Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Wellness

วิตามินบี 12 เพื่อผิวสวยสุขภาพดี: ประโยชน์และวิธีใช้ที่ถูกต้อง

Byadmin พฤศจิกายน 7, 2025พฤศจิกายน 7, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on พฤศจิกายน 7, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

Table of Contents

Toggle
  • วิตามินบี 12 คืออะไร และสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
  • ประโยชน์ของวิตามินบี 12 ต่อผิวพรรณ ความงาม และสุขภาพ
    • การฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
    • บทบาทต่อสุขภาพเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง
    • ความสำคัญต่อระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • สัญญาณเตือนภาวะขาดวิตามินบี 12 ที่ไม่ควรมองข้าม
    • อาการทางร่างกายและผิวพรรณที่สังเกตได้
    • กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจวัดระดับวิตามินบี 12 เป็นพิเศษ
  • วิธีเสริมวิตามินบี 12: จากอาหารสู่การดูแลโดยแพทย์
    • แหล่งวิตามินบี 12 ในอาหารที่หารับประทานได้ง่าย
    • รูปแบบอาหารเสริม: การเลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม
    • การฉีดวิตามินบี 12: ข้อดีและข้อควรพิจารณา
  • ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมวิตามินบี 12
    • ปริมาณที่แนะนำต่อวันตามช่วงวัยและสภาวะร่างกาย
    • ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้
    • การตรวจวินิจฉัยภาวะขาดวิตามินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินบี 12
    • วิตามินบี 12 ได้จากอาหารอะไรบ้าง
    • ถ้าขาดวิตามินบี 12 จะมีอาการอย่างไร
    • การกินวิตามินบี 12 ทุกวันอันตรายหรือไม่
    • ฉีดวิตามินบี 12 ช่วยเรื่องผิวได้จริงไหม
    • ควรรับประทานวิตามินบี 12 ตอนไหนดีที่สุด
    • วิตามินบี 12 จำเป็นสำหรับทุกคนหรือไม่
  • References:

วิตามินบี 12 คืออะไร และสำคัญต่อร่างกายอย่างไร

Vitamin-B12

วิตามินบี 12 (โคบาลามิน) คือวิตามินบีชนิดที่ละลายในน้ำซึ่งจำเป็นต่อการสร้าง DNA การผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง และการทำงานของระบบประสาท วิตามินชนิดนี้พบได้ตามธรรมชาติในอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อปลา ไข่ และผลิตภัณฑ์นม ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตวิตามินบี 12 ได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม วิตามินบี 12 มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคโลหิตจางบางชนิดและจำเป็นต่อการพัฒนาและการบำรุงรักษาระบบประสาทส่วนกลางให้แข็งแรง

ประโยชน์ของวิตามินบี 12 ต่อผิวพรรณ ความงาม และสุขภาพ

การฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

วิตามินบี 12 มีบทบาทสำคัญในการผลัดเซลล์ผิวใหม่และซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ โดยจำเป็นต่อกระบวนการสร้าง DNA ซึ่งช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการสร้างเม็ดสีและการอักเสบของผิว การมีวิตามินบี 12 ที่เพียงพอจึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น

บทบาทต่อสุขภาพเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง

วิตามินบี 12 มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและบำรุงเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง โดยช่วยในการผลิตเซลล์และลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อเหล่านี้

วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่นำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงรากผมและฐานเล็บ การขาดวิตามินบี 12 อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ผมอ่อนแอ ผมหงอกก่อนวัย ผมร่วงมากขึ้น รวมถึงเล็บเปราะหรือมีสีคล้ำผิดปกติได้

ความสำคัญต่อระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือดแดง

วิตามินบี 12 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการทำงานของระบบประสาท รวมถึงการสร้างเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์

วิตามินบี 12 มีบทบาทสำคัญต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ดังนี้

  • ระบบประสาท: จำเป็นต่อการพัฒนาและสร้างปลอกไมอีลิน (myelin) ซึ่งเป็นปลอกหุ้มเส้นประสาท หากขาดวิตามินบี 12 อาจทำให้เส้นประสาทเสียหายและเกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า ปัญหาด้านการทรงตัว หรือความจำเสื่อมได้
  • การสร้างเม็ดเลือดแดง: มีส่วนสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์ DNA ซึ่งจำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์และการผลิตเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์ การขาดวิตามินบี 12 จะนำไปสู่ภาวะโลหิตจางบางชนิด ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียและผิวซีด

สัญญาณเตือนภาวะขาดวิตามินบี 12 ที่ไม่ควรมองข้าม

อาการทางร่างกายและผิวพรรณที่สังเกตได้

อาการขาดวิตามินบี 12 ที่สังเกตได้ทางร่างกายและผิวพรรณ ได้แก่ ผิวซีดหรือเหลือง รอยดำคล้ำบนผิวหนัง ลิ้นอักเสบ ผมร่วง และเล็บเปราะ

สัญญาณเตือนเหล่านี้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าการผลิตเซลล์และสถานะสารอาหารของร่างกายบกพร่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ผิวซีดหรืออมเหลือง: เกิดจากการมีเม็ดเลือดแดงที่แข็งแรงน้อยลงและภาวะดีซ่านเล็กน้อย
  • รอยดำคล้ำบนผิวหนัง (Hyperpigmentation): บางคนอาจมีรอยคล้ำขึ้นตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณมือ เท้า และตามรอยพับ ซึ่งจะดีขึ้นเมื่อได้รับการรักษา
  • ลิ้นอักเสบ (Glossitis): ลิ้นจะมีลักษณะเรียบ บวม และแดง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนในระยะแรกๆ
  • แผลในปากหรือมุมปากอักเสบ: อาจพบแผลในปากหรือรอยแตกที่มุมปากร่วมด้วย
  • การเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและเล็บ: อาจมีอาการผมบาง ผมร่วง หรือผมหงอกก่อนวัย รวมถึงเล็บเปราะหรือมีสีน้ำตาลคล้ำ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจวัดระดับวิตามินบี 12 เป็นพิเศษ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจวัดระดับวิตามินบี 12 เป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน, ผู้ที่มีภาวะผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร และผู้ที่ใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน

สาเหตุที่กลุ่มเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง มีดังนี้:

  • ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป): ร่างกายผลิตกรดในกระเพาะอาหารลดลง ทำให้การดูดซึมวิตามินบี 12 จากอาหารทำได้ไม่ดีเท่าเดิม
  • ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติและวีแกน: วิตามินบี 12 พบได้ตามธรรมชาติในผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารจากพืชเป็นหลักจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะขาดวิตามินนี้
  • ผู้ที่มีภาวะผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร: ผู้ป่วยโรคโครห์น (Crohn’s disease) หรือผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือลำไส้ อาจมีปัญหาในการดูดซึมวิตามินบี 12
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน: ยาบางชนิด เช่น เมตฟอร์มิน (Metformin) ที่ใช้รักษาเบาหวาน และยาลดกรดกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) สามารถรบกวนการดูดซึมวิตามินบี 12 ได้

วิธีเสริมวิตามินบี 12: จากอาหารสู่การดูแลโดยแพทย์

เราสามารถเสริมวิตามินบี 12 ได้ 3 วิธีหลัก คือ จากอาหาร การรับประทานอาหารเสริม และการฉีด ซึ่งแต่ละวิธีเหมาะกับความต้องการและเงื่อนไขทางสุขภาพที่แตกต่างกัน

  • อาหาร: เป็นวิธีพื้นฐานที่สุด วิตามินบี 12 พบได้ตามธรรมชาติในอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ ตับ หอย ปลา สัตว์ปีก ไข่ และผลิตภัณฑ์นม สำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน สามารถเลือกทานอาหารที่เสริมวิตามินบี 12 เช่น ซีเรียลอาหารเช้า หรือนมจากพืช
  • อาหารเสริมชนิดรับประทาน: เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับวิตามินบี 12 จากอาหารได้เพียงพอ เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ทานมังสวิรัติ มีจำหน่ายในรูปแบบเม็ดหรือยาที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน
  • การฉีดวิตามินบี 12: เป็นการรักษาทางการแพทย์สำหรับผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินอย่างรุนแรง หรือมีปัญหาการดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร การฉีดจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินโดยตรงและรวดเร็ว

แหล่งวิตามินบี 12 ในอาหารที่หารับประทานได้ง่าย

แหล่งวิตามินบี 12 ที่หารับประทานได้ง่ายคือ อาหารที่มาจากสัตว์เป็นหลัก

อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งวิตามินบี 12 ที่ดีและพบได้ทั่วไป

  • ปลา เนื้อสัตว์ปีก และเนื้อแดง
  • ไข่
  • ผลิตภัณฑ์จากนม
  • อาหารเสริมวิตามิน (Fortified foods) เช่น ซีเรียลอาหารเช้า นมจากพืช และนิวทริชันแนล ยีสต์ ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกน

รูปแบบอาหารเสริม: การเลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม

วิตามินบี 12 ในรูปแบบอาหารเสริมมี 2 ชนิดที่พบบ่อยคือ ไซยาโนโคบาลามิน (cyanocobalamin) และเมทิลโคบาลามิน (methylcobalamin) โดยมีปริมาณตั้งแต่ 50 ถึง 1,000 ไมโครกรัม (mcg) ซึ่งทั้งสองรูปแบบมีประสิทธิภาพในการดูดซึมใกล้เคียงกัน

การเลือกปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ดังนี้

  • สำหรับการบำรุงรักษาระดับวิตามิน: ในกลุ่มผู้ทานวีแกนหรือผู้สูงอายุ ปริมาณ 50–250 ไมโครกรัมต่อวันมักจะเพียงพอ
  • สำหรับการแก้ไขภาวะขาดวิตามิน: ในผู้ที่ขาดวิตามินหรือมีปัญหาการดูดซึม มักใช้ปริมาณที่สูงขึ้นคือ 500–1,000 ไมโครกรัม ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

การฉีดวิตามินบี 12: ข้อดีและข้อควรพิจารณา

การฉีดวิตามินบี 12 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะขาดวิตามินบี 12 ระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการดูดซึม

ข้อดี

  • ดูดซึมได้โดยตรง: การฉีดจะนำวิตามินเข้าสู่ร่างกายโดยตรงโดยไม่ผ่านระบบย่อยอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะพร่อง B12 จากการดูดซึมผิดปกติ เช่น โรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียส (Pernicious Anemia)
  • เห็นผลรวดเร็ว: สามารถเติมเต็มวิตามินบี 12 ที่ขาดไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียและอาการทางระบบประสาทได้ภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์
  • ฟื้นฟูสุขภาพผิว: ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 12 เช่น รอยดำผิดปกติ (Hyperpigmentation) หรือแผลที่มุมปาก

ข้อควรพิจารณา

  • ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์: การฉีดวิตามินบี 12 เป็นการรักษาทางการแพทย์ที่ต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • อาจมีผลข้างเคียง: แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่อาจเกิดอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด วิงเวียนศีรษะ หรือท้องเสียชั่วคราวได้
  • ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับทุกคน: การฉีดจะได้ผลดีที่สุดในผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าขาดวิตามินบี 12 เท่านั้น และไม่ถือเป็นการรักษาด้านความงามโดยทั่วไปสำหรับผู้ที่มีระดับวิตามินปกติ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมวิตามินบี 12

ปริมาณที่แนะนำต่อวันตามช่วงวัยและสภาวะร่างกาย

ปริมาณวิตามินบี 12 ที่แนะนำต่อวัน (RDA) สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีคือ 2.4 ไมโครกรัม แต่ความต้องการจะเพิ่มขึ้นตามช่วงวัยและสภาวะร่างกายที่แตกต่างกันไป

  • หญิงตั้งครรภ์: ต้องการประมาณ 2.6 ไมโครกรัมต่อวัน
  • หญิงให้นมบุตร: ต้องการประมาณ 2.8 ไมโครกรัมต่อวัน
  • เด็ก: ต้องการในปริมาณที่น้อยกว่าผู้ใหญ่ และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงระดับผู้ใหญ่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย

ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการใช้

วิตามินบี 12 มีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและมีพิษต่ำ ร่างกายจึงสามารถขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้ และยังไม่มีการกำหนดปริมาณสูงสุดที่รับได้ต่อวัน (Tolerable Upper Intake Level)

  • ผลข้างเคียง: พบได้น้อยมาก แต่ในบางกรณี การใช้ในปริมาณที่สูงมากอาจเชื่อมโยงกับปัญหาสิวหรือโรคโรซาเชียกำเริบได้
  • ข้อควรระวัง: การใช้ยาบางชนิดในระยะยาว เช่น ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) สำหรับเบาหวาน และยาลดกรดกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) อาจลดการดูดซึมวิตามินบี 12 ได้

การตรวจวินิจฉัยภาวะขาดวิตามินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การวินิจฉัยภาวะขาดวิตามินบี 12 ทำได้โดยการตรวจเลือด เพื่อยืนยันระดับวิตามินในร่างกาย เนื่องจากอาการของการขาดวิตามินบี 12 เช่น อ่อนเพลีย หรืออาการชา สามารถซ้อนทับกับภาวะอื่นๆ ได้ การปรึกษาแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ

โดยทั่วไป แพทย์จะตรวจวัดระดับวิตามินบี 12 ในซีรัม หากผลอยู่ในเกณฑ์ก้ำกึ่ง อาจมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน เช่น การวัดระดับกรดเมทิลมาโลนิก (MMA) หรือโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) การระบุสาเหตุของการขาดวิตามินก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะจะส่งผลต่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินบี 12

วิตามินบี 12 ได้จากอาหารอะไรบ้าง

วิตามินบี 12 พบได้ตามธรรมชาติในอาหารที่มาจากสัตว์เท่านั้น แต่ก็มีการเติมวิตามินชนิดนี้ลงในอาหารบางชนิดสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ

แหล่งอาหารของวิตามินบี 12 ได้แก่:

  • เครื่องในสัตว์ เช่น ตับวัว
  • หอย เช่น หอยลาย
  • ปลา สัตว์ปีก และเนื้อแดง
  • ไข่และผลิตภัณฑ์จากนม
  • อาหารที่เสริมวิตามินบี 12 (Fortified foods) เช่น ซีเรียลอาหารเช้า นมจากพืช และนิวทริชันแนล ยีสต์ (nutritional yeast)

ถ้าขาดวิตามินบี 12 จะมีอาการอย่างไร

อาการของการขาดวิตามินบี 12 มีหลากหลาย ตั้งแต่สัญญาณทางร่างกายไปจนถึงระบบประสาทและจิตใจ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้

  • อาการทางร่างกายและผิวหนัง: ผิวซีดหรืออมเหลือง, ผิวหนังคล้ำขึ้นเป็นหย่อมๆ (hyperpigmentation), ลิ้นอักเสบ (glossitis) ซึ่งมีลักษณะเรียบและแดง, มีแผลในปาก, ผมร่วงหรือหงอกก่อนวัย และเล็บเปราะบาง
  • อาการทางระบบประสาทและจิตใจ: อาการชาหรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มตามมือและเท้า, เดินลำบากหรือทรงตัวได้ไม่ดี, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, ความจำเสื่อม, สับสน, ไม่มีสมาธิ และอารมณ์เปลี่ยนแปลง เช่น ซึมเศร้าหรือหงุดหงิด

การกินวิตามินบี 12 ทุกวันอันตรายหรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว การกินวิตามินบี 12 ทุกวันไม่เป็นอันตราย เนื่องจากมีความเป็นพิษต่ำมาก

วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ทำให้ร่างกายสามารถขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้ง่าย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีการกำหนดปริมาณสูงสุดที่รับได้ต่อวัน (Tolerable Upper Intake Level) และผลข้างเคียงจากการรับประทานในปริมาณสูงก็พบได้น้อยมาก

ฉีดวิตามินบี 12 ช่วยเรื่องผิวได้จริงไหม

การฉีดวิตามินบี 12 สามารถช่วยปรับปรุงปัญหาผิวบางอย่างได้จริง แต่จะได้ผลก็ต่อเมื่อปัญหาผิวนั้นเกิดจากการขาดวิตามินบี 12 เท่านั้น

เมื่อผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินบี 12 ได้รับการฉีดวิตามิน จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวที่ผิดปกติให้กลับมาดีขึ้นได้ เช่น ช่วยให้รอยดำคล้ำบนผิวจางลง และช่วยสมานแผลหรือรอยแตกที่มุมปาก เนื่องจากวิตามินบี 12 มีบทบาทสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีระดับวิตามินบี 12 ในร่างกายปกติ การฉีดวิตามินบี 12 เพิ่มเติมไม่พบว่ามีประโยชน์ในการบำรุงผิวให้ดีขึ้นแต่อย่างใด

ควรรับประทานวิตามินบี 12 ตอนไหนดีที่สุด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานวิตามินบี 12 คือ ตอนเช้า ขณะท้องว่าง หรือพร้อมกับอาหารมื้อเบาๆ การรับประทานตอนเช้าจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่กระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง นอกจากนี้ วิตามินบี 12 อาจช่วยเพิ่มพลังงาน การรับประทานในช่วงเช้าจึงเหมาะสมกว่าและไม่รบกวนการนอนหลับ

วิตามินบี 12 จำเป็นสำหรับทุกคนหรือไม่

วิตามินบี 12 ไม่จำเป็นสำหรับทุกคน แต่จะจำเป็นสำหรับบางกลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินชนิดนี้ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอาหารและสุขภาพของแต่ละบุคคล

กลุ่มที่ควรได้รับวิตามินบี 12 เสริม ได้แก่

  • ผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน เนื่องจากวิตามินบี 12 พบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้น
  • ผู้สูงอายุ (อายุ 50 ปีขึ้นไป) เพราะร่างกายจะดูดซึมวิตามินบี 12 จากอาหารได้ลดลง
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคโครห์น (Crohn’s disease) หรือผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะอาหาร
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน (เมตฟอร์มิน) หรือยาลดกรด

ในทางกลับกัน ผู้ที่รับประทานอาหารหลากหลายและบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นประจำมักจะได้รับวิตามินบี 12 เพียงพอจากอาหารและไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริม

References:

  1. National Institutes of Health – Office of Dietary Supplements. Vitamin B12 – Health Professional Fact Sheet. NIH ODS. ods.od.nih.gov
  2. Jin, N., Chen, Y., & Guo, T. Role of Nutritional Elements in Skin Homeostasis: A Review. Biomolecules (MDPI). mdpi.com
  3. Chun, H., Lee, H., Kim, J., et al. Efficacy of Vitamin B12 and Adenosine Triphosphate in Enhancing Skin Radiance. Current Issues in Molecular Biology (MDPI). mdpi.com
  4. Healthline. Health Benefits of Vitamin B12, Based on Science. Healthline. healthline.com
  5. Linus Pauling Institute. Vitamin B12. Oregon State University, Micronutrient Information Center. lpi.oregonstate.edu

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
วิตามินเค (Vitamin K) ตัวช่วยลดรอยช้ำ รอยแดง หลังทำเลเซอร์
NextContinue
วิตามินบี 7 (ไบโอติน) คืออะไร? ประโยชน์ต่อผิวและเส้นผมที่ควรรู้

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube