไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น ในขณะที่ความร้อนและรังสียูวี (UV) สามารถกระตุ้นตัวรับความรู้สึกเจ็บปวดและสร้างอนุมูลอิสระที่ทำลายเกราะป้องกันผิว
  • มลภาวะและฝุ่นละออง: ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนัง ทำลายไขมันในชั้นผิว และกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการคัน แสบ และระคายเคืองเพิ่มขึ้น (Factors influencing sensitive skin: Built environment review, Front. Public Health, 2023)

พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

ความเครียดเรื้อรังและการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผิวแพ้ง่ายมีอาการกำเริบ โดยทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงและระบบประสาทผิวหนังตอบสนองไวขึ้น ความเครียดจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลและสารสื่อประสาทที่ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ในขณะที่การนอนหลับไม่เพียงพอ (น้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน) จะเพิ่มการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง (TEWL) และขัดขวางกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติในเวลากลางคืน ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายขึ้น (Factors influencing sensitive skin: Built environment review, Front. Public Health, 2023)

การใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่มีสารเคมีรุนแรง

การใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่มีสารเคมีรุนแรงอาจทำให้ผิวหนังเกิดภาวะไวต่อการกระตุ้น (sensitized skin) ซึ่งเป็นภาวะที่เกราะป้องกันผิวถูกทำลายชั่วคราว ทำให้ผิวตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ง่ายขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง เช่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป, การใช้สบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง, สารทำความสะอาดที่รุนแรง (เช่น Sodium Lauryl Sulfate หรือ SLS), น้ำหอม และสารกันเสียบางชนิด จะไปทำลายไขมันตามธรรมชาติและเกราะป้องกันผิว (skin barrier) ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบ แดง หรือระคายเคืองได้ง่าย ภาวะนี้แตกต่างจากผิวแพ้ง่าย (sensitive skin) ที่เป็นลักษณะโดยกำเนิด เนื่องจากผิวที่ไวต่อการกระตุ้นสามารถฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงได้หากหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นและดูแลเกราะป้องกันผิวอย่างถูกวิธี (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้ผิวแข็งแรง Infographic

วิธีดูแลและรักษาผิวแพ้ง่ายให้กลับมาสุขภาพดี

การดูแลผิวแพ้ง่ายให้กลับมาสุขภาพดีคือการเน้นทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน เพิ่มความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ให้น้อยชิ้นที่สุด (Minimalist) เพื่อลดความเสี่ยงในการระคายเคืองและช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว

แนวทางการปฏิบัติที่สำคัญมีดังนี้:

  • การทำความสะอาด: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน (Syndet) มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว (pH 5.5) และล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติไม่เกินวันละ 2 ครั้ง
  • การเพิ่มความชุ่มชื้น: ทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้าเพื่อล็อกความชุ่มชื้น โดยเลือกสูตรที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น มีส่วนผสมของเซราไมด์ (Ceramides), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือแพนทีนอล (Panthenol)
  • การปกป้องผิวจากแสงแดด: ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยแนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดชนิด Physical (Mineral) ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซึ่งมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่า
  • การหลีกเลี่ยงสารระคายเคือง: ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

หลักการเลือกสกินแคร์และมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย

หลักการสำคัญคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน มีส่วนผสมน้อยชนิด ปราศจากสารระคายเคือง และเน้นการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ซึ่งทำได้โดยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยซ่อมแซมและปลอบประโลมผิว พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ทราบกันดีว่าก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย

  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน มีค่า pH สมดุล (ประมาณ 5.5) และหลีกเลี่ยงสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ควรล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้งด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
  • มอยเจอร์ไรเซอร์: เลือกสูตรที่อุดมด้วยไขมันที่จำเป็นต่อผิว (Physiologic lipids) เช่น เซราไมด์, คอเลสเตอรอล และกรดไขมัน รวมถึงสารให้ความชุ่มชื้น (Humectants) เช่น กลีเซอรีน และไฮยาลูรอนิกแอซิด ส่วนผสมอย่างไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และแพนทีนอล (Panthenol) จะช่วยปลอบประโลมและซ่อมแซมผิวได้ดี
  • หลักการ “Less is More”: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีรายการส่วนผสมสั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้หรือระคายเคือง และควรเป็นสูตรปราศจากน้ำหอมและสี
  • ครีมกันแดด: แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เนื่องจากมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่าชนิดเคมี (Chemical sunscreen)
  • ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มักก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม (รวมถึงน้ำมันหอมระเหย), แอลกอฮอล์ (Alcohol denat.), สารผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง (เช่น AHA/BHA ความเข้มข้นสูง) และสารทำความสะอาดอย่างโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

การล้างหน้าและทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวแพ้ง่ายอย่างถูกวิธีคือการล้างหน้าอย่างอ่อนโยนเพื่อรักษาเกราะป้องกันผิว ซึ่งสามารถทำได้โดยปฏิบัติตามหลักการต่อไปนี้

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน มีค่า pH ประมาณ 5.5 ซึ่งใกล้เคียงกับผิว และหลีกเลี่ยงสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
  • จำกัดความถี่: ล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น) เนื่องจากการล้างบ่อยเกินไปจะทำลายเกราะป้องกันผิวและทำให้ผิวแห้ง
  • ใช้น้ำอุณหภูมิปกติ: ควรใช้น้ำอุ่นเล็กน้อยหรือน้ำอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงน้ำร้อนจัดเพราะจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • ทำความสะอาดอย่างเบามือ: ใช้ปลายนิ้วนวดทำความสะอาดผิวเบาๆ ประมาณ 30 วินาที และใช้ผ้านุ่มๆ ซับหน้าให้แห้งแทนการถูแรงๆ (American Academy of Dermatology, 2019)

การทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี

สำหรับผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดชนิดมิเนอรัล (Physical) ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เนื่องจากมีความอ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยครีมกันแดดชนิดนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันบนผิวหนังเพื่อสะท้อนรังสียูวี ซึ่งต่างจากครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical) ที่มีส่วนผสมบางอย่าง เช่น ออกซีเบนโซน (Oxybenzone) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแสบหรือแพ้ได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA/UVB (Broad-Spectrum) และมีค่า SPF 30 ขึ้นไป โดยเลือกสูตรที่ปราศจากน้ำหอมและมีส่วนผสมน้อยที่สุด (American Academy of Dermatology, 2019)

ผิวแพ้ง่ายรักษาไม่หาย ควรทำอย่างไร?

หากดูแลผิวแพ้ง่ายด้วยตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง แพทย์จะช่วยประเมินอาการเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึง:

  • การวินิจฉัยแยกโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรคโรซาเชีย (Rosacea) หรือโรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)
  • การทำ Patch Test เพื่อค้นหาสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นตัวกระตุ้นอาการ
  • การพิจารณาใช้ยาหรือการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น การใช้ยาเฉพาะที่ หรือการฉายแสง LED เพื่อลดการอักเสบและฟื้นฟูผิว (Sensitive skin syndrome: Research progress on mechanisms and applications, J. Dermatol. Sci. & Cosmet. Technol., 2024)

การปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง

ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่ออาการแพ้รุนแรง ต่อเนื่อง หรือไม่ดีขึ้น แม้จะดูแลผิวอย่างอ่อนโยนแล้วก็ตาม รวมถึงกรณีที่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีรอยแดงเป็นเวลานาน ผิวลอกเป็นขุย หรือมีตุ่มคล้ายสิว แพทย์จะช่วยวินิจฉัยแยกโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรซาเชีย (Rosacea) หรือโรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) และอาจทำการทดสอบภูมิแพ้ด้วยการแปะผิวหนัง (Patch Test) เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง (Occurrence of allergens in cosmetics for sensitive skin, MDPI Cosmetics, 2022)

โปรแกรมฟื้นฟูโครงสร้างผิวและเสริมเกราะป้องกันผิวในคลินิก

โปรแกรมฟื้นฟูและเสริมเกราะป้องกันผิวในคลินิกสำหรับผิวแพ้ง่ายมักประกอบด้วย การฉายแสง LED, การทำทรีตเมนต์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว, และการใช้เลเซอร์พลังงานต่ำ ทรีตเมนต์เหล่านี้มุ่งเน้นการลดการอักเสบและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม

  • การฉายแสง LED (LED Light Therapy): โดยเฉพาะแสงสีแดง (630 นาโนเมตร) ซึ่งมีผลการศึกษาว่าช่วยลดการอักเสบและปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิว
  • ทรีตเมนต์ปลอบประโลมผิว (Soothing Facials): มักประกอบด้วยการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน การใช้มาสก์เย็น เช่น มาสก์ข้าวโอ๊ตหรืออัลจิเนต (alginate) เพื่อลดรอยแดง และการนวดด้วยเซรั่มที่มีส่วนผสมของเซราไมด์
  • เลเซอร์พลังงานต่ำ (Low-Level Laser Therapy): การใช้เลเซอร์ชนิดไม่ทำให้เกิดแผล เช่น Pulsed Dye Laser ที่การตั้งค่าพลังงานต่ำ เพื่อช่วยลดรอยแดง
  • การผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน (Mild Peels): การใช้กรดแลคติก (lactic acid) ที่ความเข้มข้นต่ำ (เช่น 20%) สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ได้หากทำอย่างระมัดระวัง (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

ส่วนผสมในเครื่องสำอางที่คนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง

ส่วนผสมหลักที่คนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงคือน้ำหอม สารกันเสียบางชนิด และสารทำความสะอาดที่รุนแรง เนื่องจากส่วนผสมเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเกราะป้องกันผิว

ส่วนผสมอื่น ๆ ที่ควรระมัดระวัง ได้แก่:

  • น้ำหอมและน้ำมันหอมระเหย (Fragrance and Essential Oils): เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการระคายเคืองและอาการแพ้
  • แอลกอฮอล์ชนิดที่ทำให้ผิวแห้ง (Drying Alcohols): เช่น Alcohol Denat. ซึ่งมักพบในโทนเนอร์ สามารถทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้
  • สารทำความสะอาดที่รุนแรง (Harsh Surfactants): โดยเฉพาะ Sodium Lauryl Sulfate (SLS) ซึ่งสามารถชะล้างไขมันตามธรรมชาติของผิวออกไป
  • สารกันเสียบางชนิด (Certain Preservatives): เช่น Methylisothiazolinone (MI) และสารในกลุ่มที่ปล่อยฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde-releasers)
  • สารเคมีในครีมกันแดดบางชนิด (Certain Chemical Sunscreen Filters): เช่น Oxybenzone และ Avobenzone อาจทำให้เกิดอาการแสบผิวได้
  • กรดผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Acids): เช่น AHA และ BHA ที่มีความเข้มข้นสูง อาจรุนแรงเกินไปสำหรับผิวแพ้ง่าย (Occurrence of allergens in cosmetics for sensitive skin, MDPI Cosmetics, 2022)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่ายคือภาวะที่ผิวหนังมีความรู้สึกไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ ซึ่งมักแสดงออกผ่านความรู้สึกไม่สบายผิว เช่น แสบ คัน หรือตึงผิว โดยที่ผิวภายนอกอาจดูเป็นปกติ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะนี้มีดังนี้

  • ผิวแพ้ง่ายคืออะไร?

เป็นภาวะที่ผิวหนังเกิดความรู้สึกไม่สบาย เช่น แสบร้อน, คันยิบๆ, หรือปวด เมื่อเจอกับสิ่งกระตุ้นที่โดยปกติแล้วไม่ควรทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งผิวภายนอกอาจไม่มีร่องรอยความผิดปกติที่มองเห็นได้ชัดเจน

  • อะไรคือสาเหตุของผิวแพ้ง่าย?

เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม (โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้), เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ (มีเซราไมด์น้อย), และระบบประสาทรับความรู้สึกของผิวที่ไวเกินไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นได้ เช่น สภาพอากาศ, มลภาวะ, ความเครียด, การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบางชนิด

  • อาการของผิวแพ้ง่ายเป็นอย่างไร?

อาการหลักคือความรู้สึกไม่สบายผิว เช่น แสบร้อน, คันยิบๆ, รู้สึกตึงผิว หรือคัน ในบางครั้งอาจมีอาการแดงปรากฏขึ้นชั่วคราวหลังสัมผัสสิ่งกระตุ้น แต่ผิวจะกลับมาดูปกติเมื่ออาการหายไป

  • ควรดูแลผิวแพ้ง่ายอย่างไร?
    • ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว (ประมาณ 5.5) และล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนจนเกินไป
    • ให้ความชุ่มชื้น: เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ซึ่งมีส่วนผสมของเซราไมด์ (Ceramides), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือแพนทีนอล (Panthenol)
    • ปกป้องผิวจากแสงแดด: ควรใช้ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Mineral Sunscreen) ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) หรือไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เป็นประจำทุกวัน
    • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม, แอลกอฮอล์ และสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง (Mechanisms of sensitive skin and soothing effects of actives: A review, MDPI Cosmetics, 2024)

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
โรคโรซาเซีย (Rosacea) คืออะไร: อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube