มาร์คหน้าทุกวันดีไหม? ไขข้อข้องใจพร้อมวิธีใช้มาส์กที่ถูกต้อง

การมาร์คหน้าคือการบำรุงผิวด้วยสารอาหารเข้มข้นในเวลา 10-20 นาทีเพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด ซึ่งมีหลายประเภททั้งมาส์กแบบแผ่นสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นและมาส์กโคลนสำหรับดูดซับความมัน.
มาส์กหน้าทำงานอย่างไรและมีประโยชน์ต่อผิวในด้านใดบ้าง
มาส์กหน้าทำงานโดยการสร้างชั้นเคลือบบนผิวหนัง (Occlusive Effect) เพื่อเพิ่มการดูดซึมสารบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งมีประโยชน์หลักในการเติมน้ำให้ผิวทันที, สนับสนุนเกราะป้องกันผิว, และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
กลไกการทำงานของมาส์กหน้าประกอบด้วย:
- เพิ่มการซึมผ่านของสารบำรุง ชั้นเคลือบของมาส์กจะช่วยลดการระเหยของน้ำ ทำให้ผิวชั้นนอกนุ่มลงและเปิดรับสารบำรุงต่างๆ ให้ซึมซาบได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว มาส์กช่วยกักเก็บความชื้นไว้บนผิว ลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- นำส่งสารบำรุงเข้มข้น แผ่นมาส์กมักชุ่มไปด้วยเซรั่มเข้มข้น ซึ่งจะค่อยๆ ปล่อยสารบำรุงเข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่มาส์กหน้า
ประโยชน์หลักของการใช้มาส์กหน้า ได้แก่:
- ให้ความชุ่มชื้นและทำให้ผิวอิ่มฟูทันที ส่วนผสมอย่างไฮยาลูรอนิก แอซิด จะช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวดูนุ่มและอิ่มฟูขึ้นทันทีหลังใช้
- สนับสนุนเกราะป้องกันผิว การใช้มาส์กที่มีส่วนผสมอย่างเซราไมด์ (Ceramides) หรือแพนทีนอล (Panthenol) เป็นประจำจะช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและปลอบประโลมผิว มาส์กที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี หรือส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น ว่านหางจระเข้ สามารถช่วยลดรอยแดงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้นได้
มาร์คหน้าทุกวันดีจริงหรือ? เช็กความเหมาะสมตามสภาพผิว
สำหรับผิวมันและผิวเป็นสิวง่าย
สำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย มาสก์โคลน (Clay masks) และมาสก์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) หรือซัลเฟอร์ (Sulfur) เหมาะที่สุด เนื่องจากช่วยดูดซับความมันส่วนเกินและทำความสะอาดรูขุมขน
โดยทั่วไปไม่แนะนำให้มาสก์หน้าทุกวันสำหรับสภาพผิวนี้ แต่ควรใช้มาสก์ประเภทนี้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ การใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งจะกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้นและอาจทำให้เกิดสิวได้
สำหรับผิวแห้งและผิวขาดน้ำ
สำหรับผิวแห้งและผิวขาดน้ำ สามารถใช้มาสก์ได้บ่อยกว่าสภาพผิวอื่น โดยเฉพาะมาสก์ที่เน้นการเติมความชุ่มชื้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งตึงและเป็นขุยได้ทันที
- ความถี่ที่แนะนำ: สามารถใช้มาสก์เติมความชุ่มชื้นได้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจใช้ได้ทุกวันในช่วงสั้นๆ สำหรับผิวที่ขาดน้ำมากเป็นพิเศษ
- ส่วนผสมที่ควรมองหา: ควรเลือกมาสก์ที่มีส่วนผสมช่วยเติมน้ำและซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว เช่น กรดไฮยาลูรอนิก (hyaluronic acid), เซราไมด์ (ceramides), แพนทีนอล (panthenol หรือวิตามินบี 5) และสารสกัดจากใบบัวบก (centella asiatica)
- เคล็ดลับเพิ่มเติม: หลังมาสก์หน้าเสร็จ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทับทันทีเพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้นที่ได้จากมาสก์ไว้ในผิว
สำหรับผิวแพ้ง่ายและระคายเคือง
สำหรับผิวแพ้ง่ายและระคายเคือง ควรเลือกใช้มาสก์สูตรอ่อนโยนที่ช่วยปลอบประโลมผิว และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยแนะนำให้ใช้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
- ส่วนผสมที่แนะนำ: มองหาส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมและลดการอักเสบ เช่น ว่านหางจระเข้, อัลลันโทอิน, ข้าวโอ๊ต, ไนอะซินาไมด์, รากชะเอมเทศ หรือคาโมมายล์
- ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: ควรหลีกเลี่ยงมาสก์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม, น้ำมันหอมระเหย, แอลกอฮอล์ และสารกันเสียบางชนิดที่อาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้
- ข้อควรระวัง: ควรทดสอบอาการแพ้ (Patch Test) ที่บริเวณผิวหนังส่วนเล็กๆ ก่อนใช้กับใบหน้าเสมอ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
ขั้นตอนการมาร์คหน้าที่ถูกต้องเพื่อผลลัพธ์สูงสุด
1. การเตรียมผิวก่อนเริ่มมาร์ค
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมผิวก่อนมาร์คหน้าคือการทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด เพื่อให้ส่วนผสมต่างๆ สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่
ขั้นตอนการเตรียมผิวมีดังนี้:
- ล้างหน้า: ใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและน้ำอุ่นล้างหน้า เพื่อกำจัดเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกที่ตกค้าง
- เปิดรูขุมขน (ไม่จำเป็น): เพื่อเพิ่มการดูดซึม อาจใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบบนใบหน้าประมาณ 1 นาที หรือมาร์คหน้าหลังอาบน้ำอุ่น
- ลงโทนเนอร์ (ไม่จำเป็น): การใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้าจะช่วยเตรียมผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นเบื้องต้นก่อนการมาร์ค
2. ระยะเวลาที่เหมาะสมในการมาร์คหน้า
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการมาสก์หน้าโดยทั่วไปคือ 10-20 นาทีตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์
มาสก์แต่ละชนิดมีระยะเวลาการใช้ที่แตกต่างกัน เช่น มาสก์โคลนอาจใช้เวลาเพียง 5-10 นาที ในขณะที่สลีปปิ้งมาสก์ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ข้ามคืน การทิ้งมาสก์ไว้นานเกินกว่าเวลาที่กำหนดอาจส่งผลเสียได้ เช่น แผ่นมาสก์ที่แห้งแล้วจะเริ่มดูดความชื้นกลับจากผิว หรือมาสก์โคลนและมาสก์ผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้หากทิ้งไว้นานเกินไป
3. การดูแลผิวหลังแกะแผ่นมาส์กออก
หลังจากแกะแผ่นมาส์กออก ควรตบเบาๆ ให้เซรั่มที่เหลือซึมเข้าสู่ผิว แล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ทันที
ไม่ควรล้างหน้าออก เพราะจะทำให้ส่วนผสมบำรุงผิวถูกชะล้างไป การทามอยส์เจอไรเซอร์ทับเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว หากมาส์กหน้าในตอนเช้า ควรทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เลือกประเภทมาส์กอย่างไรให้เหมาะกับปัญหาผิวของคุณ
การเลือกมาส์กให้เหมาะกับปัญหาผิวควรพิจารณาจากส่วนผสมหลักที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหานั้นๆ โดยตรง ควบคู่ไปกับการเลือกเนื้อสัมผัสของมาส์กให้เข้ากับสภาพผิว
คุณสามารถเลือกส่วนผสมที่เหมาะสมกับความต้องการของผิวได้ดังนี้:
- ผิวแห้งขาดน้ำ: เลือกมาส์กที่มีส่วนผสมช่วยเติมความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid), กลีเซอรีน (Glycerin) และแพนทีนอล (Panthenol)
- ผิวมันและเป็นสิวง่าย: มองหาส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและทำความสะอาดรูขุมขน เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil), โคลน (Clay) และชาร์โคล (Charcoal)
- ผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำ: เลือกส่วนผสมที่ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส เช่น วิตามินซี (Vitamin C), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และสารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract)
- ริ้วรอยและความหย่อนคล้อย: มองหาส่วนผสมที่ช่วยชะลอวัย เช่น เรตินอล (Retinol) และเปปไทด์ (Peptides)
- ผิวบอบบางแพ้ง่าย: เลือกส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมและลดการระคายเคือง เช่น ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera), ใบบัวบก (Centella Asiatica), ข้าวโอ๊ต (Oatmeal) และคาโมมายล์ (Chamomile)
มาส์กแบบแผ่น (Sheet Mask)
มาส์กแบบแผ่น (Sheet Mask) คือ แผ่นมาส์กที่ทำจากผ้าหรือไฮโดรเจลบางๆ ซึ่งชุ่มไปด้วยเซรั่ม ที่ออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวอย่างเร่งด่วน โดยอาศัยการสร้างชั้นเคลือบผิวชั่วคราวเพื่อผลักสารบำรุงให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
หลังใช้มาส์กชนิดนี้ ไม่จำเป็นต้องล้างออก แต่ควรนวดเซรั่มที่เหลือให้ซึมเข้าสู่ผิว ความถี่ในการใช้ที่แนะนำคือ 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่หากเป็นสูตรที่อ่อนโยนก็สามารถใช้ได้ทุกวัน อย่างไรก็ตาม หากมาส์กมีส่วนผสมออกฤทธิ์รุนแรง เช่น กรดผลไม้ (AHA) หรือเรตินอล ควรใช้เพียงสัปดาห์ละครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
มาส์กแบบครีมและเจล (Cream & Gel Mask)
มาส์กประเภทนี้ มาในรูปแบบกระปุกหรือหลอด มีเนื้อสัมผัสเป็นครีมเข้มข้นหรือคล้ายเจลลี่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผิวที่แตกต่างกัน
- มาส์กครีม (Cream Mask): มักมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น (emollients) น้ำมัน และวิตามินต่างๆ เหมาะสำหรับผิวแห้งหรือผิวผู้ใหญ่ที่ต้องการการบำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวนุ่มและอาจมีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย
- มาส์กเจล (Gel Mask): มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เนื้อบางเบา มักมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น ว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับผิวขาดน้ำหรือผิวที่ระคายเคือง สามารถแช่เย็นเพื่อเพิ่มความสดชื่นและช่วยลดรอยแดงได้
มาส์กแบบโคลนและชาร์โคล (Clay & Charcoal Mask)
มาส์กโคลนและชาร์โคลคือ มาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก (เช่น เคโอลิน, เบนโทไนต์) หรือถ่านชาร์โคล ซึ่งมีคุณสมบัติในการดีท็อกซ์ผิว มาส์กชนิดนี้เหมาะสำหรับดูดซับความมันส่วนเกิน ดึงสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน และทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก
- คุณสมบัติ: ช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับขึ้นและผิวรู้สึกสะอาดหมดจด
- ความเสี่ยง: อาจทำให้ผิวแห้งเกินไปหากใช้บ่อยหรือทิ้งไว้นานเกินไป ไม่ควรทิ้งไว้จนมาส์กแห้งแตก เพราะจะดึงน้ำมันตามธรรมชาติของผิวออกไปมากเกินความจำเป็น
- ความถี่ที่แนะนำ: โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์สำหรับผิวมัน และ 1-2 ครั้งต่อเดือนสำหรับผิวธรรมดา
เกณฑ์การเลือก: เนื้อสัมผัส ส่วนผสม และวัตถุประสงค์
เกณฑ์การเลือกมาสก์หน้าคือ การเลือกเนื้อสัมผัสให้เหมาะกับสภาพผิว เลือกส่วนผสมที่ตรงกับปัญหาผิว และเลือกมาสก์ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
- เนื้อสัมผัส (Texture): ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ควรเลือกมาสก์เนื้อบางเบาอย่างมาสก์โคลน เจล หรือชีทมาสก์ที่ไม่หนักผิว ส่วนผิวแห้งควรเลือกมาสก์เนื้อครีมหรือเจลที่เข้มข้นเพื่อเติมความชุ่มชื้น
- ส่วนผสม (Ingredients): เลือกส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวโดยตรง
- เพิ่มความชุ่มชื้น: กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid), กลีเซอรีน (Glycerin), ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)
- ลดสิว/ผิวมัน: กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), ชาร์โคล (Charcoal)
- ผิวกระจ่างใส: วิตามินซี (Vitamin C), สารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract)
- ปลอบประโลมผิว: ว่านหางจระเข้ (Aloe), ข้าวโอ๊ต (Oatmeal), ใบบัวบก (Centella Asiatica)
- วัตถุประสงค์ (Purpose): เลือกใช้มาสก์ที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของผิวในขณะนั้น เช่น หากผิวหมองคล้ำ ควรเลือกมาสก์เพื่อความกระจ่างใส (Brightening) หรือหากรู้สึกว่ารูขุมขนอุดตัน ควรเลือกมาสก์โคลนเพื่อทำความสะอาดล้ำลึก (Purifying)
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกใช้มาส์กหน้า
การอ่านส่วนผสมสำคัญ: สารที่ควรมีและสารที่ควรเลี่ยง
การอ่านส่วนผสมของมาสก์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยควรมองหาสารออกฤทธิ์ที่ตรงกับปัญหาผิวและหลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง การเลือกมาสก์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจส่วนผสมหลัก
สารที่ควรมองหา (ตามปัญหาผิว)
- เติมความชุ่มชื้น: กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid), กลีเซอรีน (Glycerin), ว่านหางจระเข้ (Aloe vera), แพนทีนอล (Panthenol)
- ผิวมันและเป็นสิว: กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), ซัลเฟอร์ (Sulfur), ชาร์โคล (Charcoal)
- ผิวกระจ่างใส: วิตามินซี (Vitamin C), สารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice extract), กรดโคจิก (Kojic acid)
- ลดเลือนริ้วรอย: เรตินอล (Retinol), เปปไทด์ (Peptides), คอลลาเจน (Collagen)
- ปลอบประโลมผิวแพ้ง่าย: ใบบัวบก (Centella asiatica), ข้าวโอ๊ต (Oatmeal), อัลลันโทอิน (Allantoin), คาโมมายล์ (Chamomile)
สารที่ควรหลีกเลี่ยง
- แอลกอฮอล์ (Denatured alcohol): อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน
- น้ำหอม (Fragrance/Parfum): เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการแพ้และการระคายเคือง
- น้ำมันหอมระเหยบางชนิด: เช่น เปปเปอร์มินต์ หรือเลมอน อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
- สารกันเสียบางชนิด: เช่น พาราเบน (Parabens) และสารที่ปล่อยฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde-releasers) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง
การใช้มาส์กร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นในรูทีน
โดยทั่วไปแล้ว ควรใช้มาส์กหลังขั้นตอนการทำความสะอาดผิว และก่อนการบำรุงผิวในขั้นตอนอื่นๆ เพื่อให้ส่วนผสมในมาส์กซึมซาบเข้าสู่ผิวที่สะอาดได้อย่างเต็มที่
ลำดับการใช้ที่ถูกต้องคือ:
- ทำความสะอาดผิว: ล้างหน้าให้สะอาดและซับให้แห้ง
- มาส์กหน้า: ใช้มาส์กตามประเภท
- สำหรับชีทมาส์ก (Sheet Mask): เมื่อครบเวลา ให้นำแผ่นมาส์กออกแล้วนวดเซรั่มที่เหลือให้ซึมเข้าสู่ผิว *โดยไม่ต้องล้างออก*
- สำหรับมาส์กที่ต้องล้างออก (Wash-Off Mask): เช่น มาส์กโคลน ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลังครบกำหนดเวลา
- บำรุงผิว: ลงเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ตามปกติเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังคือ เมื่อมีปัญหาผิวเรื้อรัง เกิดอาการแพ้ หรือเมื่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปไม่ได้ผล
คุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่อพบสัญญาณต่อไปนี้:
- ปัญหาผิวเรื้อรัง: หากคุณยังคงมีปัญหาสิว ผิวแห้งลอกเป็นขุย หรือจุดด่างดำที่ไม่ดีขึ้น แม้จะดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอแล้วก็ตาม
- อาการแพ้: หากมีอาการผื่นแดง คัน บวม หรือตุ่มพุพองขึ้นบนใบหน้าหลังใช้มาสก์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส
- ต้องการการวินิจฉัยที่ถูกต้อง: เมื่อไม่แน่ใจเกี่ยวกับสภาพผิวของตนเองและต้องการคำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม หรือเมื่อปัญหาผิวรุนแรงเกินกว่าที่ผลิตภัณฑ์ทั่วไปจะแก้ไขได้ เช่น สิวซีสต์ หรือฝ้าลึก
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและความเสี่ยงจากการมาร์คหน้า
การมาร์คหน้าทิ้งไว้นานเกินกว่าเวลาที่กำหนด
การมาร์คหน้าทิ้งไว้นานเกินกว่าเวลาที่กำหนดอาจส่งผลเสียต่อผิวได้ โดยผลกระทบจะแตกต่างกันไปตามประเภทของมาร์ค
- มาร์คแผ่น (Sheet Mask): หากทิ้งไว้จนแห้ง แผ่นมาร์คจะเริ่มดูดความชุ่มชื้นกลับจากผิว ทำให้ผิวขาดน้ำและระคายเคืองได้
- มาร์คโคลน (Clay Mask): การทิ้งไว้นานเกินไปจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติมากเกินไป ส่งผลให้ผิวแห้งตึงและเกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง
- มาร์คผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Mask): ส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรดอาจซึมลึกลงสู่ผิวมากเกินไป ทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวลอก หรือแม้กระทั่งผิวไหม้ได้
การเลือกใช้มาส์กที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง
การเลือกใช้มาส์กที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การระคายเคือง สิวเห่อ หรือผิวแห้งกร้านกว่าเดิม
การใช้มาส์กที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ปัญหาผิวแย่ลงได้ ตัวอย่างเช่น
- ผิวแพ้ง่าย: หากใช้มาส์กที่รุนแรงเกินไป เช่น มาส์กโคลนหรือมาส์กลอกสิวเสี้ยน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงหรือเส้นเลือดฝอยแตกได้
- ผิวเป็นสิวง่าย: หากใช้มาส์กเนื้อครีมที่เข้มข้นเกินไป อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวเพิ่มขึ้น
- ผิวมัน: การใช้มาส์กสำหรับกลางคืน (Overnight masks) ที่มีส่วนผสมของแว็กซ์หรือบัตเตอร์ที่เนื้อหนักเกินไป อาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้เช่นกัน
อาการไม่พึงประสงค์: ผื่นแดง คัน หรือสิวเห่อ
อาการผื่นแดง คัน หรือสิวเห่อหลังการมาสก์หน้า เป็นสัญญาณของการระคายเคืองหรืออาการแพ้ส่วนผสมในมาสก์ ซึ่งอาจเกิดจากส่วนผสมที่รุนแรงเกินไปสำหรับผิว เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันบูด หรือสารสกัดจากพืชบางชนิด
อาการแสบร้อนหรือคันอย่างรุนแรงเป็นสัญญาณเตือนว่าควรล้างมาสก์ออกทันที ส่วนสิวที่เห่อขึ้นอาจเกิดจากการอุดตันของส่วนผสมบางชนิด หรือเป็นปฏิกิริยาการระคายเคือง ซึ่งแตกต่างจาก “การดันสิว” (Purging) ที่เกิดจากส่วนผสมผลัดเซลล์ผิว หากเกิดอาการแพ้รุนแรง เช่น ผื่นแดงเป็นวงกว้าง หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการมาร์คหน้า
มาร์คหน้าทิ้งไว้ข้ามคืนได้หรือไม่?
สามารถทิ้งมาร์คหน้าไว้ข้ามคืนได้ เฉพาะเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าเป็น ‘สลีปปิ้งมาร์ค’ (sleeping mask) หรือ ‘โอเวอร์ไนท์มาร์ค’ (overnight mask) เท่านั้น เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่บนผิวได้นานและซึมซาบเหมือนมอยส์เจอไรเซอร์
ไม่ควรทิ้งมาร์คทั่วไป เช่น มาร์คแผ่น (sheet mask) หรือมาร์คโคลน (clay mask) ไว้ข้ามคืน เพราะเมื่อมาร์คแผ่นแห้งจะเริ่มดึงความชุ่มชื้นกลับจากผิว ส่วนมาร์คโคลนอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองอย่างรุนแรงได้
หลังมาร์คหน้าต้องล้างหน้าออกไหม?
การล้างหน้าหลังมาร์คหน้า ขึ้นอยู่กับประเภทของมาร์คที่ใช้
- มาร์คที่ไม่ต้องล้างออก: โดยทั่วไปคือแผ่นมาร์คหน้า (Sheet Mask) และมาร์คเจลบางชนิด หลังใช้ให้นำแผ่นมาร์คออกแล้วนวดเซรั่มที่เหลืออยู่ให้ซึมเข้าสู่ผิว ไม่ต้องล้างออก
- มาร์คที่ต้องล้างออก: มาร์คโคลน มาร์คโคลนพอกหน้า และมาร์คผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Mask) ควรล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เพื่อไม่ให้มีสิ่งตกค้างบนผิว
ควรทาสกินแคร์ก่อนหรือหลังมาร์คหน้า?
โดยทั่วไปแล้ว ควรใช้มาสก์หน้าหลังขั้นตอนการทำความสะอาดผิว และก่อนการบำรุงผิวในขั้นตอนอื่นๆ เพื่อให้สารบำรุงในมาสก์ซึมซาบเข้าสู่ผิวที่สะอาดได้อย่างเต็มที่
ลำดับการใช้งานจะแตกต่างกันไปตามประเภทของมาสก์:
- มาสก์ที่ต้องล้างออก (เช่น มาสก์โคลน): ใช้หลังล้างหน้า เมื่อครบกำหนดเวลาให้ล้างออก แล้วจึงตามด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์
- มาสก์แผ่น (Sheet Mask): ใช้หลังล้างหน้า เมื่อเอาแผ่นมาสก์ออก ไม่ต้องล้างหน้า แต่ให้นวดเซรั่มที่เหลืออยู่บนผิวให้ซึมเข้าผิว แล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อล็อกความชุ่มชื้น
- มาสก์นอน (Sleeping Mask): ใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวก่อนนอน โดยทาทับเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ได้เลย
มาร์คหน้าบ่อยแค่ไหนถึงจะดีที่สุด?
ความถี่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่คือ 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของมาสก์และสภาพผิวของคุณเป็นสำคัญ
ความถี่ในการใช้มาสก์ที่แนะนำตามประเภทของมาสก์มีดังนี้:
- มาสก์ให้ความชุ่มชื้น (Hydrating Masks): มาสก์ประเภทนี้มีความอ่อนโยน สามารถใช้ได้บ่อยครั้ง หรืออาจใช้ได้ทุกวันหากผิวของคุณรับไหว
- มาสก์โคลน ชาร์โคล หรือมาสก์ผลัดเซลล์ผิว (Clay, Charcoal, or Exfoliating Masks): ควรใช้เพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหรือทำให้ผิวแห้งจนเกินไป
- มาสก์ที่มีส่วนผสมเข้มข้น (Potent Masks): เช่น มาสก์ที่มีกรดผลไม้ (AHA) หรือเรตินอล ควรจำกัดการใช้เพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันการระคายเคือง
ทำไมมาร์คหน้าแล้วรู้สึกแสบหรือสิวขึ้น?
อาการแสบหรือสิวขึ้นหลังมาร์คหน้าเกิดจากการระคายเคืองต่อส่วนผสมที่รุนแรงเกินไป, อาการแพ้, หรือการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามาร์คชนิดนั้นอาจไม่เหมาะกับผิวของคุณ
- อาการแสบ: มักเป็นสัญญาณของการระคายเคืองจากส่วนผสมบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์, เมนทอล, น้ำหอม หรือกรดผลไม้ที่มีความเข้มข้นสูง หากรู้สึกแสบมากควรล้างออกทันที
- สิวขึ้น: อาจเกิดจากส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic), การระคายเคืองที่กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ หรืออาจเป็นกระบวนการ “ดันสิว” (Purging) หากมาร์คมีส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรด AHA หรือเรตินอยด์
มาร์คหน้าตอนเช้ากับตอนกลางคืนต่างกันอย่างไร?
การมาร์คหน้าตอนเช้าและตอนกลางคืนให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและประเภทของมาร์คที่ใช้
การมาร์คหน้าในตอนเช้าจะเน้นการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับวันใหม่ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและกระจ่างใสในทันที ซึ่งช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายและเรียบเนียนขึ้น มาร์คที่เหมาะสำหรับตอนเช้าคือมาร์คประเภทให้ความชุ่มชื้นหรือมาร์คเจล
ในทางกลับกัน การมาร์คหน้าตอนกลางคืนเหมาะสำหรับการบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก เป็นช่วงเวลาที่สามารถใช้มาร์คที่มีส่วนผสมเข้มข้น เช่น มาร์คโคลนเพื่อทำความสะอาดรูขุมขน หรือมาร์คที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active ingredients) อย่างเรตินอลหรือกรดผลไม้ (AHA) เพื่อให้ผิวได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ในขณะนอนหลับ
References:
- Baumann, L. (2024). Dermatologist’s Advice on Face Masks and How to Use Them. Skin Type Solutions. skintypesolutions.com
- Wang, Y. et al. (2024). Short-term skin reactions and changes in stratum corneum with different facial sheet mask usage. Journal of Tissue Viability. nih.gov
- Gao, M. et al. (2025). Evaluation of a Panthenol-Enriched Mask for Skin Barrier Recovery After Laser Treatment. Journal of Cosmetic Dermatology. onlinelibrary.wiley.com
- Yang, F. et al. (2025). Clinical Evaluation of a Multi-Component Facial Mask for Moisturizing, Repairing, and Anti-Aging Effects. Journal of Cosmetic Dermatology. onlinelibrary.wiley.com
- Quinn, D. (2025). 6 Common Face Mask and Sheet Mask Mistakes. Real Simple. realsimple.com
- Alamo Heights Dermatology. (2024). Face Masks: Are They Really Beneficial? Alamo Heights Dermatology. alamoheightsderm.com
