Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Skincare

ผิวแห้งขาดวิตามินอะไร? รวม 5 สารอาหารจำเป็นที่ผิวต้องการ

Byadmin ตุลาคม 14, 2025ตุลาคม 14, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 14, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ผิวแห้งขาดวิตามินอะไร? รวม 5+ สารอาหารจำเป็นที่ผิวต้องการ

ผิวแห้งมาก ขาดวิตามินอะไร เป็นภาวะที่บ่งชี้ได้ว่าร่างกายอาจกำลังต้องการสารอาหารจำเป็นกว่า 5 ชนิดเพื่อซ่อมแซมผิว ซึ่งแพทย์แนะนำให้ดูแลจากภายในด้วยอาหารที่มีวิตามิน A และ C ควบคู่กับการบำรุงภายนอกด้วยครีมที่มีส่วนผสมของยูเรียหรือกรดแลคติกความเข้มข้น 5–12% เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้น

Table of Contents

Toggle
  • เช็กสัญญาณ: ผิวแห้งแบบไหนที่อาจเกิดจากการขาดวิตามิน
  • 5 วิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้ง
    • 1. วิตามิน A: ช่วยซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวใหม่
    • 2. วิตามิน C: กระตุ้นคอลลาเจนและป้องกันอนุมูลอิสระ
    • 3. วิตามิน E: เติมความชุ่มชื้นและเป็นเกราะป้องกันผิว
    • 4. วิตามิน D: เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิว
    • 5. สังกะสี (Zinc): ควบคุมการผลิตน้ำมันและลดการอักเสบ
    • กรดไขมันจำเป็น (Omega-3): กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ผิวแห้งไม่ได้เกิดจากการขาดวิตามินเสมอไป: สาเหตุอื่นที่ควรทราบ
  • แนวทางการดูแลผิวแห้งให้ได้ผล: จากอาหารสู่การบำรุง
    • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
    • การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม
    • อาหารเสริม: จำเป็นแค่ไหนและควรเลือกอย่างไร
  • อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดปัญหาผิวแห้ง
  • เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิวแห้งรุนแรง
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินและผิวแห้ง
    • ขาดสารอาหารอะไรทำให้ผิวแห้ง?
    • กินวิตามินอะไรช่วยให้ผิวชุ่มชื้น?
    • ผิวแห้งมากเกิดจากสาเหตุอื่นได้หรือไม่?
    • อาหารชนิดใดที่คนผิวแห้งควรหลีกเลี่ยง?
    • จำเป็นต้องทานวิตามินเสริมเพื่อแก้ผิวแห้งหรือไม่?
    • การทาครีมอย่างเดียวเพียงพอสำหรับแก้ผิวแห้งหรือไม่?
  • References:

เช็กสัญญาณ: ผิวแห้งแบบไหนที่อาจเกิดจากการขาดวิตามิน

ผิวแห้งที่เกิดจากการขาดวิตามินมักมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ใช่แค่ผิวแห้งเพียงอย่างเดียว และมักมีลักษณะเป็นผื่นในตำแหน่งที่จำเพาะซึ่งแตกต่างจากผิวแห้งทั่วไป

สัญญาณที่บ่งชี้ว่าผิวแห้งอาจมาจากการขาดสารอาหาร ได้แก่:

  • การขาดวิตามินเอ: นอกจากผิวแห้งสากคล้ายหนังคางคก (phrynoderma) แล้ว มักมีอาการตาบอดกลางคืนร่วมด้วย
  • การขาดสังกะสี (Zinc): มักเกิดผื่นแดงลอกเป็นขุยรอบปาก จมูก หรือทวารหนัก ร่วมกับผมร่วงและท้องเสีย
  • การขาดธาตุเหล็ก: อาจพบอาการผมร่วง เล็บเปราะบางมีลักษณะคล้ายช้อน (koilonychia) และอ่อนเพลียร่วมกับผิวแห้ง
  • การขาดวิตามินบี (เช่น ไนอะซิน): ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบในบริเวณที่โดนแสงแดด

5 วิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้ง

1. วิตามิน A: ช่วยซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวใหม่

วิตามินเอจำเป็นต่อการรักษาสุขภาพผิวให้เป็นปกติ โดยการขาดวิตามินเออาจทำให้ผิวแห้งเป็นขุยและมีลักษณะคล้าย “ผิวคางคก” (phrynoderma) ในทางกลับกัน การได้รับวิตามินเอมากเกินไปก็สามารถทำให้ผิวแห้งลอก ริมฝีปากแตก และผมร่วงได้เช่นกัน

2. วิตามิน C: กระตุ้นคอลลาเจนและป้องกันอนุมูลอิสระ

จากข้อมูลที่ให้มา วิตามินซี มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเกราะป้องกันความชุ่มชื้นของผิว ลดความเสี่ยงของผิวแห้ง และจำเป็นต่อการสมานแผล

วิตามินซีช่วยเพิ่มการสังเคราะห์ไขมันที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวและลดการสูญเสียน้ำออกจากผิวหนัง (TEWL) การบริโภควิตามินซีในปริมาณที่สูงขึ้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของภาวะผิวแห้ง นอกจากนี้ วิตามินซียังทำงานร่วมกับวิตามินอีเพื่อช่วยปกป้องเกราะป้องกันผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น โดยการเสริมวิตามินซีอาจช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นและเนื้อสัมผัสของผิวได้เล็กน้อย

3. วิตามิน E: เติมความชุ่มชื้นและเป็นเกราะป้องกันผิว

วิตามินอีช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวโดยทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น (emollient) และช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว การใช้วิตามินอีในรูปแบบทาภายนอก เช่น ในน้ำมันหรือครีมบำรุงผิว เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวนุ่มขึ้น นอกจากนี้ วิตามินอียังทำงานร่วมกับวิตามินซีได้ดีเพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว

แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ได้รับวิตามินอีจากอาหารหรือวิตามินรวมในปริมาณต่ำ และเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอีเพื่อผลลัพธ์โดยตรงต่อผิวหนัง เนื่องจากการรับประทานวิตามินอีในปริมาณสูงไม่แสดงให้เห็นประโยชน์เพิ่มเติมต่อผิวและอาจมีความเสี่ยงได้

4. วิตามิน D: เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิว

วิตามินดีช่วยสนับสนุนสุขภาพผิวโดยรวม โดยอาจช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งที่เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินดีหรือโรคผิวหนังอักเสบ (eczema)

งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเสริมวิตามินดีสามารถลดความรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ได้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการปรับปรุงเกราะป้องกันจุลินทรีย์ของผิวหนัง (antimicrobial barrier) และเพิ่มความชุ่มชื้น ผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำมากอาจมีอาการผิวแห้งและคันซึ่งไม่ตอบสนองต่อมอยส์เจอไรเซอร์ได้ดีนัก จนกว่าจะได้รับการแก้ไขภาวะขาดวิตามินดี

5. สังกะสี (Zinc): ควบคุมการผลิตน้ำมันและลดการอักเสบ

สังกะสีมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการผลิตซีบัม (น้ำมันบนผิว) และลดการอักเสบ โดยเฉพาะในผิวที่เป็นสิวง่าย นอกจากนี้ สังกะสียังช่วยรักษาความสมบูรณ์ของเกราะป้องกันผิวและจำเป็นต่อการสมานแผล

การขาดสังกะสีอาจทำให้ผิวแห้ง หยาบ เป็นผื่นคล้ายэкзема และทำให้แผลหายช้า ปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDA) คือ 8 มิลลิกรัมสำหรับผู้หญิง และ 11 มิลลิกรัมสำหรับผู้ชาย โดยไม่ควรบริโภคเกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะขาดทองแดงได้

กรดไขมันจำเป็น (Omega-3): กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว

กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวจากภายใน โดยการเสริมสร้างเกราะไขมันของผิว (lipid barrier) และต่อต้านการอักเสบ

การขาดกรดไขมันจำเป็นอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ แห้งเป็นขุยคล้ายเกล็ดงู ซึ่งไม่ตอบสนองต่อมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไป การศึกษาทางคลินิกพบว่าการเสริมโอเมก้า 3 (เช่น น้ำมันปลา) สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว ลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง (TEWL) และบรรเทาอาการผิวแห้งและคันที่เกี่ยวข้องกับภาวะต่างๆ เช่น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (atopic dermatitis)

ผิวแห้งไม่ได้เกิดจากการขาดวิตามินเสมอไป: สาเหตุอื่นที่ควรทราบ

ผิวแห้งอาจเกิดจากปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่การขาดวิตามินได้ ซึ่งรวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคประจำตัว และผลข้างเคียงจากยา

สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ผิวแห้ง ได้แก่:

  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและอายุ: อากาศแห้งและเย็น (โดยเฉพาะในฤดูหนาว) การใช้เครื่องทำความร้อน การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน และอายุที่มากขึ้นซึ่งทำให้ผิวผลิตน้ำมันตามธรรมชาติน้อยลง
  • พฤติกรรมการอาบน้ำ: การอาบน้ำร้อนหรืออาบน้ำนานเกินไป การใช้สบู่ที่รุนแรง และการขัดผิวบ่อยครั้ง สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวและขจัดน้ำมันตามธรรมชาติออกไป
  • โรคประจำตัว: ภาวะต่างๆ เช่น ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ โรคเบาหวาน และโรคไตเรื้อรัง มักส่งผลให้ผิวแห้งอย่างรุนแรง
  • ผลข้างเคียงจากยา: ยาบางชนิด เช่น ยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์ ยาขับปัสสาวะ และยาเคมีบำบัด สามารถทำให้ผิวแห้งได้
  • โรคผิวหนังโดยตรง: ภาวะเช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) เป็นสาเหตุของผิวแห้ง แตก และคัน

แนวทางการดูแลผิวแห้งให้ได้ผล: จากอาหารสู่การบำรุง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อจัดการกับผิวแห้ง สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนวิธีการอาบน้ำ, ควบคุมสภาพแวดล้อม, ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน, และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

พฤติกรรมที่แนะนำเพื่อช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งมีดังนี้

  • การอาบน้ำ: อาบน้ำให้สั้นลงด้วยน้ำอุ่น (ไม่ร้อนจัด) ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอม จากนั้นซับผิวเบาๆ ให้พอหมาดแล้วทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
  • สภาพแวดล้อม: ใช้เครื่องทำความชื้นในห้อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวหรือเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสลมหนาวหรืออากาศแห้งจัดเป็นเวลานาน
  • อาหารและการดื่มน้ำ: ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็น เช่น ปลาที่มีไขมันสูง, เมล็ดแฟลกซ์, และวอลนัท เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
  • การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: จัดการความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สวมเสื้อผ้าที่นุ่มและระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และสวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือน้ำยาทำความสะอาด

การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม

ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมสำคัญ 3 กลุ่ม คือ สารปิดกั้น (Occlusives) สารดูดความชื้น (Humectants) และเซราไมด์ (Ceramides) ซึ่งมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีมักจะผสมผสานส่วนประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนผสมที่แนะนำสำหรับผิวแห้ง ได้แก่:

  • สารปิดกั้น (Occlusives): สร้างเกราะป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว เช่น ปิโตรเลียม (petrolatum), มิเนอรัลออยล์ (mineral oil), ไดเมทิโคน (dimethicone)
  • สารดูดความชื้น (Humectants): ดึงน้ำเข้าสู่ผิว เช่น กลีเซอรีน (glycerin), กรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid), ยูเรีย (urea)
  • เซราไมด์ (Ceramides): ช่วยเติมเต็มไขมันตามธรรมชาติและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
  • ส่วนผสมเพิ่มเติมสำหรับปัญหาเฉพาะ:
  • อาการคัน: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคอลลอยดัลโอ๊ตมีล (colloidal oatmeal)
  • ผิวลอกเป็นขุยหรือหยาบกร้าน: เลือกครีมที่มีส่วนผสมของยูเรีย (urea) หรือกรดแลคติก (lactic acid) ในความเข้มข้นปานกลาง (5–12%)

โดยทั่วไป ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและสีย้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง

อาหารเสริม: จำเป็นแค่ไหนและควรเลือกอย่างไร

โดยทั่วไปแล้วอาหารเสริมไม่จำเป็นสำหรับผิวแห้งธรรมดา และการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารจะดีกว่ามาก การรับประทานวิตามินเสริมโดยไม่มีภาวะขาดสารอาหารที่ชัดเจนมีหลักฐานสนับสนุนน้อยมากว่าจะมีประโยชน์

อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมบางชนิดอาจมีประโยชน์ในบางกรณี:

  • น้ำมันปลา (โอเมก้า 3): เป็นอาหารเสริมที่มีหลักฐานสนับสนุนมากที่สุด โดยมีการศึกษาพบว่าการรับประทาน EPA/DHA ประมาณ 1-3 กรัมต่อวัน สามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิวและลดความแห้งได้
  • คอลลาเจนเปปไทด์: งานวิจัยบางชิ้นพบว่าอาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวในผู้สูงอายุ แต่ผลลัพธ์ยังไม่แน่นอน
  • ซิงค์ (สังกะสี) หรือไบโอติน: จะช่วยได้ก็ต่อเมื่อร่างกายมีภาวะขาดแร่ธาตุเหล่านี้จริงๆ เท่านั้น
  • กรดไฮยาลูโรนิกชนิดรับประทาน: เป็นอาหารเสริมที่กำลังได้รับความสนใจ แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม

สิ่งสำคัญคือควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมเสมอ เพราะการบริโภคเกินขนาดอาจส่งผลเสียได้ เช่น วิตามินเอที่มากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและลอกได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและจำไว้ว่าอาหารเสริมเป็นเพียงตัวช่วยเสริม ไม่สามารถทดแทนการดูแลผิวและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้

อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดปัญหาผิวแห้ง

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงและแอลกอฮอล์ รวมถึงการควบคุมอาหารที่เข้มงวดเกินไป เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดปัญหาผิวแห้ง เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลเสียต่อความชุ่มชื้นของผิวได้

  • เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ: เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะส่งเสริมให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งส่งผลโดยตรงทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
  • การควบคุมอาหารที่ไม่เหมาะสม: การอดอาหาร (crash diets) หรือการงดไขมันโดยสิ้นเชิง (fat-free diets) เป็นอันตรายต่อผิว เพราะทำให้ผิวขาดแคลอรี่ โปรตีน และไขมันที่จำเป็น ซึ่งจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของผิวที่หมองคล้ำ แห้ง และเป็นขุย

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิวแห้งรุนแรง

ควรไปพบแพทย์เมื่อผิวแห้งรุนแรงและไม่ดีขึ้นแม้จะใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อมีสัญญาณเตือนอื่นๆ ร่วมด้วย

สัญญาณเตือนที่ควรไปพบแพทย์ ได้แก่:

  • มีอาการคันหรือเจ็บปวดรุนแรงจนรบกวนการนอนหลับหรือการใช้ชีวิตประจำวัน
  • มีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น ผิวหนังแดง บวม มีหนอง หรือรู้สึกอุ่น
  • ผิวแห้งเป็นบริเวณกว้างและไม่ตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป
  • มีอาการทางร่างกายอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ มีไข้ อ่อนเพลีย หรือมีอาการคันทั่วร่างกาย
  • สงสัยว่าอาจเกิดจากการขาดสารอาหาร เนื่องจากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แผลที่มุมปาก หรือผมร่วง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินและผิวแห้ง

ขาดสารอาหารอะไรทำให้ผิวแห้ง?

ภาวะผิวแห้งอาจเกิดจากการขาดวิตามิน A, วิตามิน C, วิตามิน D, วิตามิน E, สังกะสี (Zinc) และกรดไขมันจำเป็น (โอเมก้า 3) ซึ่งสารอาหารแต่ละชนิดมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิว

  • วิตามิน A: การขาดวิตามินเอทำให้ผิวหนังแห้งเป็นขุยและอาจมีลักษณะคล้าย “หนังคางคก” (phrynoderma)
  • สังกะสี (Zinc): การขาดสังกะสีมักทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ แห้ง และหยาบกร้าน โดยเฉพาะบริเวณรอบปากและทวารหนัก
  • กรดไขมันจำเป็น (โอเมก้า 3): การขาดกรดไขมันจำเป็นจะทำลายเกราะป้องกันไขมันของผิวหนัง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดผื่นแห้งเป็นขุย
  • วิตามิน C: การขาดวิตามินซีส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนและไขมันที่จำเป็นต่อเกราะป้องกันความชุ่มชื้นของผิว
  • วิตามิน D: การขาดวิตามินดีมีความสัมพันธ์กับอาการผิวแห้งและคัน โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ (eczema)
  • วิตามิน E: แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่การขาดวิตามินอีอาจทำให้ผิวหยาบกร้านและทำให้การสมานแผลแย่ลง

กินวิตามินอะไรช่วยให้ผิวชุ่มชื้น?

สารอาหารที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ได้แก่ โอเมก้า 3, วิตามินซี, วิตามินอี และซิงค์ (สังกะสี) โดยสารอาหารแต่ละชนิดมีบทบาทสำคัญแตกต่างกันไป

  • โอเมก้า 3: ช่วยเสริมสร้างเกราะไขมันของผิว ลดการสูญเสียน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
  • วิตามินซี: ช่วยกระตุ้นการสร้างไขมันที่จำเป็นสำหรับเกราะป้องกันผิวและลดการสูญเสียน้ำ
  • วิตามินอี: ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว
  • ซิงค์ (สังกะสี): มีความสำคัญต่อการรักษาความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว ซึ่งการขาดซิงค์อาจทำให้ผิวแห้งและหยาบกร้านได้
  • วิตามินเอ และ วิตามินดี: มีส่วนช่วยให้ผิวแข็งแรง แต่จะเห็นผลชัดเจนในการปรับปรุงผิวแห้งเมื่อร่างกายมีภาวะขาดวิตามินเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การได้รับวิตามินเอมากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน

ผิวแห้งมากเกิดจากสาเหตุอื่นได้หรือไม่?

ใช่ ผิวแห้งมากอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้หลายอย่าง นอกเหนือจากการขาดสารอาหาร

สาเหตุเหล่านี้รวมถึง:

  • โรคประจำตัว เช่น ภาวะไทรอยด์ต่ำ เบาหวาน และโรคไตเรื้อรัง
  • ผลข้างเคียงของยา เช่น ยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์ ยาขับปัสสาวะ และยาเคมีบำบัด
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม เช่น อายุที่มากขึ้น อากาศแห้งและเย็น การอาบน้ำร้อนบ่อยๆ และการใช้สบู่ที่รุนแรง
  • โรคผิวหนังโดยตรง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema)

อาหารชนิดใดที่คนผิวแห้งควรหลีกเลี่ยง?

คนผิวแห้งควรหลีกเลี่ยง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงและแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก รวมถึงการอดอาหารหรือทานอาหารที่ปราศจากไขมันโดยสิ้นเชิง

เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้มีฤทธิ์ขับปัสสาวะซึ่งส่งเสริมให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้น ส่วนการอดอาหารอย่างหนักหรือการงดไขมันทั้งหมดจะทำให้ผิวขาดกรดไขมันที่จำเป็นและสารอาหารที่สำคัญในการสร้างเกราะป้องกันผิว ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ แห้ง และลอกเป็นขุยได้

จำเป็นต้องทานวิตามินเสริมเพื่อแก้ผิวแห้งหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องทานวิตามินเสริมเพื่อแก้ปัญหาผิวแห้ง เว้นแต่จะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะขาดสารอาหารนั้นๆ

การทานวิตามินเสริมจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อผิวแห้งนั้นเกิดจากการขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินเอ หรือซิงค์ สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีผิวแห้งทั่วไป การเน้นทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนและใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวจากภายนอกนั้นเพียงพอและมีประสิทธิภาพมากกว่า

การทานวิตามินเสริมเกินความจำเป็นอาจไม่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น และในบางกรณีอาจส่งผลเสียได้ เช่น การได้รับวิตามินเอมากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและลอกได้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทานอาหารเสริมใดๆ เพื่อประเมินว่ามีความจำเป็นจริงหรือไม่

การทาครีมอย่างเดียวเพียงพอสำหรับแก้ผิวแห้งหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว การทาครีมอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับแก้ปัญหาผิวแห้งเสมอไป

สำหรับผิวแห้งทั่วไปที่ไม่ได้เกิดจากโรคประจำตัว การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การอาบน้ำที่ไม่ร้อนจัดและใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน มักจะเพียงพอ แต่หากผิวแห้งเป็นอาการของภาวะอื่น การทาครีมเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ที่ต้นเหตุได้ เช่น

  • การขาดสารอาหาร: ผิวแห้งที่เกิดจากการขาดวิตามิน (เช่น วิตามินเอ) หรือแร่ธาตุ (เช่น สังกะสี) จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม
  • โรคประจำตัว: หากผิวแห้งเป็นอาการของโรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ เบาหวาน หรือโรคไต จำเป็นต้องรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุควบคู่กันไป

References:

  1. American Academy of Dermatology (AAD). (n.d.). Dry Skin: Causes and Treatment. AAD. aad.org
  2. Mayo Clinic. (n.d.). Dry Skin: Symptoms and Causes. Mayo Clinic. mayoclinic.org
  3. Cleveland Clinic. (n.d.). Vitamin Deficiency and Skin Health. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  4. National Institute of Health. (n.d.). Vitamins and Minerals for Skin Health. NIH. nih.gov
  5. MDPI. (n.d.). Vitamin D Supplementation for Treating Atopic Dermatitis. MDPI Nutrients. mdpi.com
  6. Wiley. (n.d.). Omega-3 Supplementation and Skin Hydration. Journal of Cosmetic Dermatology. wiley.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
หน้าแห้งใช้อะไรดี? 3 สเต็ปบูสต์ผิวชุ่มชื้นด้วยไฮยาและเซราไมด์
NextContinue
อยากมีผิวขาวขึ้น 7 ความเชื่อผิดๆ และวิธีที่เห็นผลจริง ปลอดภัย

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube